จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 472 เลือดเย็น
เสียงกรีดร้องนี้ดังเบรกการโจมตีครั้งสุดท้ายของฟางเหยียนเข้าพอดี เขาหันไปมองตามอย่างไม่รู้ตัว พอหันไป ก็ได้เห็นหญิงสาวหลายคนที่กำลังตกใจอ้าปากค้างพอดี
ในวินาทีที่ฟางเหยียนหันไปมอง อู๋หมิงคว้าโอกาสไว้ได้ ผลักหอกทองในมือออกไป พอผลักออก ก็ทำดาบใหญ่ในมือฟางเหยียนแตกกระเด็นไปอีกด้านพอดี
พลังทำลายล้างอันรุนแรงนี้โดนอู๋หมิงทำลายลง อู๋หมิงหนีออกมา ร่างเขาผลุบออกมาเร็วปานสายฟ้าแลบ วิ่งไปทางหน้าประตูอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาวิ่งเข้าหาร่างหญิงสาวนั้นในเวลาไม่นาน เหล่าหญิงสาวที่รับรู้ถึงอันตรายได้ร้องหวีดอีกที หมุนตัวหนีทันที แต่กลับมีคนหนึ่งโชคไม่ดีโดนอู่หมิงจับไว้ได้
นั่นเป็นหญิงสาวที่สวยมากคนหนึ่ง ใส่เสื้อเชิ้ตกางเกงยีน มัดผมหางม้า ดูแล้วน่าจะเป็นนักศึกษา เพียงแต่ตอนนี้โดนคนอื่นจับตัวไว้ สีหน้าหวาดกลัวจนซีดเผือด ปากยังร้องกรี๊ดอย่างหวาดกลัวอยู่
หญิงสาวคนนี้คือฉินเข่อ โชคไม่ดีเลย เธอโดนอู๋หมิงจับตัวเอาไว้
อู๋หมิงรู้ดีว่าสู้ฟางเหยียนไม่ได้ จากการต่อสู้เมื่อกี้ก็รับรู้ได้พอแล้วถึงความแข็งแกร่งของฟางเหยียน ถ้าสู้ต่อไป คนที่ตายคงเป็นตนแน่ ตอนนี้โชคดีเจอนักศึกษาที่หลุดเข้ามาหลายคน จับมาเป็นตัวประกันสักคนก่อนละกัน! ขอแค่พอผ่อนลมหายใจไปได้บ้าง ให้เขายังมีชีวิตอยู่ สำนักไร้หน้าก็จะไม่ถือว่าสิ้นสลายหมด
ตอนนี้เขายิ่งเชื่อในคำพูดของปรมาจารย์กุ่ยซือกับฮองซูน้อยมากขึ้นละ สำนักไร้หน้าจะล่มสลายแล้วจริงๆ และคนที่จะทำลายมันก็คือคนตรงหน้าคนนี้ เมื่อกี้เขายังไม่กล้าเชื่อ แต่ตอนนี้เขาจำต้องเชื่อละ
หลังจับฉินเข่อเป็นตัวประกัน เขาใช้หอกทองรั้งลำคอฉินเข่อไว้ หันไปตวาดฟางเหยียนว่า “แกอย่าเข้ามา!”
ฟางเหยียนกำลังจะเข้าไป พึ่งเดินได้สองก้าว โดนอู๋หมิงพูดแบบนี้ จำต้องหยุดนิ่งกับที่ เขาหรี่ตามองอู๋หมิงพลางถาม “แกหมายความว่าไง? สู้ไม่ได้เลยจับคนเป็นตัวประกันขู่ฉันหรือไง?”
“ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันที!” ฉินเข่อได้สติกลับมา ตรงนี้ต้องมีคนหนึ่งเป็นคนเลวแน่ ไม่ต้องสงสัยเลย คนที่จับเธอเป็นตัวประกันอยู่เลวแน่นอน และคนตรงข้ามนั่นสิถึงจะเป็นคนดี
ในละครก็แสดงกันแบบนี้ไม่ใช่หรือไง? คนเลวต้องจับคนบริสุทธิ์เป็นตัวประกัน จากนั้นจะหลอกใช้คนบริสุทธิ์มาฆ่าคนดี ฉากนี้เคยเห็นในละครนะ ฉินเข่อไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งเธอจะกลายเป็นตัวเอก
ดังนั้นเธอเลยรีบเบนสายตาขอความช่วยเหลือไปให้ผู้ชายแปลกหน้าตรงหน้า ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ขอเพียงช่วยตนได้ เขาคือคนดี! เป็นผู้มีพระคุณของเธอ ในสถานการณ์ความเป็นความตายแบบนี้ ใครบ้างไม่กลัวตาย!
อู๋หมิงแค่นเสียงหึ กัดฟันกรอดตอบว่า “หลีกทางให้ฉัน! เทียบกับตาย ฉันอยากไปจากที่นี่ตอนนี้เลยซะดีกว่า”
ฟางเหยียนส่ายหน้าพลางว่า “แกกำลังขอร้องฉันให้ปล่อยแกหรือไง? มันดูไม่เหมือนนิสัยของพวกสำนักไร้หน้าของแกเลยนี่นา ยังไงซะแกก็เป็นเจ้าสำนัก ไม่ควรจะสู้จนตัวตายอย่างมีศักดิ์ศรีให้เป็นที่กล่าวขานของคนรุ่นหลังหน่อยหรือไง? แกทำแบบนี้ต่างอะไรกับพวกโจรเล็กโจรน้อย? หรือว่าแกไม่กลัวว่าการกระทำของแกในวันนี้จะโดนคนในยุทธภพหัวเราะเยาะเอากันหรือไง!”
“หัวเราะเยาะ?” อู๋หมิงหัวเราะร่วนขึ้นมาพลางว่า “แกคิดว่าตอนนี้ฉันยังกลัวคนจะหัวเราะเยาะอยู่หรือไง? สำนักไร้หน้าของฉันจะล่มสลายอยู่แล้ว ฉันจะยังแคร์คำพูดดีๆเสียงกล่าวขานสวยหรูของคนอื่นหรือไง แกคิดว่าฉันจะแคร์หรอ?”
ฟางเหยียนแค่นเสียงหึ เดินขึ้นหน้าอีกสองก้าว อู๋หมิงเห็นอย่างนั้นก็ตกใจดึงอาวุธล็อคคอฉินเข่อแน่นขึ้นพลางว่า “ฉันบอกว่าอย่าเข้ามา! ถ้าแกเข้ามาอีก ฉันจะฆ่าเธอซะ!”
ระหว่างพูด หอกทองในมือเขาจิ้มเข้าไปในผิวเนื้อของฉินเข่อ เกิดเลือดไหลออกมาจากผิวของฉินเข่อ
ฉินเข่อตกใจร้องหวี๊ดออกมาอีก รีบร้องบอก “ไม่นะ อย่า! ขอร้องล่ะ ช่วยฉันที ช่วยฉันด้วย”
ฉินเข่อตกใจจนน้ำตาไหลอย่างกลั้นไม่อยู่ เธอตัวสั่นเทาไปหมด ขนลุกซู่ไปทั่วร่าง
ตอนนี้เธอได้แต่ฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่คนตรงหน้าแล้ว คนนี้ต้องช่วยตนแน่ เขาต้องช่วยตนแน่ จะมีสักครั้งก่อนหน้านี้ไหมที่เธอจะเชื่อมั่นในตัวคนคนหนึ่งอย่างแรงกล้าขนาดนี้
ฉินเข่อไม่ใช่คนที่เชื่อใจคนง่ายขนาดนั้น หญิงสาวที่มั่นใจในตัวเองไม่ค่อยเชื่อใจใครง่ายๆ นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ฉินเข่อไม่สนใจใครเลยตอนเรียนมหาลัย เธอไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งเธอจะจ้องมาขอร้องผู้ชายแปลกหน้าแบบนี้
เท่าที่ดูคนตรงหน้า เขาผิวซีดเผือด สายตาดูเย็นชามาก ไร้อารมณ์ใดๆ แต่แยกได้ไม่ยากว่าเขาเป็นคนดี ใช่ คนตรงหน้านี้เป็นคนดีแน่
แต่แล้ว ฟางเหยียนไม่สนใจ ยังคงก้าวเท้าเข้ามา เขาพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “แกถือสิทธิ์อะไรมาคิดว่าฉันจะช่วยหล่อน? ฉันไม่รู้จักหล่อนเลยด้วยซ้ำ ไม่มีเหตุผลให้คนแบบนี้มาก่อกวนเรื่องของฉัน ฉันบอกแล้วว่ามาที่นี่วันนี้เพื่อทำลายคนสำนักไร้หน้าให้ราบ แกคิดว่าฉันจะแคร์ถ้าจะมีใครตายเพิ่มหรือไง?”
นี่ไม่ใช่ความคิดที่แท้จริงของฟางเหยียน เขาพูดแบบนั้น เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของอู๋หมิง ในฐานะเทพสงครามที่คอยปกปักรักษาประเทศนี้อย่างฟางเหยียน จะเป็นปีศาจร้ายที่ฆ่าคนไม่เลือกได้ยังไงกัน
ในเมื่อเขาเป็นจอมพล ย่อมมีหน้าที่และความรับผิดชอบปกป้องความปลอดภัยของประชาชนอยู่แล้ว วันนี้เขามาเพื่อทำลายสำนักไร้หน้าเท่านั้น ส่วนคนอื่นที่หลุดเข้ามาและเจอกับอันตราย เขาก็ต้องช่วยอยู่แล้วสิ
ถ้าไม่สนใจความเป็นความตายคนพวกนั้นจริงๆ เมื่อกี้เขาจะไม่เสียใจ ถ้าเขาไม่เสียใจ งั้นอู๋หมิงก็ตายแล้วล่ะ
แต่คำพูดพวกนี้ลอยเข้าหูฉินเข่อ กลับทำให้เธอหัวใจเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที คำพูดของฟางเหยียนโจมตีใส่เธอราวกับสายฟ้าฟาด เดิมคิดว่าคนตรงหน้าเป็นคนดี เดิมคิดว่าเขาจะช่วยตน ไม่คิดเลย ไม่คิดจริงๆว่าเขาจะพูดแบบนี้ออกมา เธอเริ่มสิ้นหวังแล้ว สิ้นหวังกับผู้ชายตรงหน้า สิ้นหวังเพราะเชื่อใจ
น้อยมากที่เธอจะเชื่อใจใครสักคน จนเชื่อไปคนหนึ่งแล้ว ไม่คิดว่าเขาจะทำกับเธอแบบนี้ นี่เธอต้องตายแล้วหรอ? ตอนนี้เธอรู้สึกเสียใจที่มาที่นี่แล้วล่ะ เธอเสียใจที่ขึ้นเครื่องบินมาดูที่นี่!
ในตอนที่เธอเสียใจสิ้นหวังอยู่นั้น เธอนึกอะไรขึ้นมาได้ รีบเงยหน้าพูดกับฟางเหยียนว่า “ขอร้องล่ะคุณช่วยฉันด้วย ฉันจะให้เงินคุณนะ บ้านฉันมีเงินเยอะ ฉันให้คุณได้หมดเลย! คุณ…”
“หุบปากซะ!” ฟางเหยียนมองหญิงสาวอย่างเย็นชาพลางว่า “คุณคิดว่าผมจะอยากได้เงินของคุณหรือไง? จะโทษก็โทษที่คุณผลุนผลันเข้ามาเอง ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คุณควรมา ชาติหน้าเลือกที่ให้ดีกว่านี้ อย่ามุดผิดที่อีก”
“อู๋หมิง ลงมือเถอะ! ฆ่าหล่อนซะ จากนั้นฉันจะฆ่าแกต่อ!”
“แก…” อู๋หมิงเรียกฟางเหยียนอย่างหน่ายใจ