จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 469 คนตาย ไม่จำเป็นต้องรู้มากขนาดนั้น
เมื่อนึกถึงจุดนี้ อู๋หมิงวิ่งที่ไปเกราะทองของตัวเอง เขาไม่ได้สวมเกราะทอง แต่ไปปิดประตูของกับดัก แม้จะรู้ว่าปิดไม่อยู่ แต่ก็สามารถยื้อเวลาได้บ้าง สำหรับตนแล้วยังไงก็ไม่ผิด!
หลังจากที่ฟางเหยียนกำจัดจอมคาถาทั้งสี่คนแล้ว ก็กระโดดขึ้นมาจากคุกใต้ดินโดยตรง แค่ความสูงสิบเมตร จะต้องสนทำไม? สิ่งนี้สำหรับฟางเหยียนแล้ว เป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น
เมื่อเห็นพื้นด้านบนกำลังปิดเข้ากลาง ฟางเหยียนออกแรงกระโดด ขึ้นไปบนห้องโถงได้ เขาเพิ่งตั้งหลัก พื้นก็ปิดสนิทแล้ว มาได้ทันเวลาพอดี
ยังไม่ทันตั้งหลักได้ หญิงสาวทั้งสี่ก็โจมตีมาที่เขาอย่างไม่ยั้ง เพราะไม่ทันได้ออกแรง ร่างกายของฟางเหยียนถูกร่างกายอันเก่งกาจของหญิงสาวทั้งสี่โจมตีจนถอยหลังรัวๆ อีกนิดก็ถอยไปถึงด้านนอกของประตูใหญ่แล้ว
หลังจากที่เขายืนมั่นคงแล้ว สองมือปล่อยกำลังภายในอันแข็งแกร่งออกมา จากนั้น มือของเขากลายเป็นดาบ ร่างกายเหมือนพายุวับไปยังข้างๆของหญิงสาวทั้งสี่ แว็บนั้น หญิงสาวทั้งสี่ล้มลงกับพื้น ในคอหอยมีเลือดสดกำลังไหลออกมา ไม่มีใครเห็นว่าเขาทำได้อย่างไร สรุปหญิงสาวทั้งสี่ตายแล้ว
“อ้า!”“อ้า!” เสียงร้องที่บาดหูดังขึ้นยาวๆในห้องโถงแห่งนี้ เป็นเสียงร้องของเห้ออีกาง และแล้วเขาก็ทรุด ตั้งแต่เมื่อกี๊ที่เขาเห็นฟางเหยียนฆ่าผู้เฒ่าทั้งสี่นั้นเขาก็เริ่มผวาแล้ว มาถึงตอนนี้เขาได้ฆ่าหญิงสาวที่เย็นชาเหมือนน้ำแข็งสี่คนนั้นไปอีก เขายิ่งทรุดเข้าไปใหญ่ นี่หมายถึงอะไร? หมายถึงต่อไปก็ถึงตาเขาแล้ว
ที่แห่งนี้คนที่ควรตายและไม่ควรตายล้วนตายกันไปหมดแล้ว เหลือเพียงเขาคนเดียว เขาเคยคิดจะหนี แต่ตอนนี้ช้าไปเสียแล้ว ถ้าหนีไปตั้งแต่เมื่อกี๊ตอนที่ฟางเหยียนต่อสู้กับผู้เฒ่า ไม่แน่ตนอาจจะรอดวิกฤตไปได้ก็เป็นได้
แต่ เขาคิดว่าฟางเหยียนต้องตายอย่างแน่นอนแล้ว ถ้าฟางเหยียนตายล่ะก็ ตนก็จะได้เป็นถังจู่ของเขตซีหนานแล้ว แต่ แต่สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึง ฟางเหยียนไม่ตาย กลับกัน ผู้เฒ่าที่ท่าทางเหมือนนักพรตทั้งสี่ตายแล้ว
เดิมคิดว่าสี่คนนั้นมีฝีมือที่จะฆ่าคนนี้ได้ แต่ความจริงพิสูจน์ให้เขาเห็นแล้วว่าเขาคิดมากไป พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยแต่อย่างใด ตอนนี้ เขาไม่มีโอกาสได้หนีแล้ว สายไปเสียแล้ว เขาพลาดโอกาสที่จะมีชีวิตรอดในครั้งนี้ไป
ความตายสำหรับเขาแล้วเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลกนี้ เขาจะตายแบบนี้อย่างไรกัน! เป็นไปได้อย่างไร…
ตอนนี้เห้ออีกางเสียใจมาก เสียใจที่เมื่อตัวเองมาที่นี่ก็กลายเป็นกบฏ ถ้าตนเป็นลูกน้องของคนนี้ตลอด แล้วเขาจะตายได้อย่างไรกัน? เขาโง่เง่ามากจริงๆ คิดว่าคนพวกนี้จะกำจัดเขาได้
“ไม่ ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน! ได้โปรดปล่อยฉันไป” เห้ออีกางคุกเข่าลงกับพื้น งอนก้นขึ้น หัวคำนับกับพื้น ด้วยสีหน้าหวาดผวา ดูๆแล้วอย่างพูดเลยว่าจะจนตรอกขนาดไหน
ยังไงก็เป็นลูกพี่ที่มีลูกน้องหลายพันคน ตอนนี้กลายเป็นกระอักกระอ่วนใจ มันช่างไม่น่าพอใจเอามากๆ
ไม่รอให้ฟางเหยียนเอ่ยปาก จู่ๆ มีสิ่งที่เย็นทะลุร่างกายของเขาไป แทงเข้าตรงๆจากด้านหลังไปที่หัวใจของเขา นี่เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ได้เจ็บปวดอย่างที่จินตนาการไว้ รู้สึกเพียงแค่ของสิ่งนี้แทงเข้าร่างกายของเขาได้อย่างตรงเป้า จากนั้นก็เลื่อนไปที่ตำแหน่งของหัวใจ
ร่างของเขายืนขึ้นอย่างเร็ว จากนั้นก็ค่อยๆหันหลังไป เมื่อหันหลัง ก็ได้เห็นขุนศึกที่ในมือถือหอกทอง สวมเกราะทองคนหนึ่ง อู๋หมิงได้สวมใส่เกราะทอง ถือหอกทองของตัวเอง
“แก…” เห้ออีกางยังพูดไม่จบ อู๋หมิงได้เอาหอกทองที่อยู่ในมือกลับมาอย่างแรง
เขาไม่มองเห้ออีกางแม้แต่น้อย เพียงแต่มองหอกทองของตัวเองแล้วกล่าว “วันนี้ ฉันจะใช้เลือดของแกเซ่นหอกทองของฉัน หอกที่ได้ลิ้มลองเลือดแล้ว จะยิ่งใช้ได้ราบรื่นมากขึ้น
เสียงของเขา บูดบึ้งน่ากลัว มีนัยที่ออกมากับคำพูดเปล่งออกมาด้วย ทำให้ผู้ฟังหวาดกลัวมาก
พูดจบ เขายกมือลูบส่วนบนของหอก ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น!
“ฉันไม่ชอบให้คนเห็นตอนที่ฉันใช้กำลัง ตอนนี้ตอนนี้สงบแล้ว!” อู๋หมิงกล่าวอย่างเย็นชา
เขาพูดแบบนั้น แต่ในใจของเขากลับไม่สงบกระวนกระวาย เพราะคนนี้ได้ฆ่าผู้อาวุโสทั้งสี่แล้ว เดิมทีคิดว่าเขาจะถูกผู้อาวุโสทั้งสี่ฆ่า ใครจะรู้ว่าเขาจะฆ่าผู้อาวุโสทั้งสี่ของสำนักไร้หน้า
หรือ คำทำนายของปรมาจารย์กุ่ยซือและฮองซูน้อยจะเป็นจริงแล้วงั้นเหรอ?สำนักไร้หน้าจะพังพินาศแล้วเหรอ?
อู๋หมิงสูดหายใจเข้าลึกๆ ต่อให้สำนักไร้หน้าต้องพังพินาศลง ก็ต้องต่อสู้ให้ถึงวินาทีสุดท้าย
ฟางเหยียนมองอู๋หมิง แล้วกล่าว “เรียกท่านปรมาจารย์ไร้หน้าของพวกแกออกมา แกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน”
“เหอะ!” อู๋หมิงดูแคลนออกมา แล้วกล่าว “ฆ่าฉันให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!ท่านปรมาจารย์ไม่ใช่ใครอยากเจอแล้วจะเจอได้ แกก็เป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น แกคิดว่าอย่างแก มีสิทธิ์เจอท่านปรมาจารย์ได้เหรอ?”
ต่อให้ถึงวินาทีสุดท้าย อู๋หมิงก็ไม่มีทางก้มหน้ายอมถอย เขาคือพระราชาของสำนักไร้หน้า!และจะเป็นตลอดไป
พูดจบ อู๋หมิงทิ้งหอกในมือไปไกลๆ ไปทางตำแหน่งของฟางเหยียน จากนั้นร่างกายของอู๋หมิงเหมือนเลื่อนตามไปอย่างไรอย่างนั้น การเคลื่อนไหวของเขาเร็วมาก แว็บเดียวก็คว้าหอกทองของตนได้แล้ว
จากนั้นหอกทองนั้นแทงเข้าไปที่ด้านหน้าของฟางเหยียน ฟางเหยียนเขย่งขาขึ้น ปลายเท้าถอยหลังไปไม่หยุดเหมือนกับมีล้ออยู่อย่างไรอย่างนั้น
ทั้งสองคนเดี๋ยวบุก เดี๋ยวถอยกันแบบนี้!ร่างกายของอู๋หมิงลอยขึ้นในอากาศ ฟางเหยียนยืนด้วยขาข้างเดียว แล้วถอยหลังไป
และแล้ว ฟางเหยียนถอยหลังไปถึงกำแพง ถอยหลังต่อไปไม่ได้อีกแล้ว อู๋หมิงฉวยโอกาสนี้ เพิ่มพลังในมือ ใช้หอกทองแทงเข้าไปที่ร่างกายของฟางเหยียนอย่างแรง
แต่ ตอนที่หอกแทงจะแทงเข้าไปที่ฟางเหยียน ฝ่ามือของฟางเหยียนจับปลายของหอกทอง หอกทองแทงเข้าไปไม่ได้อีกแล้ว อู๋หมิงตกใจเงยหน้ามองฟางเหยียยน
ขณะนี้ สายตาของฟางเหยียนกำลังจ้องอู๋หมิงพอดี สายตาทั้งสี่สบตากัน ในแววตาทั้งสี่ดวงเต็มไปด้วยแรงอาฆาต
อู๋หมิงอยากฆ่าฟางเหยียน ฟางเหยียนก็อยากฆ่าอู๋หมิงเช่นเดียวกัน
แต่เมื่อจะลงมือฆ่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดไว้ ฟางเหยียนยังไม่ได้ทันตั้งตัว แต่อู๋หมิงเตรียมตัวเสร็จแล้ว ดังนั้นตอนที่ทั้งสองต่อสู้กัน ได้เกิดเป็นสถานการณ์ที่สูสีกัน
“ไอ้เด็กน้อย แกทำได้ยังไงกันแน่?แกทำลายเคล็ดขังมังกรของจอมคาถาทั้งสี่ได้อย่างไรกัน?ด้วยอายุของแก ไม่ควรจะมีกำลังภายในที่แข็งแกร่งขนาดนี้” อู๋หมิงยังคงถามอย่างไม่เข้าใจมาก
เขาคิดว่าตัวเองถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งแล้ว ตอนที่อายุสามสิบปีเขาเลื่อนขึ้นเป็นระดับต้าชี่ ในครั้งแรกก็ได้เป็นผู้รับช่วงต่อที่วัยรุ่นที่สุดของสำนักไร้หน้า ตอนนี้ผ่านไปสามสิบปีแล้ว เขายังไม่ได้เลื่อนขั้นเป็นระดับปรมาจารย์ แต่นึกไม่ถึงว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าได้เลื่อนขั้นเป็นระดับปรมาจารย์แล้ว เขาอยากรู้แน่นอนว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าทำได้ยังไง
ฟางเหยียนดูแคลนออกมา แล้วกล่าวอย่างชิลล์ๆว่า “คนตาย ไม่จำเป็นต้องรู้มากขนาดนั้น!”