จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 512 ความกล้าหาญของฟางจินหยวน
จากนั้นเขายืนขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งเมื่อกี๊ แล้วกล่าว “ไป ตามฉันไปดูกัน ฉันล่ะอยากจะรู้ว่าใครมันกล้ามากขนาดนั้น นึกไม่ถึงว่าจะบุกรุกมาหาคนที่ตระกูลฟางได้!”
ไม่นาน ฟางจินหยวนพาลูกชายและหลายคนมาที่สวนของนอกห้องโถง นี่เป็นสวนที่ใหญ่กว่าสนามบาสสองสนาม สวนอยู่ที่ประตูของห้องโถง ที่ประตูห้องโถงมีสมาชิกทุกคนของตระกูลฟางยืนอยู่ มีภรรยาของฟางไห่เซิง มีภรรยาของฟางไห่ถาง แล้วยังมีลูกสาวและหลานชายและพวกหลานทั้งหลายอีกหลายคนของฟางจินหยวน ฟางฟังไม่อยู่ เธอไปเรียนแล้ว
หลังจากที่เห็นฟางจินหยวน ทักคนล้วนเดินมาที่เขา สายตาของฟางจินหยวนจ้องไปยังฉากที่อยู่ตรงหน้า ในสวนที่ใหญ่โต ล้อมไว้ด้วยชายฉกรรจ์ที่สวมชุดแดง มีประมาณหลายสิบคน ตรงกลางของพวกเขามีผู้หญิงที่ลักษณะสวย ดูๆแล้วมีเสน่ห์มาก หญิงสาวผมสั้น ผมสั้นเหมือนผู้ชาย เธอสวมชุดฮั่นฝู มือถือพัด มีลักษณะของความกล้าหาญสะท้อนออกมา ดูท่าทางแล้วมีความกล้าหาญไม่น้อยไปกว่าผู้ชายเลย
เธอยืนอยู่ตรงกลางของผู้คน ไม่ขยับ หลังจากที่เห็นฟางจินหยวนเดินเข้ามาแล้วนั้น สายตาของเธอมองไปที่ฟางจินหยวนโดยปริยาย จ้องฟางจินหยวน เธอยกมือขึ้นมากำหมัดแล้วถาม “ท่านฟาง ช่วงนี้มีความสุขดีนะ?” ที่แท้ นี่คือผู้หญิง เพราะเสียงของเธอไพเราะดี เพราะกว่าร้องเพลงเสียอีก
ฟางจินหยวนไม่รู้จักผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าว่าเป็นใคร เพียงแต่หัวเราะเหอะๆออกมา แล้วถาม “แกมาหาคนที่ตระกูลฟาง?” พูดจบสายตาของเขามองไปด้านล่างยังที่ๆคนพวกนั้นนอนกองอยู่
หญิงสาวพยักหน้า แล้วกล่าว “ฉันคือกู่ซู๋ ฉันมาเพื่อหาฟางเหยียนของพวกแก เดิมทีฉันแค่อยากมาแบบดีๆ ใครจะรู้ว่าจะเจอการขัดขวางของเจ้าที่ของพวกแก ช่วยไม่ได้นะ ฉันก็ทำได้เพียงบุกรุกเข้ามาแล้วล่ะ”
“อ๋อ? หาฟางเหยียน? แกคือแฟนสาวของเขา? หรือว่าเป็นคนที่ขอบเขา? ฉันรู้ว่าข้างนอกคนที่ชอบฟางเหยียนของเรานับไม่ถ้วน แต่คนที่มาให้เขารับผิดชอบถึงที่ไม่มีเลยนะ” ความจริงฟางจินหยวนรู้แต่ยังจะถาม เขารู้อยู่แล้วว่าผู้หญิงคนนี้คือกู่ซู๋ และเพราะแบบนี้ จึงได้ดูเหมือนว่าเขาไม่กลัวผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้แต่อย่างใด
หญิงสาวดูแคลนเหอะๆออกมาสองครั้ง แล้วกล่าวอย่างไม่อ้อมค้อมว่า “ท่านฟาง หลานชายของท่านฆ่ากู่เฟิงศิษย์ของฉัน ฉันว่าท่านน่าจะรู้นะ? ที่วันนี้ฉันมาที่นี่ ก็อยากให้ท่านส่งฟางเหยียนมา เป็นการอธิบายให้ฉัน”
ขณะนี้ ชายฉกรรจ์ที่ไม่สวมเสื้อผ้าท่อนบนยกเก้าอี้มาอยู่ด้านหลังของฟางจินหยวน เอาเก้าอี้วางไว้ด้านล่างก้นของเขา ฟางจินหยวนนั่งลงราวกับไม่ลังเล แล้วกล่าวอย่างสูงส่งว่า “แกบุกรุกเข้ามาในตระกูลฟาง ทำร้ายและฆ่าคนมากมายขนาดนั้นของตระกูลฟาง หรือแกไม่คิดที่จะอธิบายให้ตระกูลฟางฟังหน่อยเหรอ?”
ในฐานะที่เป็นตระกูลอันดับหนึ่ง ถูกคนมาท้าทายถึงที่ ก็ต้องปกป้องเกียรติยศและศักดิ์ศรีของตระกูล หลายสิบปีแล้วตระกูลฟางไม่มีใครกล้าเข้ามาท้าทายถึงที่ นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะมีคนท้าทายถึงที่ ก่อนอื่นก็เจอกับการโจมตีอย่างหนักมากทางการค้า แล้วยังถูกคนท้าทายถึงที่อีก นี่มันอยากให้ชื่อเสียงของตระกูลฟางป่นปี้เพียงชั่วข้ามคืน
ฟางจินหยวนถึงขั้นสงสัย พวกเขาทำอย่างนั้นอย่างมีเป้าหมายมีการปรึกษา เป้าหมายก็คือล้มตระกูลฟาง
กู่ซู๋ต้องฟางจินหยวนกล่าวพึมพำว่า “ถ้าพวกมันไม่ขวางฉัน ฉันก็ไม่ลงมือทำร้ายพวกมัน! ตระกูลฟางเป็นตระกูลที่มีศักดิ์ศรีขนาดไหน ถ้าไม่ใช่เพราะเกิดเหตุโดยเฉพาะ ใครจะกล้ามาหาคนถึงที่ได้กันเล่า!”
ฟางจินหยวนดูแคลนออกมา น้ำเสียงเข้มงวดขึ้น “ในเมื่อแกรู้ว่าตระกูลฟางไม่ใช่ที่ใครจะบุกรุกก็บุกรุกได้ แล้วแกยังบุกรุกเข้ามาที่ตระกูลฟางอีก! ถ้านี่ไม่ใช่กำลังท้าทายอำนาจของตระกูลฟาง แล้วมันคืออะไร?”
กู่ซู๋เงยหน้าขึ้น แล้วกล่าวอย่างช้าๆว่า “ฉันก็แค่มาหาฟางเหยียนมาขอคำอธิบาย ศิษย์ที่ฉันเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กจนโตบอกว่าตายเพราะถูกเขาฆ่า ถ้าเขาไม่ชดเชยให้ฉัน ต่อไปยังไม่รู้เลยว่าคนในยุทธภพจะพูดถึงฉันว่าไงบ้าง อีกอย่าง คนมีจิตใจ ต่อให้เลี้ยงหมา ก็เลี้ยงมาสิบกว่าปี ยิ่งไปกว่านั้นฉันเลี้ยงคนนะ”
ฟางจินหยวนพยักหน้าอย่างครุ่นคิด แล้วถาม “แกจะให้เขาชดเชยให้แกยังไง?”
“ง่ายมาก ให้เขาทำเรื่องที่ศิษย์ของฉันทำ ให้เขาเป็นศิษย์ของฉัน! ฉันอายุปูนนี้แล้ว จะไม่ให้มีคนอยู่ข้างกายก็ไม่ได้ป่ะ! ฉันไม่ได้เหมือนคุณลูกหลานเต็มบ้าน” กู่ซู๋กล่าวอย่างช้าๆ
จู่ๆฟางจินหยวนหัวเราะเสียงดังออกมา เงยหน้าหัวเราะ ใครจะไปรู้ว่าเมื่อหัวเราะจะเจ็บหน้าอกขึ้นมา รีบไอ้หลายครั้งทันที
หลังจากไอแล้ว ใบหน้าของฟางจินหยวนเริ่มเปลี่ยนเป็นจริงใจแล้วถาม “แกมีสิทธิ์อะไรที่คิดว่าตัวเองมีสิทธิ์เป็นอาจารย์ของเสี่ยวเหยียนได้?”
กู่ซู๋มองไปรอบๆ กล่าวอย่างไม่เห็นด้วยว่า “สิทธิ์ที่ฉันได้มาฆ่าถึงตระกูลฟางแล้วยังไงล่ะ! ถ้าเขาไม่ทำ ฉันจะสังหารคนของตระกูลฟางทั้งหมด ดังนั้น ฉันว่าท่านฟางส่งฟางเหยียนมาแต่โดยดีจะดีกว่านะ ตระกูลฟางจะได้ไม่ถูกสังหาร!”
“แกกล้ามากนะ!” ไม่รอให้ฟางจินหยวนพูด ฟางไห่เซิงอดไม่ได้ที่จะก้าวมาข้างหน้าแล้วพูดเอง
ฟางจินหยวนโบกมือส่งสัญญาณให้ฟางไห่เซิงหุบปาก จากนั้นมองไปที่กู่ซู๋พยักหน้าเบาๆแล้วกล่าว “ที่แท้ก็มีความกล้า นานเท่าไหร่แล้วที่ฉันไม่ได้ยินคนพูดแบบนี้กับฉัน”
“เหรอ?งั้นฉันก็จะให้ท่านเห็นพลังของคำพูดคำนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เธออ้าแขนสองข้างออก ฝ่ามือทั้งสองแบบขึ้นฟ้า เดิมทีไม่มีลม จู่ๆ ลมเย็นที่แปลกประหลาดก็พัดเอื่อยๆมา พัดมาที่สวนของตระกูลฟางพอดี ต้นไม้สองต้นในสวนของตระกูลฟางเริ่มไหวขึ้นมา ใบไม้ที่เหี่ยวเฉาหลายใบร่วงลงกับพื้น
จู่ๆใบไม้ที่ร่วงลงกับพื้นถูกลมพัดม้วนขึ้นบนฟ้า ท้องฟ้าในขณะนี้ให้ความรู้สึกของวันสิ้นโลก แน่นอน ฟางจินหยวนและทุกคนของตระกูลฟางล้วนรู้กันว่านี่คือที่เกมที่กู่ซู๋คิดว่าตัวเองเก่งชำนาญ
สีหน้าของกู่ซู๋ยิ่งบูดบึ้งมากขึ้น จู่ๆฝ่ามือของเธอก็หันไปทางชายฉกรรจ์ที่สวมชุดแดง ร่างกายของชายฉกรรจ์ทั้งสองนั้นเหมือนกับถูกที่ดูดแม่เหล็กดูดเข้าไปโดยไม่ทันตั้งตัว คอของพวกเขาถูกฝ่ามือของกู่ซู๋จับไว้พอดีอย่างตรงเป๊ะ มือของกู่ซู๋จับคอของผู้ชายสองคนไว้ จ้องฟางจินหยวนอย่างเยือกเย็นแล้วกล่าวว่า “ท่านฟาง ขอโทษนะคะ!”
เพิ่งพูดจบ ก็ได้ยินเพียงเสียงแกร็กดังขึ้น คอหอยของชายชุดแดงทั้งสองถูกบิดหักแล้ว เลือดไหลออกมาจากในปากของเขา กู่ซู๋คลายมือออก ผู้ชายชุดแดงทั้งสองร่วงลงกับพื้นอย่างตัวอ่อน
การ์ดที่สวมชุดแดงเหล่านั้นเตรียมชาร์ตเข้าไปพร้อมกัน แต่ทันใดนั้นฟางจินหยวนตะคอกออกมาในช่วงวิกฤตว่า “หยุดนะ!” สองคำ ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกล้าหาญ ราวกับกระสุนปืนใหญ่ ทำให้สายตาของทุกคนมองไปที่เขาทั้งหมด
ในขณะเดียกวันนี้ ฟางจินหยวนลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าวอย่างสั่นๆ แล้วกล่าว “อย่ามาก่อนเรื่องร้ายแรงที่ตระกูลฟางของฉัน ให้ฉันต่อสู้กับแกละกัน!รีบต่อสู้รีบจบ”