จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 486 แก๊งซินหง เจียวเบียว
สำนักงานใหญ่แก๊งซินหงประจำประเทศหวา
เจียวเบียวนั่งตำแหน่งที่สูงที่สุดของห้องประชุม นี่เป็นโต๊ะสี่เหลี่ยมยาวตัวหนึ่ง ดูๆแล้วพรีเมี่ยมมาก อลังการมาก แต่เจียวเบียวนั่งที่ไหน กลับดูธรรมดาไม่แปลกอะไร เขาหลับตาสนิท ในมือเคลื่อนไหววอลนัทสองลูกไปมา วันนี้เขาสวมเสื้อคอจีน ถึงแม้อายุเพียงแค่ห้าสิบปี แต่เมื่อดูแล้วกลับเหมือนผู้เฒ่าพวกนั้นที่เฉลียวฉลาดมีความสามารถ อายุเจ็ดแปดสิบปีอย่างไรอย่างนั้น คิ้วของเขากระดกขึ้น คิ้วไปทางขมับรวมเข้าด้วยกัน ดูแล้วมีความเคร่งขรึมที่มีมาแต่กำเนิด
ในห้องทำงานมีคนนั่งเต็มไปหมด เมื่อมองไป มีประมาณสามสิบกว่าคน พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นผู้บริหารของแก๊งซินหองของแต่ล่ะพื้นที่ในประเทศหวา ตำแหน่งของทุกคนค่อนข้างเรืองนาม แต่ล่ะคนก็ล้วนเป็นประเภทที่แตะต้องไม่ได้ ถึงขั้นรับรู้ได้ถึงความกระฉับกระเฉงผ่านคิ้วและหน้าผากของพวกเขา คนที่ธรรมดาพบเจอพวกเขาคนที่มีตำแหน่งตัวตนแบบนี้ ตอนพูดอาจต้องระวังแล้วระวังอีก สุขุมแล้วสุขุมอีก
แต่ แต่นาทีนี้คนพวกนี้กลับไม่กล้าพูด ทุกคนเพียงแต่มองเจียวเบียวอย่างสบตากัน รอเจียวเบียวลั่นวาจา ถ้าเจียวเบียวไม่พูดอะไร พวกเขาก็ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมาสักคน
ทุกคนนั่งมาครึ่งชั่วโมงแล้ว เจียวเบียวแข็งทื่อไม่พูดอะไรออกมา ยังคงอยู่ในท่าทีที่หลับตาพักสมองอยู่ ถ้าไม่ใช่ว่าเห็นวอลนัทในมือของเขายังเคลื่อนที่อยู่ บางทีคนหมู่มากอาจคิดว่าเขาได้หลับไปแล้ว
ทุกคนล้วนไม่ใช่คนที่นั่งนานๆได้ ทุกคนต่างมองหน้ากัน ต่างพากันพูดภาษาใบ้ ส่งสัญญาณว่าพูด แต่เมื่อสายตาจับจ้องไปที่เจียวเบียว ก็ต้องหลบสายตาไป ที่เจียวเบียวมีตำแหน่งอย่างในวันนี้ได้ ล้วนสัมพันธ์กับวงศ์ตระกูลทั้งนั้น
ปู่ของเจียวเบียวเป็นตัวตั้งตัวตีดั้งเดิมชุดแรกของแก๊งซินหง ตอนที่แก๊งซินหงเพิ่งจะก่อตั้งขึ้นมา เขาก็ได้เป็นสมาชิกคนหนึ่งของแก๊งซินหงแล้ว แรกเริ่มเพื่อสร้างแก๊งซินหง เคยทุ่มเทสุดความสามารถให้ลูกพี่มาแล้ว ต่อมาพ่อของเขา ก็ทุ่มเทชีวิตให้กับซินหงเช่นกัน ที่แก๊งซินหงองค์กรนี้เข้มแข็งเกรียงไกรมั่นคงได้ขนาดนี้ ก็เป็นเพราะความชอบธรรมของพวกเขาทั้งนั้น ถ้าไม่มีความชอบธรรม แก๊งซินหงพังพินาศไปนานแล้ว
ที่องค์กรหนึ่งอยู่ยงคงกระพันได้นั้น ต้องมีกฎแห่งการดำรงชีวิต แก๊งซินหงถือความชอบธรรม ความชอบธรรมเป็นสิ่งที่คนของแก๊งซินหงต้องยึดปฏิบัติ
หลังจากที่พ่อแม่ของเจียวเบียวจากไปแล้วนั้น แก๊งซินหงไม่มีทางทอดทิ้งแน่นอน ด้วยเหตุนี้เองจึงได้เริ่มรับช่วงต่อดูแลชีวิตในภายภาคหน้าของเจียวเบียว ตั้งแต่เล็ก เจียวเบียวเติบโตด้วยกลิ่นอายของแก๊งซินหง เขาสืบทอดจุดเด่นของแก๊งซินหง ความชอบธรรมเป็นหลัก ความชอบธรรมจะมาเป็นอันดับหนึ่งตลอดไป แต่เขาก็ได้สืบทอดจุดเด่นอีกอย่างของแก๊งซินหง โหดเหี้ยม
ทำตัวไม่โหดเหี้ยม จะไม่มีสิทธิ์พูดว่าตัวเองคือแก๊งซินหงแม้แต่นิดเดียว แรกเริ่มตอนที่เจียวเบียวทำหน้าที่เป็นเจ้าสำนักของประเทศหวา คนจำนวนไม่น้อยไม่รู้เรื่องราวของเจียวเบียว ถึงขนาดทุกคนแบนเจียวเบียว คิดว่าเขาใช้ความสัมพันธ์จึงนั่งตำแหน่งนี้ได้
ดังนั้นตอนนั้นมีหลายคนที่หาเรื่อง บอกว่าไม่พอใจกับการที่เจียวเบียวได้รับตำแหน่งเจ้าสำนัก ถ้าเจียวเบียวเป็นตำแหน่งนี้ คนแรกที่ยืนขึ้นแสดงท่าทางไม่พอใจเขา จะแบนเขาไปเรื่อยๆ ใช้กลอุบายจัดการเรื่องที่เขาดูแล ทำให้เจียวเบียวทำอะไรไม่ได้ และทำอะไรก็ไม่สำเร็จ
ต่อมาเจียวเบียวได้รับตำแหน่งแล้ว เรื่องแรกที่เขาทำเมื่อได้รับตำแหน่งคือจัดการคนพวกนั้นที่ไม่พอใจเขา เขาไม่ได้ใช้เล่ห์กลอะไร ไม่เหมือนกับเจ้าพ่อที่จัดการลับหลังแบบนั้นในทีวี เขาตรงไปตรงมา ตอนที่ประชุมได้บิดคอของคนนั้นหักด้วยน้ำมือของตัวเอง ต่อหน้าผู้บริหารทั้งหมด
ตอนบิดคอ เจียวเบียวไม่พูดไม่จา การฆ่าคนพวกนั้นตายง่ายเหมือนบี้มดตาย หลังจากนั้น ยังมีบางคนคิดว่าตัวเองอยากลองดู ด้วยเหตุนี้เองจึงได้ตายไปอีกหลายคน
เจียวเบียวไม่ชอบใช้คำพูด แต่ชอบใช้การกระทำอธิบายความหมายของตน ดังนั้นการฆ่าคนสำหรับเขาแล้วไม่ได้เป็นเรื่องแปลกใจอะไร เขาชอบความเงียบ ไม่ชอบถูกคนระแวง และไม่ชอบถูกคนสงสัย ตอนที่เขาไม่พูดอะไร ยิ่งไม่ชอบได้ยินเสียงของคน เพียงแค่มีคนฝ่าฝืนจุดนี้ ไม่ว่าคุณเคยทำอะไรให้กับแก๊งซินหง ก็ต้องตาย
เจียวเบียว ก็คือคนที่รวมจุดเด่นทั้งหมดของแก๊งซินหงไว้อย่างนี้ ถ้าไม่รู้ว่าอะไรคือแก๊งซินหง ก็สามารถทำความเข้าใจเขาได้ เพียงแค่รู้จักเจียวเบียว ก็รู้แล้วว่าอะไรคือแก๊งซินหง!
และแล้ว ห้านาทีผ่านไปอีกแล้ว มือของเจียวเบียวหยุดเคลื่อนไหววอลนัทในมือ เขาเอาวอลนัทสองลูกวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นยกมือขึ้นมากุมขมับ ต่อมาก็ลืมตาอย่างช้าๆ เป็นดวงตาที่ราวกับถูกฝุ่นปกคลุมไว้หลายปี แววตาขุ่นมัว เมื่อดูแล้วเต็มไปด้วยเลือด
เขามองคนที่ไม่พูดไม่จา คนพวกนั้นที่เดิมทีมองเขาก็ล้วนหลบสายตาของเขาไป เหมือนกับกำลังกลัว เขายกมือขึ้นมาลูบคอหอย อะแห่มสองครั้ง เคลียร์กล่องเสียง จึงได้เริ่มพูดอย่างช้าๆ “คนที่ฆ่าแก๊งซินหงมากมายของเรา เจอตัวแล้วยัง?”
คนนั้นที่นั่งใกล้กับเจียวเบียวมากที่สุดรีบยืนขึ้น แล้วกล่าว “เจอแล้วครับ เจ้าสำนัก! มันชื่อฟางเหยียน คือลูกเลี้ยงของเย่เทียนผู้นำตระกูลตระกูลใหญ่อันดับสองของเมืองจินโจวก่อนหน้านี้ มันเติบโตที่เมืองจินโจว ในปีที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลายในปีนั้น ได้แต่งงานกับลูกสาวของเย่เทียน ต่อมาเข้ากองทัพเป็นทหาร กลับมาประมาณเมื่อครึ่งปีก่อน เหตุผลที่กลับมาไม่รู้ว่าใช่ปลดประจำการจากกองทัพหรือเปล่า”
“อืม!” เจียวเบียวตอบรับ แล้วถาม “ขุนพลของแก๊งซินหงที่เมืองจินโจวของเรามันเป็นคนฆ่าคนเดียวหรือเปล่า?”
“ใช่ครับ!” ชายฉกรรจ์ลังเลสักพัก แล้วกล่าว “หนึ่งในนั้นยังรวมกู่เฟิงลูกศิษย์ของผู้อาวุโสกู่ซู๋ด้วย ถูกมันฆ่าตายทั้งหมด”
จู่ๆเจียวเบียวหรี่ตาลง เมื่อหรี่ตายิ่งทำให้เขาดูดุดันเข้าไปอีก หลังจากที่เงียบไปสักพัก เจียวเบียวถามต่อว่า “มัน แค่เติบโตมากับตระกูลเย่ มันชื่อฟางเหยียน แล้วตัวตนที่แน่ชัดของมันคืออะไร?”
“จากที่ผมสืบมาได้ มันเป็นคนของตระกูลฟางแห่งเจียงตู” คนนั้นตอบ
หลังจากฟังคำตอบนี้จบ คิ้วที่ขมวดของเจียวเบียวได้คลายออก จากนั้นพยักหน้าอย่างครุ่นคิดแล้วกล่าว “มิน่าล่ะมันถึงได้กล้าโอหังได้ขนาดนี้ ที่แท้ก็เป็นคนของตระกูลฟาง ดี ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เล่นงานตระกูลฟางทุกอย่าง รวมถึงธุรกิจของพวกมันด้วย รวมถึงความปลอดภัยของครอบครัวพวกมัน จำไว้ เพียงแค่สามารถเล่นงานได้ ก็เล่นงานให้หมด”
เมื่อได้ยินคำสั่งนี้ ชายที่รายงานสถานการณ์สีหน้าชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด
เขาพูดติดๆขัดๆ ว่า “นี่……”
สายตาของเจียวเบียวจ้องไปที่เขาอย่างรวดเร็ว แววตานี้มีแรงอาฆาตอยู่ด้วย ผู้ชายไม่กล้าตัวสั่น เพียงแต่ก้มหน้าอย่างอึดอัดไป ขณะนี้ ผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งตรงข้ามผู้ชายกล่าว “เจ้าสำนัก เบื้องหลังของตระกูลฟางมีความสัมพันธ์ที่สลับซับซ้อนมาก ถ้าพวกเราเล่นงานผลีผลาม บางทีอาจจะดึงดูดความสนใจของประเทศชาติได้ ถึงตอนนั้น อาจจะมีผลกระทบที่ไม่ดีต่อพวกเราได้นะครับ อีกอย่างก็คือ ตระกูลฟางกับพวกเรามีปะติสัมพันธ์ที่ดีมากมาโดยตลอด ถ้าเล่นงานผลีผลามแบบนี้ เกรงว่า……”
เขายังพูดไม่ทันจบ เจียวเบียวได้ยกมือขึ้นมาขัดจังหวะคำพูดของเขา!