จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 454 คนด้านล่าง ตายหมดแล้ว
เห้ออีกางสีหน้านิ่ง แล้วถาม “อะไรนะ?”
“มาฆ่าถึงที่เลยเหรอ!อยู่ชั้นไหนแล้ว?” เห้ออีกางจัดเสื้อผ้า แล้วถาม
“เมื่อกี๊อยู่ที่ชั้นหนึ่ง!ตอนนี้ไม่รู้ถึงชั้นไหนแล้ว อาจารย์ถูกฆ่าแล้ว”
หลังจากที่เห้ออีกางเงียบไปสักพัก ก็ได้กล่าวว่า “ไม่เป็นไร สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ใครก็จะขึ้นมาได้”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ ใบหน้าของเห้ออีกางภาคภูมิใจขึ้นมา จากนั้นก็ได้วางมือไว้บนขาของหญิงสาว
กู่เฟิงเมินเฉย แต่ในขณะเดียวกันนี้ จู่ๆด้านนอกประตูก็มีเสียง “ปัง!” ดังขึ้น
ประตูถูกถีบออก นอกประตูมีคนทำลายประตูแล้วเข้ามา ไม่ๆๆ ไม่ใช่พังประตูแล้วเข้ามา แต่ลอยเข้ามาจากด้านนอก รู้สึกว่าประตูไม่ได้ถูกถีบพัง แต่ถูกร่างกายของคนนั้นชนจนพัง
การกระทำนี้ทำให้หญิงสาวตกใจขึ้นมา หญิงสาวคนนั้นส่งเสียงอ้าออกมาโดยปริยาย จากนั้นก็จับกระโปรงรีบปกปิดเรือนร่างของตัวเองไว้ มองไปยังคนนั้นที่ประตูด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เห้ออีกางหรี่ตาลง ยังคงไม่ขยับเช่นเคย
ประตูที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ประตูไม้ในยุคโบราณ แต่เป็นประตูที่เพิ่มความหนา แม้ยังคงเป็นประตูไม้ แต่คุณสมบัติต่างกันมาก ประตูไม้ในยุคโบราณนั้นบางมาก ดังนั้นพอถูกคนถีบก็พัง แต่ตอนนี้ประตูนี้ผ่านการแปรรูปมาก่อนคิดจะถีบให้พังภายในครั้งเดียวนั้นยาก นี่ไม่ใช่กำลังถ่ายหนัง แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
มีลูกน้องที่ถือขวานไว้ในมือกำลังนอนอยู่ในจุดที่ไม่ไกลจากตัวเองมากนัก ลูกน้องนอนกองอยู่กับพื้น มุมปากมีรอยเลือด ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น คอเอียงสลบเป็นตายไป
เห้ออีกางจ้องมองคนที่ยืนที่ประตู แล้วถามเสียงดังว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
ด้านนอกบรรยากาศอึมครึม ค่อนข้างแปลกประหลาด ด้านล่างชั้นนี้ เขาจัดการ์ดป้องกันไว้จำนวนไม่น้อย ตัดพวกที่เฝ้าดูอยู่ภายนอกเหล่านั้นไป อย่างน้อยๆก็มีหลายพันคน ไม่ว่าคนนั้นจะแข็งแกร่งขนาดไหน ก็ไม่มีทางถึงที่นี่ได้อย่างรวดเร็วหรอก!
ในขณะเดียวกันนี้เอง มีร่างหนึ่งที่คุ้นเคยยืนอยู่ที่ประตูใหญ่ที่พัง นั่นก็คือหยิวอู่
เมื่อเห็นคนที่มาคือหยิวอู่ เห้ออีกางขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ขมวดคิ้วจนเป็นตัวอักษร“ชวน” เขาจ้องหยิวอู่ ตะคอกอย่างเกรี้ยวกราดว่า “แกกำลังทำอะไร? คิดจะก่อกบฏหรือไง?”
หยิวอู่สั่นไปทั้งตัว เขาตัวสั่นยังไม่ทันพูดอะไรออกมา ก็ถูกขาที่อยู่ด้านหลังถีบลงไปกองกับพื้น
ร่างที่อ้วนท้วมของหยิวอู่ขวางไว้ที่ด้านหน้าของคนนั้น ทำให้บดบังไว้หมด หลังจากที่เขาล้มลงกับพื้นแล้ว ฟางเหยียนได้ปรากฏตัวต่อหน้าของหลายๆคนโดยปริยาย รร่างกายอันอ้วนท้วมของหยิวอู่กลิ้งตลบหลายรอบที่พื้น จากนั้นก็กล่าวอย่างหน้าซีดว่า “ลูกพี่เห้อ ลูกพี่เห้อ มันๆๆ มันๆๆ……”
พูดคำว่ามันอยู่นาน เขาชะงักไม่พูดอะไรออกมา หันมามองเห้ออีกาง มองไปที่ฟางเหยียนด้วยแววตาเป็นประกาย ฟางเหยียนจ้องเห้ออีกาง ทั้งคู่สบตากัน หลังจากหลายวินาทีผ่านไป เขามองเสือขาวสองตัวที่อยู่ข้างๆลูกพี่เห้อ แล้วถามอย่างเย็นชาว่า “แกใช่มั้ยที่ให้หยิวอู่ไปซื้อกิจการบริษัทของภรรยาฉันเย่ชิงหยู่?”
เห้ออีกางจ้องไปยังคนที่หน้าค่อนข้างซีดขาว ผอมอ่อนแอที่อยู่ตรงหน้า แม้เขาจะใส่เสื้อกันลมที่ทันสมัย แต่ในสายตาของตนก็งั้นๆ
เขาหยิบซิการ์ออกมาหนึ่งตัวอย่างไม่สนใจ แล้วจุดอย่างสบายๆ จากนั้นก็ดูดเข้าไป หลังจากที่พ่นควันออกมาแล้ว เห้ออีกางบึนปากแล้วถาม “ใครคือเย่ชิงหยู่?”
ฟางเหยียนไม่ตอบ หยิวอู่กล่าวอย่างตัวสั่นว่า “ก็คือประธานของตงข่ายกรุ๊ป เธอก็คือเย่ชิงหยู่!”
“อ่อ!” เขาเข้าใจขึ้นมาทันใด แสดงท่าทางอย่างราชาออกมาแล้วถาม “ที่แท้เถ้าแก่ของตงข่ายกรุ๊ปเป็นผู้หญิงเหรอเนี่ย ฉันคิดว่าเป็นผู้ชายเสียอีก ฉันนึกออกแล้ว แกก็คือผัวของเย่ชิงหยู่?”
ฟางเหยียนกล่าวอย่างไม่ต้องคิดว่า “ใช่!”
“เหอะๆ” ลูกพี่เห้อกล่าวอย่างชิลล์ๆว่า “งั้นแกก็คงไม่อยากทำผิดต่อแก๊งซินหงของเราหรอกนะ?”
เมื่อพูดถึงแก๊งซินหง เขาก็มีความภูมิใจอย่างไร้สาเหตุขึ้นมา นี่เป็นชื่อที่ใครได้ยินก็ต้องหวาดกลัว
ฟางเหยียนส่งเสียงอ๋อออกมา แล้วเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เข้าไปในห้อง แล้วกล่าว “แกน่าจะพูดว่า แก๊งซินหงไม่ควรจะทำผิดต่อเมียฉันมากกว่า” พูดจบ แรงอาฆาตฟุ้งกระจายเต็มห้องขึ้นมา
เห้ออีกางเป็นคนหยาบคาย เขาทำเป็นแค่ต่อสู้ ทำเป็นเพียงชี้นิ้วสั่ง ไม่รู้จักแรงอาฆาต แต่กู่เฟิงที่อยู่ด้านหลังของเขาไม่เหมือนกัน กู่เฟิงเป็นนินจาระดับสูง เขารู้ดีมากว่านี่คือแรงอาฆาต ไม่ใช่แรงอาฆาตธรรมดา
“ฮ่าๆๆ!” เห้ออีกางหัวเราะบ้าคลั่งออกมา แล้วกล่าวอย่างโอหังอวดดีว่า “แกพูด ได้น่าสนใจมากจริงๆ!”
เขามั่นใจในตัวกู่เฟิงที่อยู่ด้านหลังของเขามาก และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมหลังจากฟางเหยียนมาถึงที่นี่แล้ว เขายังคงไม่หวั่นกลัวกับอันตรายใดๆ กู่เฟิงเป็นนินจา นินจาระดับสูง สามารถต่อสู้หนึ่งต่อพันคนได้!
“แกรู้หรือเปล่าว่าคนที่อยู่ด้านหลังฉันเป็นใคร?” เห้ออีกางใช้นิ้วโป้งชี้ไปที่กู่เฟิงที่อยู่ด้านหลังของตัวเองแล้วถามฟางเหยียน
ฟางเหยียนขี้เกียจจะมองกู่เฟิง เมื่อเห็นแววตาที่เย่อหยิ่งไร้มารยาทนั้นของฟางเหยียน
เห้ออีกางกล่าวอย่างโมโหว่า “นี่คือนินจาระดับสูง แกคิดว่าแกฆ่าคนพวกนั้นได้ แล้วจะไม่สนใจใครแล้ว? จะบอกให้นะ ไม่มีใครมองข้ามนินจาไปได้!”
เห้ออีกางมองว่า นินจานั้นระดับสูงมาก เพราะพวกเขามีฝีมือที่แข็งแกร่งมาก ต่อให้กู่เฟิงเป็นลูกน้องของเขา แต่เห้ออีกางให้เกียรติกู่เฟิงมาโดยตลอด
“กู่เฟิง เชิญลงมือฆ่ามันได้!” เห้ออีกางกัดฟันสั่งการกู่เฟิง
กู่เฟิงจ้องฟางเหยียนมาโดยตลอด เมื่อกี๊ตอนที่เขาขึ้นมา คนนี้อยู่ที่ชั้นหนึ่ง ตอนนี้ นึกไม่ถึงว่าเขาจะมาถึงชั้นสิบสองแล้ว มาหลังจากเขาไม่กี่นาทีเท่านั้น การเคลื่อนไหวเร็วขนาดนั้น หรือว่ากระโดดขึ้นมา?
กู่เฟิงไม่คิดว่าจะมีใครที่สามารถฆ่าคนจำนวนมากขนาดนั้นได้เร็วขนาดนั้น คนที่อยู่ในตึกว่านฉงนี้น้อยๆเลยก็สามถึงห้าพันคน ต่อให้จัดการเร็วยังไง ก็ไม่มีทางเร็วขนาดนั้น อีกอย่าง ตอนที่ไล่ฆ่าชั้นล่าง เขาไม่ได้ยินเสียงเลยงั้นเหรอ?
ใช่ คนนี้มันต้องกระโดดขึ้นมาจากด้านล่างแน่นอน
เมื่อนึกถึงจุดนี้ สีหน้าของกู่เฟิงกลับมาเป็นเหมือนเดิม จากนั้นเขายกมือขึ้นตบมือสองครั้ง
“เพี่ยะๆ!” ตบไปสองครั้งแล้ว เขาตะคอกไปที่ด้านนอกเสียงดังๆว่า “มาเร็ว!”
เสียงตะคอกนี้มีการเร่งของกำลังภายใน เหมือนกับเสียงตะคอกบ้าคลั่ง ยืนอยู่ชั้นหนึ่งก็ยังได้ยิน
แต่ เรื่องแปลกๆได้เกิดขึ้นแล้ว สิบวินาทีผ่านไป ยี่สิบวินาทีผ่านไป สามสิบวินาทีผ่านไป ยังคงไม่มีใครเข้ามา และไม่มีแม้แต่เสียงอะไรดังขึ้น!ด้านนอกเงียบสงัดจนผิดสังเกต เหมือนกับไม่มีใครอยู่นอกประตูอย่างไรอย่างนั้น
ฟางเหยียนนิ่งสงบ เขายังคงไม่ใส่ใจกู่เฟิงเช่นเคย ราวกับกู่เฟิงเป็นอากาศ
เมื่อหยิวอู่ที่กองอยู่กับพื้นได้ยินคำพูดของกู่เฟิง หน้าก็กระตุกขึ้นมา แล้วกล่าว “คนที่อยู่ด้านล่าง ตายหมดแล้ว!”