จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 476 มาหาเองถึงที่
เย่ชิงหยู่เงียบลงไป ในใจเธอเริ่มคาดเดาฐานะของฟางเหยียน หรือว่าฟางเหยียนจะไม่ได้เป็นแค่คุณชายตระกูลฟางเท่านั้น? หรือว่าเขายังมีฐานะอื่นอีกที่ยิ่งใหญ่กว่าคุณชายตระกูลฟางอีก?
สามารถปิดข่าวได้ขนาดนี้ จะเป็นคนธรรมดาได้ยังไง? เรื่องแบบนี้ต้องแตกตื่นไปทั่วทั้งประเทศแล้ว ตายหลายพันคนนะ ถ้าไม่ใช่เฉินหย่าพูด เย่ชิงหยู่ยังไม่รู้เลยว่าแก๊งซินหงตายไปหลายพันคนแล้ว
สำหรับเรื่องฐานะเบื้องหลังนี้ เย่ชิงหยู่ไม่รู้แน่ชัดเท่าไหร่ เธอไม่รู้ว่าใครกันที่ทำได้ถึงขนาดนี้ เธอเลยถามเฉินหย่าอีกว่า “งั้นเธอคิดว่าคุณชายตระกูลฟางจะสามารถปิดเรื่องได้ถึงระดับนี้ไหม?”
เฉินหย่าอึ้งก่อนบอก “น่าจะไม่ได้นะ! ตระกูลฟางเป็นแค่ตระกูลใหญ่ธรรมดาเองนี่ ระดับข่าวที่จะปิดได้ก็มีขีดจำกัดนะ อย่างเช่น ข่าวแบบคนธรรมดาตายไม่กี่คนน่ะปิดได้ แต่ถ้าจะปิดข่าวการตายขนาดใหญ่ประหนึ่งเกิดสงครามแบบนี้ น่ากลัวความสามารถของตระกูลฟางจะทำไม่ได้นะ เพราะตระกูลฟางก็มีแต่เบื้องหลังด้านนั้น ต่อให้เป็นเบื้องหลังแข็งแค่ไหนก็ไม่มีมีสิทธิ์ปิดข่าวแบบนี้ได้ เธอต้องรู้นะ คนที่ตายไปพวกนั้นน่ะพวกของแก๊งซินหงทั้งนั้น แก๊งซินหงเป็นองค์กรอะไร นั่นน่ะเป็นองค์กรที่มีอยู่ทั่วโลกนะ! อำนาจใหญ่ขนาดไหนเธอก็ไม่ใช่ไม่รู้ พูดอีกอย่าง แก๊งซินหงอยากต่อกรกับตระกูลฟาง บางทีตระกูลฟางยังทำอะไรไม่ได้เลย”
คำพูดของเฉินหย่าทำให้เย่ชิงหยู่งุนงงอีกครั้ง เฉินหย่าพูดถูก แก๊งซินหงอยากต่อกรกับตระกูลฟางที่ทำธุรกิจแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ขอเพียงหาทางก่อกวนธุรกิจของพวกเขาทุกทาง ตระกูลฟางก็ปวดหัวเอาได้เหมือนกัน
ในเมื่อตระกูลฟางปิดข่าวระดับนี้ไม่ได้ งั้นคนฐานะอะไรกันล่ะถึงจะทำได้? หรือว่าเป็นแก๊งซินหงปิดข่าวเอง? พอคิดถึงตรงนี้ เย่ชิงหยู่ถามอีก “หรือว่าแก๊งซินหงจะปิดข่าวเอง? เธอคิดดูนะ พวกเขาแข็งแกร่งขนาดนั้น โดนคนฆ่าคนของพวกเขามากมายขนาดนั้น คงทำให้พวกเขาเสียหน้ามาก ดังนั้นเลยเลือกที่จะปิดข่าวเอง และไปหาตัวฆาตกรลับๆแทน?”
เฉินหย่าเม้มปากพลางว่า “อันนี้ฉันก็ไม่แน่ใจนะ แต่อันนี้เป็นไปได้ และยังมีอีกอย่างที่เป็นไปได้ ก็คือแก๊งซินหงจับตัวฆาตกรที่ฆ่าคนของพวกเขาได้แล้ว มีแต่จับตัวได้ แก๊งซินหงถึงจะเลือกปิดข่าว เพราะพวกเขาต้องการแก้แค้นหมอนั่นเอง ถ้าเรื่องแดงขึ้นมา เป็นไปได้ว่าจะโดนแทรกแซงเรื่องนี้ ขอแค่พวกเขาไม่ทำเรื่องยุ่งยาก เรื่องนี้ก็จะโดนปิดข่าว เพราะเรื่องแบบนี้ใครก็ไม่อยากให้เรื่องมันแดงออกมา มันอาจจะสร้างความวุ่นวายได้นะ”
พอได้ยินเฉินหย่าพูดแบบนี้ ในใจเย่ชิงหยู่อดกระตุกไม่ได้ แอบคิด ไม่ใช่ว่าฟางเหยียนโดนจับตัวไว้แล้วจริงๆนะ! แก๊งซินหงโดนฟางเหยียนทำลายแล้วจริงๆ เพราะวันนั้นฟางเหยียนเองก็พูดว่าจะไปทำลายแก๊งซินหง เพื่อแก้แค้นให้ตน
ตอนนี้ผ่านไปแล้วสองวัน ฟางเหยียนกลับไร้ซึ่งข่าวคราว โทรก็ไม่ติด นี่ไม่ใช่เกิดเรื่องแล้วเรียกว่าอะไร ฟางเหยียนไม่มีทางไม่รับสายตน มีแต่ตอนเกิดเรื่องเท่านั้น ที่เขาจะไม่รับสายตน
พอคิดถึงตรงนี้ เย่ชิงหยู่ยืนขึ้นอย่างร้อนใจ ปากร้องออกมาสองคำ “แย่ละ!”
“ทำไมหรอ?” เฉินหย่าถามอย่างไม่เข้าใจ
เย่ชิงหยู่กลืนน้ำลายดังเอื๊อก เธอไม่สามารถบอกเฉินหย่าได้ว่าคนที่ฆ่าคนของแก๊งซินหงมากมายขนาดนั้นคือฟางเหยียน ดังนั้นเธอเลยก้มหน้าต่ำพลางว่า “ฉันยังมีธุระ ขอตัวก่อนนะ ฉันต้องไป…”
“ไปไหนล่ะ!” เธอพูดยังไม่ทันจบ ก็มีอีกเสียงพูดตัดบทเธอ
จากนั้นก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านข้างของบาร์เวลา เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีเทา สีหน้าเคร่งเครียด เขามีตาแค่ข้างเดียว อีกข้างหนึ่งมีตาปลอมแทนอยู่ ทำให้มองดูแล้วน่ากลัวบอกไม่ถูก
เย่ชิงหยู่มองคนคนนั้นอย่างไม่สบายใจ ดวงตาของเขาจ้องมองตนตลอด ไม่เพียงแค่เขา คนที่นั่งอยู่ในบาร์เวลาต่างพาลุกขึ้นจ้องมองมาที่เย่ชิงหยู่ทั้งหมดเลย
เมื่อกี้ตอนเธอเข้ามา ในนี้ยังมีชายหนุ่มหญิงสาวอีกไม่น้อย ไม่รู้ว่ากลายเป็นชายร่างกำยำกันหมดตั้งแต่เมื่อไหร่ ซึ่งหมายความว่า คนพวกนี้ล้อมกรอบพวกเธออยู่นานแล้ว นับแต่เย่ชิงหยู่เข้ามาก็โดนล้อมกรอบไว้หมดแล้ว
พอเห็นฉากนี้ เย่ชิงหยู๋กลืนน้ำลายดังเอื๊อกพลางถาม “คุณ พวกคุณเป็นใครกันน่ะ?”
คนที่มีตาแค่ข้างเดียวคนนั้นเดินมาถึงหน้าประตูห้องพิเศษของพวกเย่ชิงหยู่ พลางถาม “เธอคือเย่ชิงหยู่?”
เห็นแค่ตาเดียวก็รู้เลยว่าเขาไม่ใช่คนดี แต่เย่ชิงหยู่ไม่คิดปิดบัง เธอพยักหน้าบอกว่า “ใช่ ฉันคือเย่ชิงหยู่ พวกคุณเป็นใคร? คิดจะทำอะไรกัน?”
เขาหัวเราะร่วนออกมา ถามเสียงเย็นว่า “พวกเราเป็นคนแก๊งซินหง อยากเชิญคุณไปกับพวกเราหน่อย!”
คนของแก๊งซินหง! พอได้ยินถึงตรงนี้ เย่ชิงหยู่แอบกระตุกในใจวูบหนึ่ง ไม่คิดว่าคนของแก๊งซินหงจะมาหาตน นี่คือจัดการฟางเหยียนเสร็จแล้ว เลยจะมาถอนรากถอนโคนตนต่อหรือไงกัน?
“ชิงหยู่!” พอได้ยินว่าเป็นคนของแก๊งซินหง เฉินหย่าก็ลุกขึ้นทันที มือหนึ่งดึงเย่ชิงหยู่ไว้
เย่ชิงหยู่มองหน้าเฉินหย่าที่มีสีหน้าเป็นกังวลพลางบอก “ขอโทษนะ เฉินหย่า มีบางเรื่องฉันยังไม่สามารถบอกเธอได้”
พูดจบ เธอหันไปบอกผู้ชายคนนั้นว่า “ฉันไปกับพวกคุณได้ แต่คุณจะปล่อยเพื่อนฉันคนนี้ไปได้ไหม? เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอเลยแม้แต่น้อย พวกคุณปล่อยเธอไปซะ!”
“ชิงหยู่!” เฉินหย่าร้องเรียกเย่ชิงหยู่อย่างร้อนใจอีก ที่จริงตอนเฉินหย่าเห็นสถานการณ์ไม่ดี ก็แอบกดโทรแจ้งความแล้ว ตอนนี้ฝั่งนั้นน่าจะได้ยินบทสนทนาทั้งหมดแล้ว เธอได้แต่หวังว่าตำรวจจะรีบมา ไม่งั้นพวกเธอไม่รอดแน่!
หมอนั่นส่ายหัวบอก “ที่จริงพวกเราก็ปล่อยเพื่อนเธอไปได้น่ะนะ แต่หล่อนเจ้าเล่ห์มาก กล้าแอบโทรเรียกตำรวจ ตอนนี้ฉันเลยไม่คิดจะปล่อยหล่อนไปละ”
“เฮือก!” เฉินหย่าใจกระตุกวูบ ทั้งที่มีแค่ตาเดียว แต่กลับรู้ได้ว่าเธอแจ้งความ
ผู้ชายคนนั้นพูดจบ ก็เดินก้าวเท้ายาวเข้ามาหาเฉินหย่า เย่ชิงหยู่เห็นใบหน้าน่ากลัวราวกับผีนั่น ก็รีบยกมือขึ้นกันเฉินหย่าไว้ พลางว่า “พวกคุณจะทำอะไร? เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเฉินหย่าเลย”
“แก๊งซินหงทำอะไร ไม่ชอบให้ใครรู้! สาวน้อยคนนี้ทำผิดกฎแก๊งซินหง จะเหลือคนเป็นหรือซากศพ สำหรับแก๊งซินหงเรามันเหมือนกันเลย คนเป็นพูดได้ แต่ซากศพพูดไม่ได้ เธอคิดว่าพวกเราจะเหลือคนเป็นไว้ดี หรือเหลือซากศพไว้ดีล่ะ?” หมอนั่นถามไปพลางเดินมายืนต่อหน้าทั้งคู่