จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 511 การประกาศอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อลั่นวาจาออกไป ยิ่งทำให้ฟางไห่เซิงและคนอื่นๆไม่เข้าใจสุดๆ ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสของตระกูลฟาง ทุกคนไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากมาย แม้ในใจจะมีคำพูด แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา ที่นี่ มีเพียงฟางไห่เซิงและฟางไห่ถางเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์พูดได้
ฟางไห่เซิงในฐานะที่เป็นพี่คนโต ได้กล่าวอย่างคนที่จะต้องโดนคนแรกว่า “พ่อ พ่อมีความจำเป็นอะไรต้องประกาศศึกกับแก๊งซินหงด้วยเนี่ย! พวกเราตระกูลฟางเป็นตระกูลทำการค้า กิจการที่ร่วมมือกันล้วนติดท็อปห้าสิบอันดับแรกของประเทศหวาแล้ว มีตั้งกี่กิจการที่กำลังรอให้พวกเราสนับสนุนอยู่นะ พ่อทำแบบนั้น กิจการที่ตกอยู่ในอันตรายบางรายก็ไม่ใช่ต้องล้มละลายเลยเหรอ? พวกเราพึ่งคำสรรเสริญของผลงานคู่ค้า ผมรู้ว่าเสี่ยวเหยียนสำคัญกับพ่อมาก แต่ถ้าพ่อทำแบบนั้นจริงๆ เกรงว่าถึงตอนนั้นจะทำให้เกิดปัญหาที่ใหญ่มากขึ้นมาได้นะครับ แก๊งซินหงนี้ไม่ได้กินหญ้านะครับ อำนาจของพวกเขายิ่งใหญ่ พ่อประกาศศึกกับพวกเขา บางทีพวกเขาจะใช้อุบายที่สกปรกโสโครกต่างๆนานาสุดๆมาเล่นงานพวกเรา เล่นงานคู่ค้า ผมคิดว่าพวกเราไม่จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อยกับพวกเขาเลย”
“ใช่ครับ พ่อ ผมคิดว่าพี่ใหญ่พูดถูกครับ! เดิมทีแก๊งซินหงก็แตะต้องไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นอำนาจของพวกเขาได้กระจายเต็มไปทุกหนทุกแห่งของประเทศแล้ว และยิ่งแทรกแซงเข้าไปในองค์กรใต้ดินของทุกๆที่แล้ว สุดท้าย เรื่องนี้เป็นความผิดของฟางเหยียน ยั่วโมโหใครไม่ยั่ว ดันไปยั่วอันธพาลแบบนั้นอีก” ฟางไห่ถางก็โน้มน้าวอย่างเซ็งมาก
ฟางจินหยวนมองลูกชายทั้งสองของตัวเอง เขาไม่ได้โกรธ เพียงแต่แสยะยิ้มเหอะๆออกมา ใบหน้าที่อมทุกข์ค่อยๆเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา เขามองฟางไห่เซิงแล้วถาม “ไห่เซิง แกคิดว่าที่ฉันทำแบบนั้นเพื่อช่วยเสี่ยวเหยียนเหรอ?”
ฟางไห่เซิงไม่กล้าพูดว่าใช่ และไม่กล้าพูดว่าไม่ใช่ เพียงแต่ก้มหน้าลงไป ถือว่ายอมรับแล้ว คนของตระกูลฟางรู้ว่าฟางจินหยวนอยากให้ฟางเหยียนสืบทอดตำแหน่งของผู้นำตระกูลที่สุดแล้ว เคยคุกเข่าลงเพื่อร้องขอให้เขาสืบทอด เห็นได้ชัดว่าเขาให้ความสำคัญกับฟางเหยียนมากขนาดไหน ตอนนี้ฟางเหยียนยั่วโมโหแก๊งซินหง ฟางจินหยวนไม่มีทางเฝ้าดูอย่างนิ่งดูดายแน่นอน เขาต้องออกหน้าช่วยฟางเหยียน
เมื่อเห็นท่าทียอมรับของฟางไห่เซิง ฟางจินหยวนพูดต่อว่า “เมื่อกี๊ฉันพูดแล้ว ไม่ว่าใคร อยากเข้ามาหยั่งเชิงความกล้าของตระกูลฟาง! ฉันไม่แคร์ที่จะเล่นกับมันหรอกจนสุดทางหรอกนะ ฉันจะให้มันรู้ ว่าทำไมตระกูลฟางถึงได้ยืนอยู่บนยอดของประเทศหวาได้ ทำไมถึงได้เป็นตระกูลใหญ่ที่ชื่อเสียงดังกระฉ่อนทั้งประเทศหวาได้ พวกเราไม่ได้ใช้แค่เงิน ตระกูลฟางของพวกเรายังใช้ความชำนาญของตัวเองอีกด้วย แล้วยังมีความหยิ่งในศักดิ์ศรีที่ไม่ยอมคนของพวกเรา เรื่องนี้ ถ้าพวกเราก้มหัวให้ งั้นต่อไปก็จะมีปัญหาที่มากกว่าเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย บางทีแก๊งซินหงไม่ได้ทำเพื่อให้คนอื่นพากันกรูเข้ามา แต่วิธีการของพวกมันคือการเป็นยาใจให้คนที่จ้องพร้อมตะครุบ ถ้าพวกเราขี้ขลาด คนอื่นจะมองพวกเรายังไง? พวกเขาจะคิดว่าตระกูลฟางของพวกเราไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว พวกมันสามารถฉวยโอกาสนี้เบียดตระกูลฟางออกไป หรือตระกูลฟางจะถูกคนเลวทรามต่ำช้าพวกนั้นบีบหลุดไป? เหอะๆ หลักการของตระกูลฟางคือไม่หาเรื่องใครก่อน แต่ ตระกูลฟางไม่กลัวปัญหาแน่นอน! พอดีเลย ศัตรูก็แข็งแกร่ง เพียงพอที่จะพิสูจน์ความสามารถของตระกูลฟางได้! อยากที่จะปิดล้อมคนที่ลอบสังหารตระกูลฟางเหล่านั้น ก็ต้องโจมตีแก๊งซินหงอย่างหนักหน่วง ให้คนพวกนั้นแม้แต่คิดก็ไม่กล้า”
คำพูดของฟางจินหยวนดังเข้าไปในจิตใจของทุกคน หน้าของฟางไห่เซิงยิ่งก้มลงเข้าไปอีก เขาโง่เขลา เขาไม่รู้อะไร เขาไม่รู้เลยเสียด้วยซ้ำว่าจะไปต่อกรกับคนที่มาหาเรื่องอย่างไร
ตระกูลฟาง แข็งแกร่งดั่งภูเขาไท่ซ่านในความคิดของทุกคนได้นั้นมีเหตุผล มีสาเหตุ
ถ้าเรื่องนี้ปรากฏจุดอ่อนออกมา ให้บางคนรู้ว่าตระกูลฟางกลัวปัญหา ก็จะมาหาเรื่องถึงที่ได้ ถึงตอนนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นจะจัดการยากขึ้นยากขึ้น และแต่ล่ะปัญหาจะยุ่งยากขึ้น
ต้องพูด ว่าฟางจินหยวนมองการณ์ไกลมาก ในฐานะที่เป็นผู้นำของตระกูลใหญ่คนหนึ่ง ถ้าแต่การณ์ไกลนี้ยังมองไม่ได้ ถ้าเกิดปัญหาแล้วเลือกที่จะหลบ แล้วเขายังจะเป็นผู้นำของตระกูลใหญ่นี่อีกทำไมกัน? ที่ตระกูลฟางสูงส่งได้ ก็เพราะพวกเขาไม่กลัวปัญหา เจอใครยั่วโมโห งั้นคนนี้ก็ต้องแลกกับการกระทำที่เกิดขึ้น
ตอนนี้ ฟางจินหยวนอยากบอกเรื่องหนึ่งกับทุกคน ว่าต่อให้เป็นแก๊งซินหง ก็อย่าคิดจะแตะต้องตระกูลฟาง!
นี่คือศักดิ์ศรีของตระกูลฟาง ความกล้าหาญของตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่ง!
ฟางจินหยวนมองฟางไห่เซิงที่ไม่พูดไม่จา แล้วกล่าวต่อไปว่า “นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมฉันจึงรู้สึกว่าพวกแกไม่เหมาะสมที่จะสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูล พวกแกได้ลืมไปแล้วว่าตระกูลฟางคือตระกูลกล้าได้กล้าเสีย จำไว้ ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ จะไม่มีทางก้มหัวให้กับอำนาจใด พวกมันแข็งแกร่ง พวกเราต้องแสดงออกมาให้แข็งแกร่งยิ่งกว่า! ทุกสิ่งที่คิดจะกลืนกินเรา จะถูกพวกเรากลืนกินทั้งหมด
คำพูดของฟางจินหยวนไม่เพียงพูดให้ลูกชายของเขาฟังเท่านั้น ยังปลุกเร้าใจให้ทุกคนที่อยู่ในสถานการณ์อีกด้วย ให้ทุกคนได้รู้ว่าแค่แก๊งซินหง ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลฟางสนใจได้
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ของฟางจินหยวน ทุกคนอกผายไหล่ผึ่ง และกระฉับกระเฉงขึ้นมาทันใด
คนที่อับอายคือฟางไห่เซิง สุดท้ายแล้ว เขาก็ยังไม่เหมาะที่จะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลฟางอยู่ดี นี่เป็นครั้งที่นับไม่ถ้วนแล้ว
ฟางจินหยวนยกมือขึ้นมาพูดว่า “เอาล่ะ ทุกคนกลับไปก่อนก็แล้วกัน! ควรจะทำอะไรก็ไปทำ ไม่นาน การดำเนินการทุกอย่างของบริษัทจะกลับไปเป็นปกติอีกครั้ง ทุกคนสบายใจได้ วิกฤตของตระกูลฟางยังมาไม่ถึง”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของฟางจินหยวน ทุกคนต่างยืนขึ้นจากไปอย่างคึกคัก
หลังจากที่ทุกคนเดินออกจากห้องประชุมทั้งหมดแล้ว ฟางจินหยวนถอนหายใจลึกๆ นั่งลงบนเก้าอี้อย่างยกภูเขาออกจากอก เมื่อเห็นดังนี้ ฟางไห่เซิงจึงถามว่า “พ่อครับ พ่อวางแผนจะทำยังไง? จะทำศึกกับพวกเขาจริงๆเหรอครับ?”
ฟางจินหยวนหัวเราะเหอะๆออกมา แล้วกล่าว “เมื่อกี๊ฉันก็พูดชัดเจนพอแล้วนะ พวกแกต้องจำไว้ตลอดไป! พวกเราตระกูลฟางไม่ใช่ตระกูลที่กลัวปัญหา ใครอยากหาเรื่องเรา ก็เอากับมันให้ถึงที่สุด! เทียบเงินมั้ย? ตระกูลฟางของเรามีน้อยกว่าใครกัน? เทียบอำนาจมั้ย? ตระกูลฟางของเรายิ่งมีจริงเข้าไปใหญ่ ต้องรู้ไว้นะ ตระกูลฟางของเราคือเทพเจ้าแห่งสงคราม!”
“ครับ!” ฟางไห่เซิงสีหน้าไม่สู้ดีตอบรับคำพูด
ในขณะเดียวกันนี้เอง จู่ๆนอกประตูมีเสียงผู้หญิงหวาดผวาสุดๆดังขึ้น “พ่อ! พ่อ! ไม่ได้การแล้ว ไม่ได้การแล้ว!”
เห็นฟางไห่อิงวิ่งมาจากประตูเข้ามาอย่างร้อนรน เมื่อเห็นฟางไห่อิงที่หน้าตาตื่นตกใจ ฟางจินหยวนถามอย่างสงบว่า “เกิดอะไรขึ้น? พูดช้าๆ”
ฟางไห่อิงจะมีอารมณ์พูดช้าได้ที่ไหนกัน แล้วกล่าวด้วยสีหน้ากระวนกระวายว่า “พ่อ มีคนบุกมาฆ่าถึงบ้านแล้ว มันฆ่าไปจำนวนไม่น้อยแล้ว ตอนนี้ฆ่ามาถึงประตูห้องโถงของเราแล้ว!”
“มัน มัน มัน…”
“มันอะไร?” ฟางจินหยวนขมวดคิ้วถาม
“มันบอกให้เราส่งเสี่ยวเหยียนของเราให้ ไม่งั้นมันจะล้างบางตระกูลฟางของเราทั้งหมด!” ฟางไห่อิงพูดออกมาอย่างยากเย็น เมื่อพูดจบเธอเกือบจะร้องออกมาแล้ว
“บังอาจ! ฉันล่ะอยากจะรู้ว่าใครมันมีความกล้าได้มากขนาดนั้น นึกไม่ถึงว่าจะมาหาฉันเพื่อเอาคนถึงที่!” ฟางจินหยวนตบโต๊ะ ตวาดออกมา