จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 473 สำนักไร้หน้า สิ้น
รอยยิ้มของฟางเหยียนแข็งเกร็ง รังสีอำมหิตแผ่ซ่านจากตัวเขาออกมา เขามองอู๋หมิง พูดอย่างเย็นชาว่า “ตายซะ! อู๋หมิง”
คำพูดนี้เหมือนคำพิพากษาสั่งประหารอู๋หมิง! ฟางเหยียนในตอนนี้ก็คือผู้พิพากษาแห่งนรก
พูดจบ ไม่รู้ว่ามีหินก้อนหนึ่งโผล่มาในมือฟางเหยียนตั้งแต่เมื่อไหร่ หินก้อนนั้นเหมือนกับเมื่อกี้เลย บินออกไปจากมือฟางเหยียน
พูดปุ๊บมาปั๊บ อู๋หมิงยกหอกทองในมือขึ้นมาสกัดการโจมตีของหินก้อนนั้น หอกสกัดกั้นหินที่ฟางเหยียนโยนออกมาได้ หายวับไปในพริบตา ร่างของฟางเหยียนปราดออกไปรวดเร็วประดุจสายลม ไปที่ข้างตัวอู่หมิง เขาแปลงฝ่ามือเป็นดาบ กะปาดคอหอยอู๋หมิงในทีเดียว
แต่ว่าอู๋หมิงเองก็ไม่ได้ด้อยกว่า เขายกหอกในมือขึ้นป้องกันฝ่ามือดาบของฟางเหยียนอย่างไว
เสียงแกร๊งดังขึ้น ประกายไฟแปลบปลาบออกมา ฟางเหยียนยกเท้าขึ้นเตะหน้าอกอู๋หมิงอย่างแรง อู๋หมิงโดนเตะกระเด็นถอยไปอย่างแรง ฟางเหยียนรีบเข้าไปกอดหญิงสาว ถอยมาอีกหลายก้าว
พอแน่ใจว่าห่างออกมาในระยะปลอดภัยแล้ว เขาหันไปถามหญิงสาวที่สีหน้าตื่นตระหนกว่า “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
หญิงสาวมองฟางเหยียนตาค้างหลายวินาที ก่อนจะพูดว่า “ไม่ ไม่ ไม่เป็นไร!”
ฉินเข่อปลอดภัยแล้ว นี่ปลอดภัยแล้วจริงๆ ฉากนี้มันออกแนวฝันไปหน่อย เมื่อกี้เธอยังเดินอยู่บนความเป็นความตายอยู่เลย ไม่คิดว่าตอนนี้จะปลอดภัยแล้ว และแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น เหมือนตนได้ผ่านความเป็นตายมาระลอกหนึ่ง
นี่มันเป็นอะไรที่คนธรรมดายากจะรับได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นฉินเข่อยังเป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่งเท่านั้นเอง
ฉินเข่อที่ได้พักหายใจหน่อย สมองก็เริ่มปลอดโปร่งขึ้น เธอนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อกี้นายคนนี้บอกว่าไม่สนใจว่าเธอจะเป็นหรือตาย หมอนี่เป็นคนปากอย่างใจอย่างจริงๆ พอคิดถึงตรงนี้ เธอพูดกับฟางเหยียนว่า “ไหนคุณบอกว่า…”
เธอยังพูดไม่ทันจบ ฟางเหยียนก็คว้าตัวเธอไว้ ร้องว่า “ระวัง!”
เห็นแต่หอกสีเหลืองทองแท่งหนึ่งแทงเข้ามา ฟางเหยียนดึงร่างหญิงสาวไปหลบหลังตน มืออีกข้างของเขาจับปลายแหลมของหอกทอง แต่คมหอกคมเกินไป บาดฝ่ามือเขา เข้าในร่างกายเขา ฝ่ามือฟางเหยียนคว้าหมับที่ด้ามหอกทองอีกครั้ง เสียงหอกแทงเข้าไปในร่างเขาครึ่งหนึ่ง
ท่วงท่าทั้งคู่หยุดชะงักลงอีกครั้ง อู๋หมิงเห็นคมหอกแทงเข้าในหน้าอก เขายิ่งกดแรงหนักขึ้น แต่แรงเขากลับดูไร้ค่าไปเลยเมื่อเทียบกับฟางเหยียน ด้ามหอกโดนฟางเหยียนจับไว้ เขาเพิ่มแรงไม่ได้เลย
เขาได้พูดอย่างโกรธแค้นระหว่างที่มองฟางเหยียนว่า “ไอ้หนู ไหนแกบอกไม่แคร์ว่าจะฆ่าเพิ่มอีกคนไง? ทำไมช่วยหล่อนล่ะ? แกเบี่ยงเบนความสนใจของฉัน? !”
“แกคิดว่าฉันไม่มีขอบเขตสามัญสำนึกเหมือนสำนักไร้หน้าของพวกแกหรือไง? ถ้าฉันเป็นคนฆ่าไม่เลือกหน้าแบบนั้น ฉันจะมีสิทธิ์อะไรมาทำลายสำนักไร้หน้าของแกล่ะ! อู๋หมิง แกยังจะขัดขืนดิ้นรนอีกไหม?”
“ดิ้นรนขัดขืน!” อู๋หมิงแค่นเสียงหึ ตะคอกดัง “แกคิดว่าฉันกำลังดิ้นรนขัดขืนหรือไง? คนที่ทำอย่างนั้นไม่ใช่แกหรือไง?”
“อู๋หมิง ยุคของแกน่ะหมดไปแล้ว! ยังจะดื้อด้านไม่เลิกอีกหรือไง?” ฟางเหยียนถามเสียงเย็น
อู๋หมิงกลับกัดฟันกรอดไม่พูดอะไร และก้าวเท้าพุ่งเข้าฟางเหยียน แรงเขาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผลักฟางเหยียนกระเด็น เขาอยากให้หอกทองแทงลึกเข้าไปในร่างฟางเหยียนมากขึ้น
แต่ฟางเหยียนกลับถอยไปหลายก้าวติดกัน เพื่อให้ระยะคมดาบที่เสียบร่างอยู่คงที่
อู๋หมิงได้ทีคว้าจับฉินเข่อที่ยืนตะลึงอยู่ เพราะฉินเข่อไม่เคยเห็นการต่อสู้แบบนี้ เลยตกใจอึ้งตะลึงตาค้างไปนานแล้ว จนวินาทีที่ร่างกายโดนคว้าจับอีกครั้ง เธอถึงได้สติกลับมา แต่พอได้สติกลับมา ก็พบว่าตนเดินอยู่บนความเป็นความตายอีกครั้ง เธอยังไม่ทันร้อง อู๋หมิงก็พูดอย่างโมโหว่า “แกจะปกป้องหล่อนไม่ใช่หรือไง? ตอนนี้ฉันจะฆ่าหล่อนซะ!”
พูดจบ เห็นแค่มืออู๋หมิงมีควันดำออกมา เขาหัวเราะร่วนว่า “พลังกลืนกินของฉันกลัวแก แต่ไม่กลัวหล่อนนี่!”
“ไอ้เลว!” ฟางเหยียนใช้แรงเค้นหอกในมืออู่หมิงที่อยู่ในร่างตนออกมา จากนั้นก็แปลงร่างประหนึ่งลมไต้ฝุ่นพุ่งมายังตัวอู๋หมิง เขาแปลงฝ่ามือเป็นดาบอีกครั้ง ครั้งนี้แม่นยำไม่ผิดพลาด
ได้ยินแต่เสียงแกร๊งดังขึ้น หอกทองในมืออู๋หมิงหล่นลงพื้นดังแกร๊ง จากนั้น ร่างของเขาก็ค่อยๆลดต่ำลง เขาอยากจะพูดอะไร แต่กลับพูดไม่ออกแม้สักคำ คอหอยเขาโดนปาดขาดแล้ว เสียงออกมาไม่ได้อีก ดวงตาเขามีแววไม่ยอมแพ้ อีกทั้งสงสัย ตกใจ
นี่เขาจะตายแล้วหรอ? อู๋หมิงไม่อยากตายเอามากๆ แต่ตนก็ทำอะไรไม่ได้!
เขาตายแล้ว ก็เท่ากับว่าสำนักไร้หน้าหมดสิ้นแล้ว สุดท้ายสำนักไร้หน้าก็เดินมาถึงทางตัน ปรมาจารย์กุ่ยซือกับฮองซูน้อยต่างพูดถูก เหตุการณ์ที่พวกเขาคาดการณ์ไว้กลายเป็นจริงแล้ว สำนักไร้หน้า ซากศพเกลื่อน เลือดนองเป็นแม่น้ำ
จนวินาทีสุดท้าย อู๋หมิงถึงเสียใจ เสียใจที่ไม่ยอมฟังคำของฮองซูน้อย! ถ้าเขาฟังคำของฮองซูน้อย สำนักไร้หน้าน่าจะยังคงอยู่ไปอีกห้าพันปี แต่ไม่คิดเลยว่า สำนักไร้หน้าจะมาจบลงในมือเขา
อู๋หมิงไม่อยากยอมรับ แต่เขาทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว!
ฟางเหยียนหันหลังใส่อู่หมิง พูดอย่างเย็นชาว่า “สำนักไร้หน้า สิ้นแล้ว!”
พอพูดจบ อู๋หมิงที่ใส่ชุดเกราะทองล้มลงกลางกองเลือด ร่างเขากระตุกหลายที สุดท้ายไม่ขยับอีก ตายแล้ว อู๋หมิงเองก็ตายแล้ว ทั่วทั้งสำนักไร้หน้ากลายเป็นสนามรบที่มีแต่ซากศพกองพะเนิน
ตอนนี้เองฉินเข่อเริ่มได้สติกลับมา เพราะว่าฉินเข่ออยู่ใกล้อู๋หมิงมาก เลือดสดที่กระฉูดจากคอหอยของอู๋หมิงกระเด็นมาโดนหน้าและคอของฉินเข่อ ฉินเข่อรู้สึกถึงของเหลวอุ่นร้อนไหลลงคอเธอ แถมยังค่อยๆไหลลงไป ตอนนี้ฉินเข่อตัวสั่นเทา ขนลุกซู่ไปทั้งตัว
เธอยกมือขึ้นสัมผัสเลือดสดนั่น ยกมือมาดูข้างหน้า
“อ๊า!” เสียงร้องหวี๊ดดังขึ้น จากนั้นร่างของฉินเข่อก็ล้มตึงลงไปเลย ฟางเหยียนหมุนกลับมารับร่างฉินเข่อไว้ได้ทัน เธอเป็นลมไปแล้ว สลบเหมือดไร้สติเลย
ฉินเข่อกลัวเลือด แต่ที่เธอกลัวไม่ใช่เลือดที่เห็นได้ทั่วไป แต่เป็นเลือดจากอีกคนไหลมาโดนตัวเธอต่างหาก
ฟางเหยียนอุ้มร่างเธอขึ้นมา เดินออกจากห้องโถงของสำนักไร้หน้า
สำนักไร้หน้าที่เดิมครึกครื้น ตอนนี้เต็มไปด้วยซากศพ ทั่วทั้งสำนักไร้หน้ากลายเป็นนรกบนดิน
สำนักไร้หน้าสิ้นแล้ว องค์กรใหญ่ที่มีประวัติอยู่มายาวนานพันกว่าปี สำนักไร้หน้าที่เป็นองค์กรลึกลับมาโดยตลอดกลับมาโดนทำลายลงแบบนี้ เป็นการกระทำของฟางเหยียนคนเดียว หนึ่งพันกว่าปีก่อนใครเลยจะคิดถึงว่า องค์กรอย่างสำนักไร้หน้านี้จะโดนคนเพียงคนเดียวทำลายลงได้! สำนักไร้หน้าอ่อนแอลง หรือว่าคนคนนี้แกร่งมากเกินไป!
หรือบางที สำนักไร้หน้าอาจเดินมาถึงทางตันของตนแล้วก็ได้!
ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร นับจากนี้ยุทธภพไร้ซึ่งสำนักไร้หน้าอีกต่อไป!