จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 495 หวังชิงชิงที่เศร้าและหงอยเหงา
หลังจากที่กลับมายังดินแดนตะวันตกแล้ว หวังชิงชิงก็ใช้ชีวิตอย่างค่อนข้างหดหู่ เธอถูกขังไว้ในบ้านทั้งวัน เสียสิทธิ์ของความเป็นอิสระไป อยากจะออกไปข้างนอก ด้านหลังก็ต้องติดตามมาด้วยโจวเจิ้ง ไม่งั้นแม้แต่โอกาสที่จะขยับตัวก็ไม่มี
ตอนแรกหวังชิงชิงคิดว่าตัวเองจะออกไปได้ แต่ตอนนี้ เธอกลับละทิ้งความคิดที่ไม่เป็นความจริงนี้ไปแล้ว หลังจากกลับมาเดิมทีเธอคิดว่าจะพูดโน้มน้าวพ่อแม่ของตัวเองได้ กลับไม่คาดคิดว่าพวกเขาอยู่ภายใต้อาณัติของตระกูลโจวไปนานแล้ว
หวังชิงชิงเซ็งมาก ตอนนี้ความคับแค้นที่เธอต้องเผชิญก็คือแต่งงานกับโจวเจิ้ง น้องชายที่เธอไม่ชอบ
เธอในตอนนี้กำลังนั่งอยู่ที่ระเบียงในบ้าน แววตามองไปยังฉากที่จำกัดขอบเขตชั้นล่าง ภูมิประเทศของดินแดนตะวันตกค่อนข้างแบนราบ ต่อให้มีภูเขาก็เป็นภูเขาใหญ่ ดังนั้นเพียงแค่ยืนในที่สูง ก็สามารถเห็นวิวได้ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ครอบครัวกลัวว่าเธอจะคิดสั้นกระโดดตึก ดังนั้นจึงขังเธอไว้ที่ชั้นสอง ชั้นสองสามารถมองเห็นอย่างมีอาณาเขตจำกัด
ในมือของเธอถือรูปไว้ใบหนึ่ง เธอยกมือขึ้นมาดูคนที่อยู่ในรูป นั่นเป็นรูปที่ตนแอบถ่ายไว้ ดังนั้นคนที่อยู่ในรูปไม่ได้ให้ความร่วมมือในการถ่ายรูป นั่นเป็นใบหน้าที่เคร่งขรึม ดูๆแล้วบนหน้าสงบนิ่ง ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ แต่ก็เป็นใบหน้าแบบนี้แหละ กลับดึงดูดหวังชิงชิงที่ความงามร่ำลือไปทั่วเมืองได้อย่างอยู่หมัด
หลายนิ้วของเธอลูบใบหน้าที่อยู่ในรูปอย่างเบาๆ ด้วยน้ำตาที่อยู่นัยน์ตา ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณชายเป็นอย่างไรบ้างแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะนึกถึงตนบ้างมั้ย ต่อให้เพียงแค่นึกถึงให้ตนทำธุระก็ตาม ไม่รู้ว่าเขาเคยนึกถึงตัวเองบ้างมั้ย
คุณชายเป็นเพียงคนเดียวที่ครองใจหวังชิงชิงได้ ตอนเรียนหนังสือ มีคนจำนวนตามจีบเธอ แต่คนพวกนั้นไม่มีทางอยู่ในสายตาเธอได้ แต่หลังจากที่เจอกับคุณชายแล้วนั้น เธอก็เกิดความรู้สึกแปลกใหม่ขึ้นกับคุณชาย ต่อให้คุณชายจะอายุน้อยกว่าตนหลายปี แต่ก็ไม่สามารถขัดขวางการเผลอใจของเธอให้กับคุณชายได้
ความรักสิ่งนี้มันวิเศษมากจริงๆ แค่แว็บเดียว บอกว่าชอบก็ชอบขึ้นมาจริงๆ แน่นอน สิ่งที่หวังชิงชิงชอบไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทองของเค้า ถ้าเธอหลงใหลในเงินทอง คนที่ตามจีบเธอจะไม่มีคนรวยเลยเหรอได้ ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือแรกพบ วินาทีนั้นที่เธอเจอคุณชายก็ถูกลักษณะแบบนั้นในตัวของคุณชายดึงดูดเข้าให้แล้ว
ไม่สนใจสายตาคนนอก แต่งกายเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ไม่เข้ากับทุกคนอย่างเห็นได้ชัด แต่นัยน์ตามีท่าทีของความดูหมิ่นอยู่ นี่คือคุณชาย คุณชายที่ครองใจของตนไปทั้งหมด
“แกร็ก!” จู่ๆประตูถูกเปิดออก มีผู้หญิงที่ดูมีสง่าราศีคนหนึ่งเดินเข้ามา ผู้หญิงคนนี้ใส่ท่อนบนสีขาว ท่อนล่างเป็นกระโปรงยาวพริ้วไสว การเข้าชุดกันแบบนี้โดยหลักการแล้วไม่สอดคล้องกันมาก แต่เมื่อหญิงสาวสวมใส่กลับดูมีสไตล์ เธอลักษณะค่อนข้างคล้ายกับหวังชิงชิง ดูๆแล้วทั้งสองคนเหมือนพี่น้องกัน แน่ความจริงแล้วคือแม่ลูก
นี่คือแม่ของหวังชิงชิง บนใบหน้าของเธอมีความโศกเศร้าและเสียใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่กระทบกับบุคลิกของเธอแต่อย่างใด เธอถือซุปเนื้อมาด้วยในมือหนึ่งถ้วย ดูๆแล้วมาส่งอาหารให้หวังชิงชิง
“ชิงชิง!” แม่หวังเดินเข้ามา มองหวังชิงชิงด้วยสีหน้าเศร้าโศก
หวังชิงชิงเก็บรูปที่อยู่ในมือ มองแม่ของเธอด้วยสายตาเย็นชา ไม่ตอบอะไร แล้วหันไปมองที่ไกลๆ หวังชิงชิงใส่ชุดนอนสีชมพู ใบหน้าไม่ได้ผ่านการแต่งหน้าแต่อย่างใด ดูๆแล้วสีหน้าซีดขาว ปากก็ซีด ดูก็รู้ว่าช่วงนี้เธอขาดสารอาหาร
แม่หวังวางซุปเนื้อที่อยู่ในมือลง เดินไปที่หวังชิงชิง แล้วกล่าวด้วยสีหน้าทุกข์ระทมว่า “ชิงชิง ต่อให้แกจะเกลียดแม่เกลียดพ่อของแกแต่ก็ไม่จำเป็นต้องทรมานตัวเองนะ แกก็รู้ ว่าพวกเราทำอะไรไม่ได้ อำนาจของตระกูลตาของแกมากขนาดนั้น เราสู้พวกเขาไม่ไหว สู้กับพวกเขา ก็เท่ากับจะรนหาที่ตาย” ในคำพูดประโยคนี้บอกกล่าวความจนปัญญาอย่างมากออกมา เห็นได้ชัดว่าแม่หวังก็ทำอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้
นี่เป็นการบอกกล่าวความหมายของแม่หวังและพ่อหวังให้หวังชิงชิงรู้ พวกเขาพูดกรอกหูหวังชิงชิงมาโดยตลอดว่าต้องเชื่อฟังคำพูดของครอบครัวคุณตา ไม่งั้นจะยังไงๆ แล้วก็แม่ของหวังชิงชิงหัวแข็งมากมาโดยตลอด มักจะเอาพ่อของตัวเองมาบีบพ่อหวัง นี่จึงทำให้หวังชิงชิงเกิดเป็นความกลัวเกรงชนิดหนึ่งขึ้นต่อตระกูลโจว จนถึงขั้นหวาดกลัว
นี่ก็เป็นเหตุผลที่เธอกลัวตระกูลโจวมาโดยตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะการกรอกหูให้ยอมรับความคิดแบบนั้น เธอจะไม่มีทางกลัวตระกูลโจวขนาดนั้น เดิมทีก็หวาดกลัวตระกูลโจวอยู่แล้ว ต่อมาไปอยู่ในสังคม พบปะคนจำนวนมาก
เธอพบว่า คนที่กลัวตระกูลโจวที่ดินแดนตะวันตกนั้นไม่ได้มีแค่เธอเพียงคนเดียว แทบจะทุกคนของดินแดนตะวันตกล้วนกลัวคนของตระกูลโจว
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ มองแม่ของตัวเองอย่างไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ สายตาของแม่บวมแดงเล็กน้อย จนถึงขั้นมีเส้นเลือดขึ้นบ้างในตา ดูๆแล้วเหมือนพักผ่อนไม่เพียงพอ
เธอไม่ได้พูดอะไร แม่หวังยังคงยิ้มอย่างไม่เต็มใจแล้วกล่าว “แกมากินอะไรก่อน จะทรมานตัวเองอย่างนั้นไม่ได้ แกทำแบบนี้ก็มีแต่จะทำร้ายตัวเองเท่านั้น อย่าโง่อีกเลย ชิงชิง แกกลับมาแล้ว คงไม่คิดจะกลับไปอีกหรอกนะ!”
หวังชิงชิงกลืนน้ำลาย แล้วกล่าว “หนูไม่ได้คิดจะกลับไป ไม่รู้ว่าพ่อแม่คิดได้ไง รู้อยู่แก่ใจว่าโจวเจิ้งไม่ใช่คนดีอะไร แล้วยังผลักหนูลงกองไฟอีก หรือพ่อแม่คิดว่าหนูอยู่กับเขา แล้วมีความสุขเหรอ? แม่คือแม่ของหนู ทำไมแม่ถึงไม่มองในมุมมองของหนูบ้าง?”
แม่หวังชะงัก แล้วกล่าว “ชิงชิง ถ้าแม่ไม่ได้คำนึกถึงแก แกคิดว่าแกจะอยู่โลกภายนอกได้ถึงวันนี้มั้ย? แกคิดว่าแกสามารถหลบหลีกการไล่จับของตระกูลโจวได้เหรอ? ยอมรับชะตากรรมเสียเถอะ! พวกเราตั้งแต่เกิดมา มีชะตาชีวิตไม่เหมือนกับคนอื่น เพราะในร่างกายของเรามีเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลโจวอยู่”
“เสี่ยวเจิ้งเด็กคนนี้เอาแต่ใจไปบ้าง แต่สันดานไม่ได้เป็นคนเลว ถ้าแกสั่งสอนเขาดีๆสักหน่อย ฉันว่าเขาฟังแกนะ” แม่หวังอบรมหวังชิงชิงอย่างอดทน
พูดพลาง มือของแม่หวังก็วางไว้ที่แขนที่หวังชิงชิง อยากจะลากเธอ แต่ถูกหวังชิงชิงสะบัดออก พอสะบัด รูปที่หวังชิงชิงซ่อนไว้เมื่อกี๊ปักตกลงมากับพื้น
ไม่พูดไม่จา แม่หวังก้มหน้าลงไปเก็บรูปนั้นขึ้นมา เพิ่งจะเห็นคนในรูปชัดเจนก็ถูกหวังชิงชิงเอื้อมมือเข้ามาแย่งไป หวังชิงชิงเดินลงมาจากระเบียง แล้วกล่าวด้วยสีหน้าโมโห “ดูรูปของหนูทำไม?”
หญิงสาวคนไหนก็ตามที่เย็นชาต่อหน้าคนอื่นเมื่อกลับมาถึงบ้านก็จะมีด้านที่เป็นสาวน้อยอยู่ สิ่งที่หวังชิงชิงในตอนนี้แสดงออกมาก็คือด้านที่เป็นสาวน้อย ความจริงเธอเพียงแค่เย็นชา แต่คุณสมบัติพิเศษที่ผู้หญิงมีเธอก็มีเช่นกัน
สีหน้าของแม่หวังเปลี่ยนไปสักพัก ราวกับว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ผ่านไปสักพัก เธอจึงได้เอ่ยปากออกมาว่า “นี่ นี่คือคนนั้นที่น้องชายแกพูดไว้เหรอ?”
หวังชิงชิงไม่พูดไม่จา เพียงแต่เดินมาที่เก้าอี้ที่อยู่ด้านหน้าของซุปเนื้อแล้วนั่งลงมา!