จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 452 ลูกพี่สาขาจินโจว เห้ออีกาง
แววตาของอาจารย์คนนั้นหรี่จนเป็นเส้นไปแล้ว ในแววตามีเพียงใบหน้าของฟางเหยียนเท่านั้น ผ่านไปสักพัก ดวงตาคู่นั้นค่อยลืมตาขึ้น จากนั้นเมื่อมองฟางเหยียนเสร็จ เขาก็ส่ายหน้าแล้วกล่าว “ไม่ใช่!”
ฟางเหยียนหยุดเพ่งมอง แล้วกล่าว “งั้นแกก็ไม่มีสิทธิ์จะพูดกับฉัน! ฉันมาหาลูกพี่ของพวกแก”
พูดจบ แววตาของฟางเหยียนเย็นชาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อาจารย์คนนั้นเตรียมการไว้นานแล้ว เขารู้ว่าคนนี้มาด้วยเจตนาที่ไม่ดี เพราะถีบประตูเข้ามา ตั้งแต่เขาเข้ามา อาจารย์ก็รู้ว่าเขามาเพื่อต่อสู้
ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงหัวเราะฮ่าๆออกมา แล้วกล่าว “แกสมองมีปัญหาหรือเปล่าวะ? หรือว่าเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว?”
เมื่อหยิวอู่เห็นท่าทางเหยียดหยามของอาจารย์คนนั้น จึงรีบกล่าวว่า “ใช่ๆๆ เป็นความจริง มันได้ฆ่าคนของพวกคุณไปแล้วหนึ่งคน! แค่แว็บเดียว คนนั้นก็ตาย คุณเองต้องระวังตัวนะ!
อาจารย์คนนั้นส่งเสียงอ๋อออกมา แล้วกล่าว “แกยังกล้าคนของเราด้วย?”
“หยุดพล่ามได้ล่ะ ก็แค่คนตายคนเดียว ทำไมเพ้อเจ้อจังวะ!” ฟางเหยียนกล่าวอย่างเย็นชา
“เหอะๆ!” อาจารย์หัวเราะอย่างชิลล์ๆ แล้วพูดกับลูกน้องที่อยู่ด้านหลังว่า “ดูฉันให้ดี ดูว่าฉันจะสั่งสอนคนที่มันโอหังแบบนี้ยังไง! ครั้งหน้าถ้าเจอเข้า อย่าไปพล่ามอะไรกับมันมาก ลงมือ…”
เขายังพูดไม่ทันจบ เงาหนึ่งได้ผ่านร่างกายของเขาไป ไม่รู้ว่าร่างกายของฟางเหยียนมาที่ด้านหลังของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เขายกมือขึ้นมาตบอย่างสบายๆ จากนั้นก็กล่าวอย่างชิลล์ๆว่า “กรีดคอหอยของมันให้ขาดโดยตรง พูดมากขนาดนั้นก็มีแต่จะเสียเวลาคนอื่น!”
วินาทีถัดมา ร่างกายของเขาเหมือนกับคนเมื่อกี๊ ล้มลงกับพื้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
ตาของเขาลุกโตอย่างไม่เชื่อ ราวกับจนกระทั่งล้มลงไปแล้วเขายังไม่เชื่อความจริงที่ตัวเองได้ตายไปแล้ว! ยังไงเขาก็เป็นอาจารย์ของผู้คนมากมายขนาดนั้น ตายง่ายๆแบบนี้ ตายอย่างไร้ค่าเกินไปมั้ย!
จากนั้น เหตุการณ์ที่ทำให้คนขนลุกซู่ไปกว่านั้นได้เกิดขึ้นแล้ว เลือดที่คอหอยของอาจารย์คนนั้นได้กระฉูดออกมา เหมือนกับท่อน้ำรั่วอย่างไรอย่างนั้น กระจายในห้องโถง
เหตุการณ์นี้ทำให้เหล่าพรรคพวกที่อยู่ชั้นหนึ่งตกใจ ทุกคนต่างมองฟางเหยียนอย่างระวังตัว ต่างพากันเอาอาวุธที่มีในตัวออกมา มีดาบ มีกระบอง แล้วยังมีขวานอีกด้วย
“ไง? สวะอย่างพวกแกก็อย่างตายเหรอ?” ฟางเหยียนถามอย่างเย็นชา
คนพวกนั้นรู้สึกว่าอำนาจของตัวเองกำลังถูกรุกรานเข้ามา ทุกคนคิดว่าจะมี“โชค”ในการชนะ จึงต่างพากันวิ่งไปที่ฟางเหยียน ทุกคน ไม่มีใครขี้ขลาด ล้วนท่าทางถมึงทึง จะกลืนกินฟางเหยียนให้ได้
“ได้!” มือฟางเหยียนกลายเป็นดาบ เริ่มเข้าไปในหมู่คน
หลังจากหนึ่งนาที ร้อยกว่าคนในห้องโถงล้วนล้มลงกับพื้น ตายแล้ว ทุกคนตายหมดแล้ว!
บนดาดฟ้าของตึกว่านฉง
เห้ออีกางนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังเสือตัวหนึ่ง ชั้นนั้นที่คลุมส่วนนอกของเก้าอี้ไว้เป็นหนังเสือจริงๆ สองด้านของเก้าอี้หนังเสือ ยังมีเสือดุสองตัวที่อ้าปากกว้าง ยืนโด่อยู่ด้านล่าง นั่นเป็นท่าทางของเสือลงจากเขา เมื่อเห็น เห้ออีกางที่นั่งอยู่บนเก้าอี้แข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบมิได้ ไม่ว่าจะดูยังไงก็รู้สึกว่าเขาก็มีท่วงท่าของการเป็นลูกพี่
เสือขาวคุ้มครองข้างกาย และขี่เสือดุร้ายเป็นพาหนะนี่เป็นสไตล์ที่เทพเจ้าในยุคโบราณมีทั้งหมด
ในฐานะที่เป็นลูกพี่สาขาใหม่ของแก๊งซินหงเมืองจินโจว เห้ออีกางเป็นคนที่องค์กรพอใจอย่างมาก อย่างน้อยพวกเขาก็มีใจที่อยากจะให้ตัวเองเป็นถังจู่ของเขตซีหนาน เบื้องบนให้เขาทำงานที่สบายขนาดนั้น ใครว่านี่ไม่ใช่การให้โอกาสเขาล่ะ! เบื้องบนได้ลั่นวาจาไว้แล้ว เพียงแค่ทำภารกิจในครั้งนี้ให้สำเร็จ ซื้อธุรกิจตงข่ายกรุ๊ปสำเร็จ ต่อไปเขาก็จะเป็นถังจู่ของเขตซีหนานแล้ว
ตอนแรกเขาเชื่อฟังเบื้องบน เดินทีล่ะก้าวทีล่ะก้าว ค่อยๆซื้อธุรกิจจากธุรกิจขนาดเล็กไปธุรกิจขนาดใหญ่ จากนั้นก็ถึงตงข่ายกรุ๊ป แต่ธุรกิจขนาดเล็กพวกนั้นที่เขาซื้อล้วนไม่น่าสนใจ ธุรกิจหนึ่งมีทรัพย์สินมูลค่าแค่หลักสิบล้าน เป็นการเสียเวลาชีวิตชนิดหนึ่ง ตอนแรกที่พอจะมีความท้าทายอยู่บ้างเขารู้สึกสนุก แต่พอผ่านไป คนพวกนั้นล้วนพากันขี้ขลาดแล้ว คนจำนวนไม่น้อยเพียงแค่ได้ยินว่าเป็นพวกเขาที่ซื้อธุรกิจ ถึงขั้นดีใจจนเคารพแทบไม่ทัน การที่ได้มาเพื่อธุรกิจพวกนั้น ไม่ต้องออกแรงอะไรเลย เห้ออีกางไม่สนใจ กับเรื่องที่ไม่มีความท้าทาย เขาไม่คิดอะไรลงมือต่อตงข่ายกรุ๊ปโดยตรง
ถ้าตอนนี้เขาซื้อธุรกิจตงข่ายกรุ๊ป ถึงตอนนั้นทุกคนก็จะยกย่องประสิทธิภาพการทำงานของเขา และเรื่องที่เขาจะได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าก็จะไปตามลำดับขั้นตอนโดยปริยาย การตอบแทนแบบนี้ จะไม่ยินดีที่จะทำได้อย่างไรกันเล่า! แค่ตงข่ายกรุ๊ป ไม่ใช่ธุรกิจขนาดใหญ่อะไรสักหน่อย ซื้อธุรกิจแล้วก็เป็นอันว่าจบ ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย
แม้ตงข่ายกรุ๊ปกับกิจการอะไรนั่นของหวงหยวนฉาวเศรษฐีอันดับหนึ่งของซีหนานร่วมมือทางการค้ากันอยู่บ้าง แต่หวงหยวนฉาวกล้าเป็นปฏิปักษ์กับแก๊งซินหงมั้ย? แก๊งซินหงเป็นใครไม่ใช่ว่าหวงหยวนฉาวไม่รู้ หวงหยวนฉาวเขาเป็นแค่นักธุรกิจคนหนึ่ง ไม่มีทางทิ้งชีวิตของตัวเองแน่นอน เพียงแค่ทำผิดต่อแก๊งซินหง เขาต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
เมื่อนึกถึงจุดนี้ หัวของเห้ออีกางพิงไปที่เก้าอี้หนังเสือ เขายกมือขึ้นมาลูบเคราที่คางของตัวเอง สิ่งที่เขาชอบมากที่สุด และชื่นชมมากที่สุดก็คือเคราของตัวเอง เพราะเครานี้ทำให้เขาดูมีความเป็นเจ้าพ่อมาก
เมื่อนึกถึงตัวเองได้เป็นหัวหน้าของแก๊งซินหง เขาก็ดีใจจนร้องเพลงอ้อแอ้ๆออกมา ด้วยท่าทางเอ้อระเหยลอยชายด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง จากนั้น เขาก็รอฟังข่าวจากหยิวอู่อย่างสบายใจ
ขณะเดียวกันนี้ สาวสวยคนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก หญิงสาวแต่งหน้าเข้มมาก ผมยาวพลิ้วไสว สวมใส่กระโปรงสีแดง ดูๆแล้วกำลังร่ายรำ เซ็กซี่และสง่างามมาก
นอกจากนี้ หญิงสาวยังมีจุดที่พิเศษอีกด้วย นั่นก็คือก้นใหญ่มาก
หลังจากที่เธอเดินเข้ามาแล้วก็ทักทายเห้ออีกาง หลังจากที่เห้ออีกางเห็นหญิงสาวแล้ว ก็ยิ้มออกมา หญิงสาวเดินไปที่เห้ออีกางอย่างรู้ดี
เมื่อมาถึงข้างกายของเห้ออีกาง เธอยืนอยู่ด้านหลังเห้ออีกาง มือทั้งสองข้างวางไว้บนไหล่ของเขา เริ่มนวดให้เห้ออีกาง หลังจากที่นวดไปได้สักพัก เธอพูดกับเห้ออีกางว่า “ลูกพี่คะ ฉันตรวจสอบข้อมูลของประธานตงข่ายกรุ๊ปคนนั้นให้คุณ นี่เป็นธุรกิจครอบครัว เมื่อนานมาแล้วเป็นธุรกิจของตระกูลเย่ตระกูลอันดับสองของเมืองจินโจว จากนั้นเย่เทียนผู้นำตระกูลของตระกูลเย่มอบให้กับตระกูลจาง ต่อมาลูกสาวของเย่เทียนเย่ชิงหยู่รับช่วงต่อตงข่ายกรุ๊ป และก็กลายเป็นประธานตงข่ายกรุ๊ปคนปัจจุบัน เมื่อสองเดือนก่อน ตงข่ายกรุ๊ปนี่เป็นธุรกิจขนาดเล็กที่กำลังเผชิญกับการล้มละลาย แต่หลังจากที่เย่ชิงหยู่รับช่วงต่อแล้วนั้น ไม่เพียงได้เงินทุนจากซีหนานกรุ๊ป แล้วยังทำให้กิจการที่กำลังเผชิญกับสภาวะล้มละลายกลายเป็นกิจการที่แข็งแกร่งยี่สิบอันดับแรกของเมืองจินโจว”