จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 515 น้องชายของผมแข็งแกร่งกว่านี้อีก
เมื่อกู่ซู๋มองพลังที่จู่โจมนั้น ก็ไม่ทันได้ขวางไว้แต่อย่างใด เธอตกใจกับการออกตัวของขวังซือเมื่อกี้นี้แล้ว เธอรวบรวมชี่ทั้งหมดที่มี อยากจะรวมชี่แล้วฆ่าฟางจินหยวนให้ตาย ใครจะรู้ว่าเสียงคำรามของขวังซือจะทำให้ชี่ของเธอแตกซ่าน
และเป็นเพราะมีจิตใจที่สิ้นหวังแบบนี้ จึงได้ทำให้ตอนที่เธอเผชิญหน้ากับขวังซือ ไม่ทันได้เตรียมตัวใดๆ พูดว่าไม่ได้เตรียมตัว สู้พูดว่าตอนที่เธอเจอขวังซือตกใจจนกลัวจะดีกว่า
ฝ่ามือของขวังซือปัดไปตำแหน่งที่กู่ซู๋ยืนอยู่อย่างแรง กู่ซู๋ไม่หลบ เพียงแต่ยกมือขึ้นขวางไว้ด้วยปฏิกิริยาโต้ตอบ แต่ก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ ก็เพราะเธอขวางไว้แบบนั้น ร่างกายจึงได้ลอยไปอย่างแรง พลังของขวังซือเยอะมาก เขาไม่ใช่คน แต่เป็นสัตว์ในตำนาน
ตอนที่กู่ซู๋อยู่ในโรงพักนรกไม่เคยเห็นคนที่บ้าคลั่งได้ขนาดนี้มาก่อน เธอเคยเห็นที่โหดเหี้ยมที่สุดก็แค่คนที่กินคนเท่านั้น คนที่อยู่ตรงหน้าได้เกินกว่าที่เธอจินตนาการไว้แล้ว เขาไม่เพียงรูปร่างใหญ่แข็งแรงเท่านั้น พลังยังเพียงพออย่างมากอีกด้วย
ฉาดนี้ ทำเอากู่ซู๋ล้มลงกับพื้นอย่างแรงโดยตรง แล้วยังลอยไปไกลกว่าสิบเมตร หลังจากที่กู่ซู๋ล้มลงกับพื้นแล้ว ก็กระอักเลือดออกมา เผชิญหน้ากับสิ่งที่ใหญ่มหึมานั้น นึกไม่ถึงว่าเธอจะรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อยแล้ว
ชาตินี้เธอยังไม่เคยเจอศัตรูที่สูสีกัน ถึงแม้เธอจะรู้ว่าตนไม่ใช่คนที่แกร่งที่สุดในโลกใบนี้ แต่ถ้าอยากจะชนะเธอ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องมีฝีมือมากกว่าระดับต้าชี่ แต่สัตว์ที่อยู่ตรงหน้านี้ ต้องเป็นระดับต้าชี่แน่นอน แล้วยังเป็นระดับต้าชี่ที่สุดยอดอีกด้วย ด้วยการรวมตัวกันสมบูรณ์แบบของพลังและชี่ บวกกับกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว ได้ปล่อยความรุนแรงที่หยาบคายกระจายออกมาทั่วทุกหนแห่ง
เมื่อเห็นกู่ซู๋ที่ล้มลงกับพื้น เขากำหมัดแน่น ทุบไปที่หน้าอกของตัวเองอย่างแรง จากนั้นคำรามใส่กู่ซู๋อีกครั้ง ราวกับกำลังตะโกนอย่างมีความสุข ชนะแล้ว หรือไม่ควรจะโกนเหรอ?
จากนั้น เขาเดินไปที่กู่ซู๋ เขาเดินไปแบบนี้ ทุกๆย่างก้าว พื้นดินจะเกิดเสียงดังปังๆๆ เมื่อเห็นขวังซือที่เดินมาทางตน กู่ซู๋ใช้มือค้ำพื้นไว้แล้วถอยหลังไปรัวๆหลายก้าว จากนั้นส่ายหน้าให้ขวังสือ แล้วถามอย่างจนปัญญาว่า “แกจะทำอะไร?”
เพิ่งพูดจบ ขวังซือเดินมาถึงตรงหน้าของเธอแล้ว ขวังซือไม่มีทางพูดดีๆกับเธอ เขาโน้มตัวลงไปจับคอหอยของกู่ซู๋ กู่ซู๋อยากยกมือขึ้นมาขวาง แต่ขวางการโจมตีของเขาไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
มือยักษ์ที่มีพลังมือหนึ่งจับคอหอยของเธอไว้ ก็เหมือนกับเคียวของเทพเจ้าแห่งความตายที่อยากจะฟันเธอ ครั้งแรกที่กู่ซู๋รับรู้ได้ถึงการคุกคามของความตาย เธอเผชิญหน้ากับความตายมาไม่ถ้วน ครั้งนี้ราวกับว่าใกล้กับมันมากที่สุด
ในโรงพักนรกเธอเคยเผชิญกับศัตรูนักโทษที่โหดเหี้ยม คนพวกนั้นต้องการชีวิตเธออย่างไม่ต่างกันสักคน แต่เธอก็ผ่านมาได้แล้ว ออกมาจากโรงพักนรกได้สำเร็จ กลายเป็นนักโทษเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตรอดในรอบนั้น ต่อจากนั้นเธอไปที่สนามรบ คนพวกนั้นที่อยู่ในสนามรบก็ล้วนอยากเอาชีวิตเธอ เธอก็ยังคงผ่านสงครามอันรุนแรงมาได้ แล้วยังทำประโยชน์ในตอนที่เป็นนักโทษ ผันตัวจากคนชั้นต่ำมาเป็นยอดฝีมือได้สำเร็จ ชีวิตของเธอค่อนข้างมีสีสันของละคร เมื่อได้ยินทำให้คนรู้สึกคาดไม่ถึงอย่างที่สุด แต่นั่นเกิดขึ้นกับเธอ
เธอคิดว่าตัวเองผ่านเรื่องร้ายๆมาแล้วจะมีความสุข แต่ใครจะรู้ว่าวันนี้เธอจะเจอกับขวังซือ แข็งแกร่งจนใช้เพียงการกระทำเดียวก็สามารถทำให้คนขาดอากาศหายใจได้ เธอหวาดกลัวแล้วจริงๆ ครั้งนี้เป็นความกลัวที่ออกมาจากในจิตใจ
เมื่อเห็นใบหน้าสิ้นหวังปรากฏออกมา กู่ซู๋ที่อยู่ต่อหน้าขวังซือแม้แต่ไม่มีพลังที่จะขยับยังไม่มี ทุกคนของตระกูลฟางล้วนโล่งอก แต่ในตอนที่โล่งอกอยู่นั้น ในใจของพวกเขาได้เริ่มลังเลขึ้น
เมื่อกี๊ตอนที่กู่ซู๋ออกโรง บ้าคลั่งมาก ทำร้ายคนของตระกูลฟางไปไม่น้อย เดิมคิดว่าเธอกับขวังซือจัต้องทำสงครามกัน ใครจะรู้ว่าพอต่อสู้ นึกไม่ถึงว่าเธอจะอ่อนแอแบบนี้เมื่อเทียบกันแล้ว ฟางเหยียนแข็งแกร่งขนาดไหนถึงสามารถโจมตีขวังซือครั้งเดียวจอดได้กันนะ?
เมื่อมีการคาดเดานี้ออกมาทำให้ผู้คนหวาดกลัวเมื่อได้รับรู้ เหงื่อได้ไหลลงมาที่คอ
ตงฟางหยุนเอ๋อร์ยืนอยู่ในที่ที่ห่างจากฟางเหมี่ยวนิดเดียว มือของเธอจับฟางเหมี่ยวไว้อย่างแน่นตลอดเวลา สายตาทั้งสองจ้องไปที่ขวังซืออย่างหวาดกลัว
ด้วยเหตุนี้เองเธอลังเลไปสักพัก เงยหน้ามองฟางเหมี่ยวที่เต็มไปด้วยสีหน้าประหลาดใจแล้วถาม “คุณเป็นอะไรไป?”
ฟางเหมี่ยวส่งเสียงหาออกมา ได้สติกลับมาแล้วกล่าว “ผม ผมไม่เป็นไรนี่!”
“คุณกำลังเครียดกับอะไรอยู่? ฝ่ามือเหงื่อไหลออกมาแล้ว! หรือคุณก็กลัวสัตว์เดรัจฉานนี้ของครอบครัวคุณมากเหมือนกันงั้นเหรอ?” ตงฟางหยุนเอ๋อร์มองฟางเหมี่ยวแล้วถาม
เมื่อฟางเหมี่ยวได้ยินคำพูดนี้ เดิมทีหน้าตาที่หวาดกลัวก็เปลี่ยนไปทันใด เปลี่ยนไปเป็นบูดบึ้งขึ้นมา เขาพูดกับตงฟางหยุนเอ๋อร์ว่า “สัตว์เดรัจฉานอะไร? นี่คือขวังซือสัตว์เจ้าที่ในตำนานของตระกูลเรา! คนนอกเรียกเขาว่าสัตว์เดรัจฉานก็ช่าง เขาเป็นโชคลาภของครอบครัวเรานะ ไม่เข้าใจก็อย่าพูดมั่ว ถ้าคุณปู่ได้ยินเข้า คุณจะซวยได้นะ”
สีหน้าของตงฟางหยุนเอ๋อร์ไม่พอใจ เธอส่งเสียงเหอะออกมาแล้วกล่าว “เออๆๆๆ เขาไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน เขาคือสัตว์ในตำนาน”
พูดจบ เธอได้มองกู่ซู๋อีกครั้ง กุมมือแล้วกล่าว “เหอะ ไอ้สวะ ไม่ใช่ว่าไม่กล้าเผชิญหน้ากับคนนี้หรอกเหรอ เป็นภัยที่น้องชายคุณสร้างขึ้นมาทั้งนั้น แล้วคุณยังพูดว่าเขาชอบธรรมยังไงๆ ทั้งบ้านเชื่อเขาหมด ถึงสุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ใช่ว่าเป็นไอ้ขี้ขลาดคนหนึ่งเหรอ เจอปัญหาก็รีบหนี ตอนนี้เค้ามาหาถึงที่แล้ว ถ้าเขามีปัญญาจริง ก็ไม่มีทางให้เค้ามาหาถึงที่ได้หรอก”
ฟางเหมี่ยวมองตงฟางหยุนเอ๋อร์อีกครั้ง ขมวดคิ้วแล้วกล่าว “คุณรู้อะไร? น้องเหยียนจะกลัวคนนี้ได้อย่างไรกัน”
“ไม่กลัว? ไม่กลัวแล้วเขาจะหลบ ให้เขามาหาถึงที่ทำไม?” ตงฟางหยุนเอ๋อร์ย้อนถามอย่างมั่นใจ
ฟางเหมี่ยวเหอะออกมา แล้วกล่าว “คุณไม่เข้าใจ! ยังไงน้องเหยียนก็ไม่มีทางกลัว”
ตงฟางหยุนเอ๋อร์เหอะออกมา บึนปาก จากนั้นเหมือนเธอจะนึกอะไรออก แล้วกล่าว “อ้อ คุณควบคุมสัตว์ในตำนานของครอบครัวคุณได้มั้ย? ถ้าสามารถควบคุมได้ งั้นคุณก็คือผู้นำตระกูลของตระกูลฟางนะ! มีการ์ดติดตัวแบบนี้ ไม่มีใครกล้ายั่วคุณแน่ ถึงตอนนั้นน้องเหยียนอะไรของคุณนั่น ก็จบเห่”
ฟางเหมี่ยวมองตงฟางหยุนเอ๋อร์อีกครั้ง ดูแคลนออกมา จากนั้นส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่ายแล้วกล่าว “ขวังซือไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางเหยียน”
ขวังซือไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางเหยียน ประโยคนี้ดังทะลุเข้าไปในหูของตงฟางหยุนเอ๋อร์อย่างดังสนั่น แล้วยังออกมาจากปากของฟางเหมี่ยวอีกด้วย โดยส่วนตัวของฟางเหมี่ยวเอง เขาไม่ชอบฟางเหยียนเอามากๆ เพราะเขายอดเยี่ยมเกินไป ดังนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าตงฟางหยุนเอ๋อร์ เขาไม่เคยพูดดีเกี่ยวกับฟางเหยียนเลย เพียงแต่ริษยาเขาที่จะเอาตำแหน่งของผู้นำตระกูลตัวเองไป
“คุณพูดว่าอะไรนะ?” ตงฟางหยุนเอ๋อร์คิดว่าตัวเองฟังผิด จึงได้ถามด้วยสีหน้าตกใจอีกครั้ง