จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 483 ผมลูบหน้าคุณได้มั้ยครับ
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินห้าว เย่ชิงหยู่ส่งเสียงหาออกมา มีคนชมว่าเธอสวย และมีคนชอบว่าเธอสง่าผ่าเผย แต่ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาไม่มีใครชมว่าเธอเหมือนแม่ของคนอื่น ฉินห้าวนี้เป็นคนแรกที่พูดแบบนั้น
เมื่อเห็นเย่ชิงหยู่สีหน้าเขินอาย ฉินห้าวรีบกล่าวว่า “ประธานเย่อย่าเข้าใจผิดนะครับ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมหมายถึงคุณสวยมาก ความจริงเท่าที่ผมจำความได้แม่ของผมเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกนี้แล้วครับ ตอนเล็กๆแม่มักจะเลี้ยงดูผมอย่างมุมานะขยันหมั่นเพียร ความทรงจำของผมในวัยเด็กได้หยุดไว้ที่ท่าทางการหัวเราะของเธอ เพียงแค่เสียดาย อุบัติเหตุรถยนต์พลากชีวิตของเธอไป ชาตินี้ผมไม่มีทางได้เห็นแม่ของผมอีกแล้ว”
ตอนพูด สายตาของฉินห้าวจ้องเย่ชิงหยู่ตลอดเวลา เหมือนกับการที่ได้มองเย่ชิงหยู่ เท่ากับได้มองแม่ของตัวเอง เย่ชิงหยู่ก้มหน้าลงอย่างเขินอาย ฉินห้าวนี้กำลังพูดว่าตัวเองสวยอย่างกลายๆนี่หน่า
เมื่อเห็นเย่ชิงหยู่ที่เขินอาย ทันใดนั้นฉินห้าวก็พูดขึ้นมาว่า “ประธานเย่ ผมมีเรื่องที่อยากขอหน่อยครับ ”
เย่ชิงหยู่เงยหน้าขึ้นมามองแววตาที่เร่าร้อนคู่นั้นของฉินห้าว เขาสะอึกไป แล้วกล่าว “ผมอยากลูบหน้าคุณหน่อย ได้มั้ยครับ?ตอนผมเมา ตอนที่ผมนอนไม่หลับ ผมชอบหยิบรูปภาพของแม่ผมมาลูบ คุณเหมือนแม่ของผมขนาดนั้น ผมเพียงแค่อยาก…แน่นอน ถ้าคุณไม่ยินยอมก็ไม่เป็นไรครับ คำขอนี้ค่อนข้างไร้มารยาทจริงๆ!”
เมื่อพูดถึงประโยคสุดท้าย ใบหน้าของฉินห้าวแสดงความผิดหวังออกมาอย่างเบาๆ
เย่ชิงหยู่สะอึกไป มองหน้าของฉินห้าว คิดในใจคนนี้โอบอ้อมอารีอยู่นะ ตนอยากลูบแม่ของตัวเองมาก แต่ชาตินี้ไม่มีโอกาสแล้ว ตอนนี้ฉินห้าวก็เพียงแต่รู้สึกได้ถึงแม่บนใบหน้าของตน ความจริงเย่ชิงหยู่เข้าใจมากถึงความรู้สึกคิดถึงญาติมิตรแบบนี้ แล้วเธอไม่อยากเจอพ่อของตนได้อย่างไรกันเล่า
เธอก็รู้ ว่านี่ถือเป็นการช่วยปลอบประโลมฉินห้าวทางจิตใจ เธอก็ไม่รู้ว่าควรพูดว่าตัวเองจิตใจดี หรือควรพูดว่าตัวเองอะไรดี เดิมทีไม่ควรตอบตกลงคำขอที่ไร้มารยาทแบบนั้น แต่เธอพยักหน้าตอบรับอย่างจับผลัดจับพลูไปแล้ว
ฉินห้าวตาลุกโตแล้วถาม “พูดแบบนั้น คือคุณตกลงแล้วใช่มั้ยครับ?”
เย่ชิงหยู่ไม่พูดไม่จา ถือว่าตกลงแล้ว ฉินห้าวยกมือที่สั่นขึ้นอย่างช้าๆวางบนใบหน้าของเย่ชิงหยู่ เมื่อนิ้วของเขาเพิ่งโดนหน้าของเย่ชิงหยู่ก็สั่นเป็นพักๆอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่ปรับตัวไปสักพัก นิ้วของเขาวางใกล้หน้าของเย่ชิงหยู่อย่างช้าๆ จากนั้น ทั้งฝ่ามือของเขาก็แตะไปบนใบหน้าเล็กๆอันอบอุ่นของเย่ชิงหยู่
แต่ก็แค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น ฉินห้าวคลายมือ แล้วกล่าวด้วยสีหน้าซาบซึ้งใจว่า “ขอบคุณนะครับ ประธานเย่! ขอบคุณ”
พูดจบ ฉินห้าวโค้งคำนับเก้าสิบองศาต่อหน้าเย่ชิงหยู่ หลังจากดำเนินการเสร็จ ฉินห้าวได้ขึ้นบนเฮลิคอปเตอร์
หลังจากที่ฉินห้าวจากไปแล้ว เลขาสาวของเย่ชิงหยู่คาดไม่ถึงเป็นอย่างมาก เธอถามเบาๆว่า “ประธานเย่ ทำไมท่านถึงได้ตอบรับคำขอที่บ้าบอนั่นของเขาได้คะ?แม้เขาจะหล่อมาก แต่จะไร้มารยาทแบบนี้ไม่ได้นะคะ!”
เย่ชิงหยู่ได้สติกลับมา เธอหันไปมองเลขา ยกมือขึ้นมาลูบหน้าของตัวเอง
เลขากล่าวต่อว่า “ประธานเย่คะ ดิฉันรู้ค่ะว่าประธานฉินมีเสน่ห์ที่ท่านต้านทานไม่ได้อยู่ แต่สามีของท่านต่างหากที่เป็นคนที่รักท่านที่สุด สามารถออกโรงมาปกป้องท่าน ช่วยท่านในตอนนี้ได้ ก็มีแค่เขานะคะ!”
เย่ชิงหยู่กล่าว “เรื่องคืนนี้ห้ามบอกใครเด็ดขาด!”
เย่ชิงหยู่รู้สึกเสียใจสุดๆ เมื่อกี๊ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไป ตอบรับคำขอแบบนั้นของฉินห้าวอย่างจับผลัดจับพลูไปได้ เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่อะไรก็ได้ แล้วทำไมถึงได้ยอมให้คนอื่นลูบหน้าได้ล่ะ
ในห้องทำงานครั้งที่แล้ว เหลียงจงแตะเนื้อต้องตัวเธอ จุดจบต่อมาก็คือคุกเข่าอ้อนวอน ฟางเหยียนไม่ยอมให้ผู้ชายคนไหนไร้มารยาทกับตน ทำไมตนถึงได้ตอบรับคำขอที่ไร้มารยาทแบบนั้นของฉินห้าวอย่างหน้ามืดตามัวได้นะ
ตอนนี้ เย่ชิงหยู่โทษตัวเองจนอยากตาย!
อีกฝั่ง หนานหลิง
เขตคฤหาสน์หุบดอกพีช ในห้องโถง
ฟางเหยียนที่สวมชุดกันลมสีดำนั่งหลับตาพักสมองอยู่บนโซฟา หญิงสาวที่ออดอ้อนคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆเขามองเขาอย่างรักใคร่ หญิงสาวสวมกระโปรงสั้นสีแดง ที่สามารถเห็นขาอ่อนอันขาวนวลได้ประเภทนั้น ด้านในก็ผุดๆโผล่ๆ
ผ่านไปประมาณสองนาที ฟางเหยียน“พูว์”กระอักเลือดคั่งสีดำออกมา การต่อสู้กับสำนักไร้หน้า ไปกระตุ้นเข้าที่บาดแผลเก่าของเขาก่อนหน้านี้ ประเด็นคือกำลังภายในของผู้เฒ่าทั้งสี่คนนั้นเหนือความคาดหมายของเขา บวกกับต่อมาต่อสู้กับอู๋หมิง ก็ทำให้กำลังภายในของเขาได้รับความเสียหาย จึงทำให้อ้วกออกมาเป็นเลือดคั่ง ดีที่ไม่ได้กระทบกับกำลังภายในของตน ไม่งั้นการต่อสู้ครั้งนี้ก็ไม่คุ้มค่าแล้ว
“เทพหมอฟาง!” หลินถงเดินมาข้างหน้าสองก้าว ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ฟางเหยียนรีบยกมือขึ้นมา ห้ามไม่ให้หลินถงก้าวมาข้างหน้า เมื่อเห็นใบหน้าบูดบึ้งอย่างนั้นของฟางเหยียน หลินถงไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า เพียงแต่หยุดเดินลงที่ระยะห่างจากฟางเหยียนสองสามเมตร
หลังจากที่ฟางเหยียนหายใจแรงๆสองเฮือกใหญ่ สูดหายใจเข้าลึกๆหนึ่งฟอด จากนั้นก็หลับตาลง
เมื่อเห็นดังนี้ หลินถงอดที่จะถามไม่ได้ว่า “เทพหมอฟาง ฉันไม่รู้ว่าคุณเรียกฉันมาทำไม?คุณก็ไม่พูดอะไร แล้วก็ไม่ให้ฉันพูด ฉันมาถึงที่นี่ครึ่งชั่วโมงแล้ว ยืนจนเมื่อยขาหมดแล้ว ฉันนั่งลงได้มั้ยเนี่ย!”
ฟางเหยียนลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ตาทั้งสองมองไปที่หลินถง แล้วกล่าว “คุณคือคนที่สำนักไร้หน้าส่งมาใช่มั้ย?”
“ตึก!” นี่คือคำพูดแรกที่ฟางเหยียนพูดกับหลินถง เธอก็นึกไม่ถึงว่าเมื่อฟางเหยียนเอ่ยปากแล้วจะถามแบบนั้น นี่ทำให้หลินถงตกใจอย่างเห็นได้ชัด อารมณ์ก็เปลี่ยนไปอย่างเด่นชัด
หลังจากอารมณ์เปลี่ยนไปสักพัก หลินถงกล่าวอย่างฝืนยิ้ม “ฉันไม่รู้ว่าเทพหมอฟางหมายถึงอะไร?”
“อ๋อ?” ฟางเหยียนเอียงหัวมองหลินถง จากนั้นดูแคลนเหอะๆออกมา ยืนขึ้นจากโซฟาแล้วกล่าว “คุณไม่รู้จริงๆหรือแค่แสร้งทำเป็นไม่รู้?ผมว่าคุณแสร้งทำเป็นไม่รู้นะ!”
“เอาเป็นว่าอย่างนี้ บาดแผลนี้ของผมเกิดขึ้นเพราะกำจัดสำนักไร้หน้าของพวงคุณจึงได้บาดเจ็บ ตอนนี้สำนักไร้หน้าถูกผมล้างบางไปหมดแล้วล่ะ อู๋หมิงเจ้าสำนักของพวกคุณถูกผมฆ่าตายแล้ว จอมคาถาทั้งสี่ของสำนักไร้หน้าก็ถูกผมฆ่าแล้ว บนโลกนี้ จะไม่มีสำนักไร้หน้าองค์กรอยู่อีกต่อไป!” เมื่อฟางเหยียนพูดจบ ก็ได้เดินไปถึงที่ระเบียงแล้ว
เขาหันหลังให้หลินถง แต่เขาก็รับรู้ได้ว่าอารมณ์ของหลินถงเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
“ผมรู้ว่าความแข็งแกร่งของสำนักไร้หน้าในหัวของคุณได้ถูกฝังลึกไว้แล้ว บางทีคุณอาจจะคิดว่าพวกเขาไม่มีทางพังพินาศ เพราะยังไงก็เป็นองค์กรที่มีมากว่าพันปี แต่ เสียดายมาก พวกเขาเข้าร่วมกับทีมผิด ดังนั้นจึงต้องถูกผมกำจัด ถ้าพวกเขาเป็นองค์กรที่ตัดขาดจากโลกอย่างสุจริต ผมไม่มีทางเล่นงานพวกเขา การเข้าร่วมเพลิงเสวน สำหรับสำนักไร้หน้าแล้ว เป็นความผิดใหญ่หลวงโดยตัวของมันอยู่แล้ว!ทำผิด ก็ต้องได้รับการลงโทษที่ควรจะได้รับ”
สายตาของหลินถงเปลี่ยนเป็นเย็นชาอย่างช้าๆ จู่ๆในกระโปรงสีแดงของเธอมีกริชเคลื่อนลงมา เธอจับกริชไว้ จ้องแผ่นหลังของฟางเหยียนด้วยแววตาแดงก่ำ มือกำลังสั่น กริชก็สั่นตามเช่นกัน
ฟางเหยียนกลับพูดอย่างสบายๆว่า “อย่าดิ้นรนอย่างไม่หวาดกลัว คุณไม่ใช่คู่ต่อกรของผม!”