จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 482 คุณเหมือนแม่ของผม
ท่าทางของเทียนหลัง สไตล์การจัดการเหมือนกับนายพลที่สู้รบเหล่านั้นในสมัยโบราณ ตอนที่เขาเผชิญหน้ากับชายตาเดียวเอาปืนจ่อเขา ไม่ขยับแม้แต่น้อย ถึงขั้นแม้ไม่เปิดหนังตาขึ้น บางทีเป็นทหารจึงไม่ค่อยกลัวปืนขนาดนั้น แต่นัยน์ตาของพวกเขาก็ไม่น่าจะไม่ขยับเลยนะ นี่มันปืน สิ่งที่เพียงแค่ลั่นไก ก็สามารถปลิดชีพได้ เป็นอาวุธเพลิง
คนที่เผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้แล้วไม่ขยับแม่แต่น้อย ก็คือคนที่อยู่กับอาวุธยุทโธปกรณ์ตลอดทั้งปี พูดได้ว่าพวกเขาคุ้นเคยกับอาวุธยุทโธปกรณ์จ่อตัวเองตั้งนานแล้ว คุ้นชินกับปืนและระเบิดไปนานแล้ว และคนแบบนี้ ก็คือคนที่ทำสงคราม!
หรือที่ฟางเหยียนไปเป็นทหาร คือไปสู้รบงั้นเหรอ? ไม่เพียงแค่สู้รบ แล้วยังเป็นข้าราชการระดับสูงของกองกำลังระดับภูมิภาคอีกด้วย?
เมื่อนึกถึงจุดนี้ เย่ชิงหยู่ก็ยิ่งมั่นใจตัวตนของฟางเหยียนไม่ธรรมดา เทียนหลังเป็นรองผู้นำ ตำแหน่งสูงศักดิ์อย่างหาที่เปรียบมิได้! แต่เขากลับเรียกเย่ชิงหยู่ว่าคุณนาย แล้วยังพูดว่าตำแหน่งของฟางเหยียนสูงศักดิ์!
นี่หมายถึงอะไร หมายถึงฟางเหยียนยิ่งใหญ่เข้าไปอีก ตำแหน่งเรืองนามขึ้นไปอีก
มีเพียงคนที่ตำแหน่งเรืองนาม ผู้อื่นจึงจะพูดว่าสูงศักดิ์ จึงจะได้รับเกียรติแบบนี้!
ในขณะที่ในหัวของเย่ชิงหยู่เต็มไปด้วยความสงสัย เฉินหย่าถามว่า “ไม่งั้นฉันโทรถามให้มั้ย ดูว่าเพื่อนที่เป็นตำรวจคนนั้นของฉันจะรู้มั้ย”
ในขณะเดียวกันที่กำลังพูดนั้น ไม่รอให้เย่ชิงหยู่โต้ตอบ เฉินหย่าก็กดโทรออก
แป๊บเดียวปลายทางก็รับสาย หลังจากที่เฉินหย่าคุยสัพเพเหระกับอีกฝ่ายแล้ว จึงได้เริ่มพูดเรื่องที่สำคัญ เธอถามว่า “อ้อ แกรู้หรือเปล่าว่าจอมพลโผ้จวินตำแหน่งอะไร?”
ทางนั้นเงียบไปสักพัก แล้วกล่าว “จอมพลโผ้จวิน เป็นการเรียกขานของดวงชะตาเกิดชนิดหนึ่งในโชคชะตา บางคนเป็นพื้นดวงกำเนิดของจอมพลโผ้จวินตั้งแต่เกิด จอมพลโผ้จวินคือดวงแม่ทัพ ว่ากันว่าเป็นราศีที่ชอบการต่อสู้มาก และเป็นพื้นดวงกำเนิดของคนที่ทำธุรกิจใหญ่โต นี่ถือเป็นดวงชะตาเกิดอย่างหนึ่ง อืม อยู่ในโชคชะตา!”
เฉินหย่าทางนี้กล่าวอย่างหมดคำพูดว่า “ฉันถามถึงตำแหน่ง ไม่ใช่เรื่องโชคชะตา!”
“ตำแหน่ง?!” หลังจากที่ทางนั้นเงียบไป ได้กล่าวขึ้นมาว่า “ถ้างั้นฉันไม่รู้แล้วล่ะ ประเทศหวามีตำแหน่งแบบนี้เหรอ?”
ทีมรักษาความปลอดภัยในเมืองจะรู้ตำแหน่งของจอมพลโผ้จวินประเทศหวาได้อย่างไรกันเล่า ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาล้วนเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น ด้วยตัวตนและตำแหน่งของพวกเขา ไม่มีสิทธิ์ได้สัมผัสกับฟางเหยียน ทั้งสองคุยสัพเพเหระไปไม่กี่ประโยค เฉินหย่าก็วางสาย
เย่ชิงหยู่มองเฉินหย่ามองแล้วมองอีก ความคิดในใจมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่เธอครุ่นคิดอยู่สักพักแล้ว ได้พูดกับเฉินหย่าว่า “ขอบคุณนะ เฉินหย่า เรื่องคืนนี้ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ไม่งั้น แกกลับไปพักผ่อนก่อนก็แล้วกัน!”
เฉินหย่ายังอยากพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงพยักหน้าไม่พูดอะไรอีก
หลังจากที่เฉินหย่าจากไปแล้ว ใจของเย่ชิงหยู่เริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ฟางเหยียน ยังมีตัวตนแบบไหนอีกนะ? ในตอนที่ในหัวของเธอหวนคิดเรื่องนี้ จู่ๆมือถือก็ดังขึ้น
เย่ชิงหยู่หยิบมือถือขึ้นมาดู หน้าจอขึ้นเป็นเบอร์แปลก หลังจากที่ลังเลอยู่สักพัก เย่ชิงหยู่รับสาย ปลายสายเป็นเสียงอันน่าฟังของชายหนุ่มดังขึ้น “มิทราบว่าคุณคือประธานเย่ของตงข่ายกรุ๊ปหรือเปล่าครับ?”
เย่ชิงหยู่ลังเลไปสักพัก แล้วกล่าว “ใช่ค่ะ มิทราบว่าคุณเป็นใครคะ?”
“ผมคือฉินห้าวผู้จัดการใหญ่ของเมืองหยุนเฉิงบริษัทหงเหอ ตอนนี้ผมอยู่ที่ประตูของบริษัทคุณ พวกเราสนใจในการออกแบบเครื่องแต่งกายของบริษัทของพวกคุณมาก อยากคุยเรื่องการร่วมมือกันสักหน่อย มิทราบว่าประธานเย่มาที่บริษัทหน่อยได้มั้ยครับ?”
“หา! ตอนนี้?” เย่ชิงหยู่ค่อนข้างงงงวย เมื่อกี๊เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น เธอยังตั้งสติไม่ได้เลย
ตอนนี้ใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว ใครที่ไหนจะมาคุยเรื่องร่วมมือทางการค้ากันตอนสี่ทุ่ม
“อ๋อ! ประธานเย่ บางทีมืดค่ำแล้วคุยธุรกิจกัน ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ เดิมทีผมอยากค่อยหาคุณในวันพรุ่งนี้ แต่อีกเดี๋ยวผมต้องกลับเมืองหยุนเฉิงข้ามวัน เพิ่งได้รับข่าว พรุ่งนี้เช้ายังมีประชุมที่สำคัญต้องประชุมอีก ดังนั้นจึงได้รบกวนคุณประธานเย่ดึกๆดื่นๆ ถ้าประธานเย่คุณสะดวก ก็มานะครับ! ถ้าคุณไม่สะดวก งั้นก็ไว้คราวหน้าก็แล้วกัน!” ทางนั้นยังคงมีมารยาทมาก ตอนพูดมักจะเรียบร้อยมีมารยาท
เย่ชิงหยู่ลังเลสักพัก แล้วกล่าว “โอเคค่ะ งั้นฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ!”
บริษัทหงเหอ เย่ชิงหยู่รู้จักกรุ๊ปนี้ ถือได้ว่าเป็นกิจการสิบอันดับแรกที่ดีที่สุดของเขตซีหนาน เป็นกรุ๊ปที่มีมูลค่าหลายพันล้าน ครอบครัวเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองหยุนเฉิง และเป็นตระกูลใหญ่ของเมืองหยุนเฉิง
ตอนนี้เขามาถึงที่ประตูแล้ว แล้วยังบอกว่ามาคุยการค้ากัน ยังไงเย่ชิงหยู่ก็เป็นประธานของบริษัทคนหนึ่ง ยังไงเธอก็ให้เขามาเสียเที่ยวไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เองเธอได้ขับรถของตัวเอง แล้วโทรหาเลขาของบริษัท
ไม่นานเย่ชิงหยู่มาถึงบริษัท เลขามาถึงบริษัทต้อนรับฉินห้าวในสายไปก่อนแล้ว
ไม่นาน เย่ชิงหยู่ก็ได้เห็นฉินห้าวที่นั่งอยู่บนโซฟา ฉินห้าวกำลังถือแก้วดื่มชาอยู่ เย่ชิงหยู่ได้ยินเสียงของฉินห้าวในสายไพเราะมาก ตอนที่เจอกับตัวจริงของฉินห้าว เย่ชิงหยู่ก็ตกใจไปสักพัก ไม่เพียงแค่เสียงเพราะ แม้แต่คนดูก็กระปรี้กระเปร่า หล่อเหลามากอีกด้วย
“คุณคือประธานเย่ใช่มั้ย?” ฉินห้าวยืนขึ้นจากโซฟา ยกมือขึ้นจับมือกับเย่ชิงหยู่อย่างยิ้มกรุ้มกริ่ม
หลังจากสัมผัสมือแล้ว ฉินห้าวกล่าวว่า “ขอโทษนะครับ ประธานเย่ ดึกดื่นขนาดนี้แล้วยังมารบกวนคุณ ถ้าไม่ใช่เพราะที่เมืองหยุนเฉิงมีเรื่องที่ต้องจัดการ ผมวางแผนว่าพรุ่งนี้ค่อยมาหาคุณคุยเรื่องร่วมมือกันทางการค้ากัน รบกวนคุณด้วยนะครับ ขอโทษจริงๆครับ”
เย่ชิงหยู่จัดผม แล้วกล่าว “ไม่เป็นไรค่ะ เชิญนั่งค่ะ ประธานฉิน”
ฉินห้าวพยักหน้าอืมออกมา จากนั้นก็นั่งลง เริ่มอธิบายแผนการร่วมมือกันของตน พวกเขาอยากให้เครื่องแต่งกายที่เย่ชิงหยู่พวกเขาผลิตไปวางขายที่เมืองหยุนเฉิง หวังว่าพวกเขาจะสามารถผลิตล็อตใหญ่ได้
เย่ชิงหยู่ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธอยู่แล้ว นี่ถือเป็นการเพิ่มบุ๊คกิ้งให้กับตัวเอง แล้วจะไม่ทำได้อย่างไรกัน ความจริงนอกจากบริษัทหงเหอ ก็ยังมีกรุ๊ปจำนวนไม่น้อยที่จองบุ๊คกิ้งกับพวกเขาเย่ชิงหยู่ แน่นอน ว่าซีหนานกรุ๊ปเป็นผู้สนับสนุนขนาดใหญ่ของเรื่องนี้ เพราะมีพวกเขาอยู่ถึงได้ดึงดูดความเชื่อมั่นของกิจการมากมายขนาดนั้นได้
ไม่นาน ธุรกิจคุยสำเร็จแล้ว จำนวนเครื่องแต่งกายที่บริษัทหงเหอต้องการนั้นล็อตใหญ่ แล้วยังไม่ต้องทดสอบ แต่เริ่มใช้เลย
หลังจากที่คุยธุรกิจเสร็จแล้ว ฉินห้าวได้ลุกขึ้นเตรียมจะจากไป ยังมีการ์ดที่สวมชุดดำสองคน เลขาสาวที่สูงยาวเข่าดีคนหนึ่งมากับฉินห้าว ฉินห้าวมาถึงประตูแล้วโทรศัพท์ พูดกับในสายว่า “ขับมาได้เลย!”
ไม่นาน เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งลงจอดที่ประตูของตงข่ายกรุ๊ป จะว่าไปเกียรติยศของฉินห้าวนี่ใหญ่โตจริงๆ เดินทางโดยไม่ใช้รถส่วนตัวแล้ว ใช้เฮลิคอปเตอร์เดินทางกันเลยทีเดียว หลังจากที่เห็นเฮลิคอปเตอร์มาแล้ว ฉินห้าวมองหน้าของเย่ชิงหยู่ หลังจากที่ครุ่นคิดสักพักก็ได้พูดกับเธอว่า “ประธานเย่ มีอยู่เรื่องหนึ่งไม่รู้ว่าผมควรจะพูดหรือไม่ควรพูด”
เย่ชิงหยู่มองฉินห้าวแล้วกล่าว “เชิญพูดค่ะ ประธานฉิน!”
ฉินห้าวจ้องแววตาของเย่ชิงหยู่แล้วกล่าว “คุณสวยมากครับ เหมือนแม่ของผมมากเลยครับ เดิมทีผมเพียงแค่อยากพูดคุย ทำความเข้าใจดู แต่ไม่รู้ทำไมเมื่อเห็นคุณแล้ว ผมก็มีความเชื่อมั่นอย่างบอกไม่ถูก