จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 99
“พอแล้ว พอแล้ว รีบไปเข้าเรียนเถอะ!” พอพูดจบ ซ่งหยิงลุกขึ้นยืน ควงแขนของหญิงสาวคนนั้นไว้ทันที ลากหล่อนเดินไปด้านนอกแล้ว
หญิงสาวถึงได้หยุดพูดไป เดินไปพลางคุยไปด้วย “เธอกับหยางยีเฟิงชั้นเรียนของพวกเราคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?”
ความจริงหญิงสาวอยากแนะนำเพื่อนนักเรียนในชั้นของตนเองให้ซ่งหยิง ก่อนหน้านี้ยังให้ทั้งสองคนไปทานข้าวกัน และลากซ่งหยิงไปเข้าชั้นเรียนด้วยตลอด นี่คือความคิดของเพื่อนนักเรียนชายคนนั้น
เป็นเพราะซ่งหยิงไม่เคยปฏิเสธมาก่อน ถึงทำให้หญิงสาวคนนี้และเพื่อนนักเรียนชายคนนั้นเข้าใจผิดคิดว่าซ่งหยิงชอบเขาแล้ว
ซ่งหยิงส่ายหน้าตอบ “เธอพูดมั่วอะไร ฉันไม่ได้สนใจเขา!”
“ไม่ได้สนใจ?” หญิงสาวยิ้มหึๆ บอกว่า “ฉันไม่เชื่อ”
ไม่นานทั้งสองคนก็เดินมาถึงห้องเรียนใหญ่ พวกเธอนั่งตำแหน่งตรงกลางของห้องเรียน เพื่อนนักเรียนชายคนนั้นนั่งอยู่ด้านซ้ายของเธอ ส่วนหญิงสาวคนเมื่อสักครู่นั่งอยู่ที่ข้างขวาของเธอ
เพื่อนนักเรียนชายคือหยางยีเฟิงที่หญิงสาวคนนั้นพูดถึง หน้าตาหล่อมาก ผิวเข้ม ชอบเล่นบาสเกตบอล ดูลักษณะแข็งแกร่งกำยำมาก ที่บ้านทำธุรกิจอยู่ที่หนานหลิง รวยพอสมควร ในมือเขาถือเครื่องดื่มมาสามขวด แบ่งให้ซ่งหยิงและหญิงสาวคนนั้นไปคนละขวด
พึ่งนั่งลง หยางยีเฟิงก็พูดว่า “ซ่งหยิง คือว่าหลังเลิกเรียนเธอไม่มีธุระอะไรไหม? ถ้าไม่มีธุระอะไร พวกเราไปกินข้าวด้วยกันเถอะนะ ฉันจะพาเธอไปลองชิมที่ร้านอาหารตะวันตกที่เปิดใหม่ด้านนอกมหาวิทยาลัยร้านนั้น”
ซ่งหยิงมองทางหยางยีเฟิงแล้วตอบว่า “ขอโทษนะ เลิกเรียนแล้วฉันต้องไปห้องสมุด”
บนหน้าหยางยีเฟิงเผยความรู้สึกที่ผิดหวังออกมา แต่ชั่วขณะหนึ่งก็กลับฟูสู่สภาพปกติ หัวเราะหึๆ บอก “ไม่เป็นไร งั้นฉันรอเธอออกมาจากห้องสมุดแล้วค่อยไปลองชิมกัน ได้ยินว่าสเต๊กร้านนั้นอร่อยมาก ฉันกับเถ้าแก่ในร้านของพวกเขาเป็นเพื่อนกัน จำเป็นต้องเข้าไปทักทายหน่อย เธอไปด้วยกันกับฉันเถอะนะ!”
“ไม่ต้องหรอก ขอบใจนะ!” ซ่งหยิงปฏิเสธหยางยีเฟิงอีกครั้งอย่างตรงไปตรงมามาก
เวลานี้ เสียงกริ่งเข้าเรียนดังขึ้นมา ผู้ชายอายุน้อยคนหนึ่งในมือถือหนังเล่มหนึ่ง เดินขึ้นไปบนแท่นบรรยายด้วยหน้าตาไม่เปลี่ยนสี
“ว้าย!” หญิงสาวคนนั้นอดพูดขึ้นมาไม่ได้ “นี่คือใครกัน? คงไม่ใช่อาจารย์ฝึกสอนของศาสตราจารย์โจวที่มาใหม่คนนั้นหรอกมั้ง?”
“ไม่ๆๆ ฉันเข้าใจผิดแล้ว อาจารย์ฝึกสอนน่าจะไม่อายุน้อยขนาดนี้”
นักศึกษาในชั้นไม่น้อยเริ่มพูดคุยกันเอง
“หึ คนนี้หน้าตาหล่อมาก เป็นอาจารย์ฝึกสอนเหรอ? คาดไม่ถึงยังหนุ่มขนาดนั้น”
“ทำไม? หรือว่าเธออยากจีบอาจารย์หนุ่มคนนี้งั้นเหรอ? มองไม่เห็นสีผิวเขาที่ดูไม่ปกติรึไง น่าจะโดนบีบจนซีดหมดแล้ว เธออย่าคิดเลย”
“เชอะๆๆ เธออย่าพูดมั่ว นี่เหมาะกับรสนิยมของฉันพอดี รอเดี๋ยวฉันจะไปลองดู”
ซ่งหยิงได้ยินเสียงเอะอะในห้องเรียนดังขนาดนั้น คิดในใจว่าคงไม่ใช่ศาสตราจารย์เพี้ยนไม่มาสอนหรอกมั้ง ดังนั้นเธอจึงเงยหน้ามองเข้าไป ตอนที่มองเห็นใบหน้านั้นเข้า เธอเกือบจะร้องออกมาแล้ว คาดไม่ถึงจะเป็นเขา
อย่างไรเสียเธอก็นึกไม่ถึงว่าคนที่เดินเข้ามาในห้องเรียนจะเป็นฟางเหยียนที่ช่วยตนเองบนรถคนนั้น
หญิงสาวด้านข้างคนนั้นพูดด้วยหน้าตาหลงใหล “หน้าตาหล่อมากจริงๆ แถมยังหนุ่มขนาดนี้อีก มีบางส่วนคล้ายอู่เหยียนจู่ เพียงแต่น่าเสียดายนะ ซ่งหยิง นี่ไม่ใช่ศาสตราจารย์โจวที่เธอชอบ จะโดดเรียนวิชานี้หรือเปล่า?”
“ทำไมถึงเป็นเขาไปได้?” ซ่งหยิงไม่ได้ฟังคำพูดของหญิงสาว พูดพึมพำกับตนเอง
“เธอรู้จักเขางั้นเหรอ?” หญิงสาวคนนั้นได้ยินคำพูดของซ่งหยิง ถามขึ้น
ซ่งหยิงรีบส่ายหน้า “ไม่ ไม่รู้จัก!”
เธอไม่รู้จริงๆ ว่าคนคนนี้ชื่ออะไร รู้เพียงว่าเขาแซ่ฟาง คุณนายใหญ่ตระกูลถังคนนั้นเรียกเขาว่าคุณฟาง
ซ่งหยิงยังคิดว่าเขาเป็นคุณชายที่ร่ำรวยอะไรทำนองนั้น เบื้องหลังยิ่งใหญ่ คาดไม่ถึงเขาจะเป็นอาจารย์ฝึกสอน แถมยังเป็นคนฝึกงานของศาสตราจารย์โจวด้วย นี่ทำให้ซ่งหยิงรู้จักเขาใหม่ขึ้นไปอีก
แต่เธอไม่ได้ดีใจ นี่อธิบายว่าอย่างไรเธอก็มองคนผู้นี้ไม่ออก จิตวิทยาศึกษาวิจัยความรู้ของคนนั้น เธอศึกษาวิจัยมาหลายคนแล้ว ล้วนศึกษาได้ทะลุปรุโปร่ง แต่กับคนผู้นี้ ทำไมเธอถึงเดาไม่ออก
เริ่มแรกคิดว่าเขาเป็นคุณชายตระกูลร่ำรวย ต่อมาคิดว่าเขาเป็นเด็กเลี้ยง และต่อมาอีก เขากลับกลายมาเป็นอาจารย์ฝึกสอนโดยไม่รู้ตัว นี่เหมือนสามารถแยกร่างได้อย่างไรอย่างนั้น
หลังจากเผชิญหน้ากับนักศึกษากลุ่มหนึ่งด้านล่าง ฟางเหยียนยังคงหน้าตาไม่เปลี่ยนแปลง เขาไม่ทันคิดให้ดีว่าคาบนี้จะควรสอนอย่างไร ถ้าฆ่าศัตรูเขาสามารถทำได้โดยไม่ต้องพูดสักประโยค ฆ่าฝ่ายตรงข้ามจนพ่ายแพ้ไม่เหลือซาก แต่ถ้าสอนหนังสือ ยังจำเป็นต้องพูดจา
ใช้ชีวิตในกองทัพมาห้าปี เขาสำรวมในการพูดและหัวเราะ ให้เขามาสอนหนังสือกะทันหัน นี่ช่างยากมากเสียจริง
แต่เพื่อจุดพลิกผันของชีวิตแบบที่อาจารย์บอก เพื่อเข้าใจก้อนหินที่สีสันต่างกันอย่างชัดเจนนั้น เขาจึงไม่มีทางเลือก
นึกถึงจุดนี้ เขาทำได้เพียงวางแบบเรียนลงไป เริ่มยืนสอนหนังสือบนเวทีแล้ว พอเริ่มต้นนักศึกษาด้านล่างยังคงพูดคุยกัน แต่พอเวลาค่อยๆ ผ่านไป กลับพบว่าเสียงพูดจาของอาจารย์ฝึกสอนที่มาใหม่คนนี้ดังมาก และเคร่งขรึมมาก
ดังนั้นเสียงของทุกคนจึงค่อยๆ เปลี่ยนไปเบาลงมากแล้ว พอเบาลงมาย่อมเริ่มฟังบรรยายไปโดยปริยาย ที่น่าแปลกคืออาจารย์ฝึกสอนคนนี้เวลาสอนหนังสือขึ้นมา คาดไม่ถึงจะคล่องแคล่วเช่นนี้ พูดได้ไม่มีติดขัดเลย
ซ่งหยิงยิ่งมีความเข้าใจใหม่ต่อคนที่ไม่พูดอะไรสักคำคนนี้ ในใจเธอยังมีความรู้สึกพิเศษอย่างหนึ่ง รู้สึกว่าคนด้านหน้าคนนี้สอนหนังสือดีกว่าศาสตราจารย์โจวเสียอีก
อายุของเขาไม่มาก แต่เนื้อหาที่พูดออกมากลับทำให้คนคาดคิดไม่ถึง เรื่องราวในประวัติศาสตร์พวกนั้น ยามที่พูดออกมาจากในปากของเขา คาดไม่ถึงมีความรู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปอยู่ในเหตุการณ์อย่างหนึ่ง ทำให้คนประหลาดใจและตื่นเต้น
ทางด้านของศาสตราจารย์โจวเดินออกมาจากห้องทำงานผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง ตอนที่มาถึงห้องทำงาน เขามองเห็นคนหนุ่มอายุยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปีคนหนึ่ง และสวมแว่นตา
พอมองเห็นศาสตราจารย์โจว เขารีบพูดว่า “สวัสดีครับศาสตราจารย์โจว ผมคือนักเรียนของท่านโจวหยางครับ มารายงานตัวกับท่านโดยเฉพาะ ขอโทษด้วยนะครับศาสตราจารย์โจว ตอนที่พึ่งมาเรียกรถไม่ได้ ดังนั้นเลยมาสายไปหน่อย”
ศาสตราจารย์โจวตะลึงนิดหน่อย นี่คือผู้ฝึกงานที่มารายงานตัว แล้วเมื่อกี้คนคนนั้นคือใคร?
แย่แล้ว นั่นคือคนที่ต่งโป๋เหวินให้เข้ามา ชื่ออะไรกันนะ ฟางเหยียน
ศาสตราจารย์โจวถึงสำนึกได้ว่าตนเองเข้าใจผิดแล้ว เขาคิดว่าฟางเหยียนคือโจวหยางที่มารายงานตัว ที่แท้ไม่ใช่ โอ๊ย เลอะเทอะแล้ว ดังนั้นเขาจึงรีบพูดว่า “ได้ นายตามฉันมา!”
ชายหนุ่มกับศาสตราจารย์โจวรีบร้อนมาที่หน้าประตูห้องเรียน มองเห็นมีคนกำลังสอนหนังสืออยู่ โจวหยางจึงถามว่า “ศาสตราจารย์โจว นี่คือใครครับ?”
ศาสตราจารย์โจวยกมือขึ้นมาขัดจังหวะโจวหยาง ฟังเนื้อหาที่ฟางเหยียนบรรยายบนเวทีด้วยความตั้งใจ
เขาอดมองชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้ให้ละเอียดอีกรอบไม่ได้ วิธีการสอนหนังสือของเขาเป็นเอกลักษณ์มาก ไม่เหมือนกับอาจารย์ในสมัยนี้โดยสิ้นเชิง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังพูดโดยทิ้งแบบเรียนเอาไว้ สามารถพูดออกมาด้วยความรู้สึกของฉากแบบนั้น ความรู้สึกของภาพแบบนั้น ความรู้สึกของยุคสมัยแบบนั้น นี่คือความสามารถในการสอนหนังสือที่อาจารย์สมัยนี้ไม่มีกัน คนผู้นี้ช่างดีเลิศเหลือเกิน
ศาสตราจารย์โจวถือโอกาสเอาหลังพิงผนังไว้ ฟังฟางเหยียนสอนหนังสือด้วยหน้าตาดื่มด่ำ ไม่ต้องพูดถึงนักศึกษาด้านด้านล่างเวทีเลย แม้แต่ศาสตราจารย์โจวเองมีชีวิตมานานขนาดนี้ ยังไม่เคยฟังการบรรยายที่มหัศจรรย์ขนาดนี้มาก่อน
การสอนของฟางเหยียน ได้แต่ใช้สองคำนี้มานิยาม——สมบูรณ์แบบ!
นี่ไม่เหมือนว่าเป็นวิชาที่คนหนุ่มคนหนึ่งจะสามารถสอนได้ ในขณะนี้ ไม่เพียงแค่นักศึกษาด้านล่างเวทีในห้องเรียน แม้แต่ตัวเขาเองยังฟังจนเพลิดเพลิน