จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 87
เผยชื่อของลูกพี่ตนเองออกมาแล้ว เขาเชื่อว่าจะต้องขู่ขวัญคนผู้นี้ได้แน่
ที่หนานหลิง หยางซ่าวหานเป็นผู้มีอิทธิพลที่โด่งดัง มีชื่อเสียงด้านความโหด ว่ากันว่ายังฆ่าคนมาแล้วไม่น้อย พี่ชายของเขาคือเสือดาวดำ และก็คือลูกพี่ของแก๊งเสือดาวดำด้วย เป็นเพราะพี่ชายของเขาเป็นลูกพี่ใหญ่ เขาถึงได้กำเริบเสิบสานเช่นนี้
แก๊งเสือดาวดำคือกลุ่มอิทธิใหญ่ของหนานหลิง อำนาจมากล้น ยึดครองหนานหลิงครึ่งหนึ่งไว้ โลกใต้ดินของหนานหลิงแบ่งออกไปสองพวก เขตใต้เป็นของแก๊งเสือดาวดำควบคุม ส่วนเขตเหนือเป็นของแก๊งแมวป่าจัดการ
“แกไสหัวออกไปเองเถอะ! ฉันขี้เกียจลงมือ” เทียนขุยพูดราวกับเป็นคำสั่ง เผด็จการอย่างยิ่ง
กลุ่มอิทธิพลอะไรกันไม่รู้ เดิมทีเขาไม่เห็นอยู่ในสายตา
สายตาผู้ชายหัวล้านเร่าร้อน คาดไม่ถึงจะไม่ไว้หน้าเขาเลย ดังนั้นเลยตวาดออกมาอย่างโหดร้าย “แม่งเอ๊ย วอนหาที่ตายซะแล้ว!”
พูดจบ เขาถือมีดไว้จากนั้นแทงเข้ามายังเทียนขุย มองเห็นว่ามีดจะแทงมาบนท้องของเทียนขุยอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็แทงไม่เข้าไปเลย เพราะมือข้างหนึ่งของเทียนขุยจับข้อมือของเขาไว้
ชายหัวล้านเงยหน้ามองเทียนขุยด้วยหน้าตาตื่นตะลึงเต็มที่ อยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สิ่งที่ออกมานั้นคือเสียงร้องโหยหวน ได้ยินเพียงเสียงกร๊อบ กระดูกข้อมือของเขาเหมือนถูกบิดแหลกละเอียดปานนั้นเลย เทียนขุยไม่ได้ปล่อยเขาไปแบบนั้น เตะเขาไปตรงๆ จนคว่ำลงบนพื้น
เทียนขุยเดินเข้าไปก้าวหนึ่ง บิดแขนของเขาไว้พลางพูดว่า “หยุดรถ!”
คนขับรถเหยียบเบรกไว้แล้ว ประตูรถเปิดออกในเวลานี้
เทียนขุยคุมตัวชายหัวล้านไว้แน่น ตะโกนว่า “ไสหัวไป!”
จากนั้นถีบชายหัวล้านออกไปทีหนึ่ง
ด้านนอกรถ มีเสียงด่าทอที่ไม่พอใจของชายหัวล้านลอยมา “ได้ ถ้าแกแม่งแน่จริงล่ะก็ รอฉันไว้เลย!”
เทียนขุยหมุนตัวกลับมา รถเริ่มเคลื่อนตัวขึ้นมาอีกครั้ง ซ่งหยิงพูดกับเทียนขุยด้วยหน้าตาซาบซึ้งใจ “ขอบคุณนะคะ พี่ชาย ขอบคุณที่ช่วยฉันเอาไว้”
เทียนขุยตะลึงนิดหน่อย ตอบว่า “ขอโทษนะ ฉันคิดว่าเธออาจจะเข้าใจผิด ฉันเพียงแค่รักษาความสงบในรถเอาไว้ เลี่ยงที่จะกระทบต่อการพักผ่อนของจอมพลโผ้จวิน”
สีหน้าซ่งหยิงกลายเป็นกระอักกระอ่วนชั่วขณะหนึ่ง เธอมองไปที่ชายหนุ่มซึ่งยังคงจ้องอยู่ด้านนอกหน้าต่างคนนั้นโดยจิตใต้สำนึกนิดหน่อย เย็นชาดุจสัตว์ ความรู้สึกตายด้าน ซ่งหยิงไม่รู้ว่าจะนิยามอย่างไรดีเลย
เธอเกิดความลังเลครู่หนึ่ง พูดว่า “สรุปไม่ว่ายังไงก็ขอบคุณคุณแล้วกัน!”
“ไม่เป็นไร!” เทียนขุยตอบกลับนิ่งๆ และกลับมายังที่นั่งของตนเอง นั่งลงไปแล้วรักษาท่วงท่าแบบเมื่อสักครู่นี้ไว้ ซ่งหยิงมองสองคนที่ประหลาดหน่อยๆ ในใจผุดคำถามสงสัยแต่ละอย่างขึ้น
การคาดเดาเมื่อสักครู่นี้ ล้วนถูกโค่นล้มจนหมด ได้เพียงบทสรุปหนึ่งออกมา สองคนนี้คือคนแปลก
แต่เธอรู้สึกขอบคุณผู้ชายล่ำสันตรงหน้าคนนี้ด้วยความจริงใจ ถ้าไม่ใช่เขา ตนเองอาจจะโดนทำอะไรต่อมิอะไรไปแล้ว
รถวิ่งมาได้ประมาณสิบนาที ก่อนจะจอดลงมาอย่างกะทันหันอีกครั้ง
คนขับรถหันหน้าเข้ามา พูดจาแบบเหงื่อแตก “ทั้งสามคน พวกคุณลงรถกันเถอะ!”
เทียนขุยและฟางเหยียนไม่ได้ตอบสนองกลับมา กลับเป็นซ่งหยิงที่มีปฏิกิริยาตอบสนองคนแรก เธอถามแบบไม่เข้าใจ “ทำไมกันคะ? คุณลุง”
คนขับรถเป็นผู้ชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่า ลักษณะดูอ้วนพอสมควร มองดูหน้าตาคุ้นเคย
เขาพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “เมื่อกี้ที่พวกคุณล่วงเกินไปคือคนของหยางซ่าวหานโลกใต้ดินแห่งหนานหลิง หยางซ่าวหานคนนี้พึ่งพาพี่ชายของตนเอง เป็นคนที่ชั่วร้ายมากคนหนึ่ง สถานีรถประจำทางทั้งหมดของพวกเราเป็นเขาคุมหมด ถ้าผมยังพาพวกคุณเข้าไปอีก คนที่ซวยจะเป็นผมเอาน่ะสิ พวกคุณสองสามคนนี้ถือว่าสงสารผมหน่อยเถอะ ผมมีพ่อแม่ลูกเมียต้องดูแล พวกคุณไม่กลัว แต่ผมกลัว!”
ตอนที่ลุงคนขับรถพูด ใกล้จะร้องไห้ออกมาแล้ว
คนที่พึ่งออกหน้ามาสักครู่เหล่านั้นต่างพูดขึ้น “ใช่ สาวน้อย พวกเธอลงรถกันเถอะนะ! นี่เป็นผลดีกับพวกเธอ พวกเธออย่าไปหนานหลิงเลย หาที่หลบสักสองสามวันเอา”
“ฉันได้ยินมาว่าหยางซ่าวหานคนนั้นโหดมาก เมื่อก่อนมีคนผิดใจลูกน้องของเขาเข้า วันต่อมาทั้งบ้านของคนนั้นก็ตายกันหมดเลย มีเพียงคนนั้นที่ถูกตัดขาทั้งสองขาด มีชีวิตอยู่โดยโดนบีบให้เป็นคนพิการ ตอนนี้ยังขอทานอยู่ที่สะพานล่ะ!”
“ใช่ เขาทำเรื่องมากมายขนาดนั้นที่หนานหลิง แต่ก็ไม่มีใครยุ่งกับเขาได้! คนด้านในรู้ดี และต่างทำเป็นมองไม่เห็นอีกด้วย”
ซ่งหยิงมองเทียนขุยด้วยความกระอักกระอ่วน นอกจากหวาดกลัวแล้ว ยังมีความรู้สึกขอโทษอยู่เต็มหน้า
เธอเป็นเพียงเด็กสาวแสนดีที่เรียนในโรงเรียนเท่านั้น แต่ไหนแต่ไรไม่เคยหาเรื่องคนแบบนี้ ตอนนี้ฟังคนพูดมาขนาดนั้น ชั่วขณะหนึ่งในใจกระวนกระวายขึ้นมา
“ขอโทษค่ะ! เป็นความผิดฉันเองที่ทำให้พวกคุณเดือดร้อน” ซ่งหยิงพูดกับฟางเหยียนและเทียนขุยด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
เวลานี้ฟางเหยียนเก็บสายตากลับมา มองไปยังคนขับรถพลางพูดว่า “ขับต่อไปเถอะ! ผมรีบไปที่หนานหลิง”
เมื่อคำพูดที่ไม่สะทกสะท้านขนาดนั้นออกมา คนทั้งรถล้วนตะลึงค้าง ซ่งหยิงอดมองไปทางฟางเหยียนไม่ได้ สีหน้าของเขาสุขุมเยือกเย็นมาโดยตลอด เหมือนไม่เคยเห็นว่าเรื่องพวกนี้เป็นปัญหา
ไม่ นี่คือการแสดงออกที่เย็นชาและอวดดี เขาประเมินฝีมือของตนเองสูงเหลือเกิน เดิมทีไม่เข้าใจสถานการณ์ของหนานหลิง ถึงแม้ว่าซ่งหยิงจะเป็นเด็กดีมาก แต่เธอมักได้ยินคนพูดถึงความวุ่นวายของหนานหลิง ดูเหมือนสงบสุข ทว่าความเป็นจริงแล้ววุ่นวายไม่ไหวเลย
คนขับรถตกใจแทบแย่ รีบพูดทันที “พ่อหนุ่ม เมื่อกี้ที่ผมพูดมาคุณไม่ได้ยินเหรอ? นี่ถ้าไปแล้วต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ หยางซ่าวหานคนนั้นคงไม่ปล่อยผมไป อย่าว่าแต่ผมเลย แม้แต่พวกคุณก็จะเกิดเรื่องด้วย”
“ไม่เป็นไร ผมให้คุณไปก็ไปเถอะ! เกิดเรื่องอะไรขึ้น ผมรับผิดชอบเอง” ฟางเหยียนใช้น้ำเสียงที่เย็นชาพูดต่อไป
คนขับรถยังอยากพูดอะไรต่อ แต่สุดท้ายทำได้เพียงส่ายหน้าแบบจำใจ สตาร์ทรถแล้วขับต่อไป
เขาไม่เชื่อว่าฟางเหยียนจะมีฝีมืออันนี้ แต่ตอนนี้ยังมีวิธีอะไรอีกล่ะ?
ซ่งหยิงลังเลสักพักหนึ่ง ถามว่า “คือว่าคุณมีวิธีรับมือกับคนเมื่อกี้นั้นจริงเหรอ?”
คาดไม่ถึงฟางเหยียนเดิมทีไม่ได้มองซ่งหยิงสักแวบ ได้แต่ทอดสายตามองไปด้านนอกหน้าต่างอีกครั้ง ซ่งหยิงรู้ว่าตนเองถูกเพิกเฉยชั่วขณะนั้น ถึงอย่างไรเธอก็เป็นดาวคณะของคณะจิตวิทยามหาวิทยาลัยซีหนาน วันนี้ทำไมถึงถูกคนนี้เมินเฉยได้ล่ะ
คนคนนี้ค่อนข้างเย็นชาเกินเหตุไปแล้วมั้ง เห็นตนเองเป็นดาราดังแบบโจวเหวินฟะจริงๆ เหรอ?
คนแบบนี้ จะต้องไม่มีแฟนเป็นแน่!
เธอโมโหจนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี ดีที่ชายกำยำด้านข้างพูดมาประโยคหนึ่ง “ไม่เป็นไร พวกคุณจะไม่เกิดเรื่องอะไร”
ในฐานะทหารที่ปกป้องบ้านเมืองประเทศชาติบ้านเกิดคนหนึ่ง แน่นอนว่าพวกเขามีหน้าที่และความรับผิดชอบในการคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน
ซ่งหยิงมองชายล่ำสัน คิดดูแล้วยังเป็นพี่ชายคนนี้ที่นิสัยดี ไม่เหมือนชายหนุ่มดูถูกผู้คนคนนั้น
หลังจากนั้นสองชั่วโมง รถมาถึงที่สถานีรถประจำทาง สถานีรถประจำทางในวันนี้เงียบเชียบผิดปกติ คาดไม่ถึงไม่มีรถเข้าออกสักคัน แม้แต่คนขายตั๋วยังไม่มี ทั้งสถานีรถประจำทางเหมือนที่รกร้างว่างเปล่า
คนที่ไม่รู้อาจจะรู้สึกว่าน่าแปลก แต่พนักงานขับรถประหม่าจนเหงื่อแตกทั่วตัวตั้งนานแล้ว
เขารู้ดี เป็นหยางซ่าวหานของแก๊งเสือดาวดำจัดการปิดที่นี่ สาเหตุที่ปิดตรงนี้มีเพียงอย่างเดียว นั่นคือจัดการสองสามคนนั้น ในใจคนขับรถทั้งรู้สึกโชคดีและหวาดกลัว โชคดีที่พาสามคนนั้นเข้ามาแล้ว หวาดกลัวคือ เดี๋ยวหยางซ่าวหานจะจัดการแม้แต่ตนเองไปด้วยหรือไม่ ถ้าจัดการ ตนเองควรทำอย่างไรดี
เขาขับรถมาที่ลานจอดรถอย่างกระวนกระวายแบบนี้ รถพึ่งเข้ามาจอดเทียบท่า คนนับพันก็ล้อมรอบรถโดยสารทั้งคันเอาไว้เรียบร้อย
กลุ่มคนนับพันสวมชุดสีดำ และในมือควงกระบอง มีบางคนอยู่มาทั้งชีวิต เคยเจอภาพเหตุการณ์แบบนี้ที่ไหน ตกใจจนฉี่ราดในที่เกิดเหตุแล้ว