จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 519 พวกคุณรู้จักเสี่ยวหงมั้ย
“ไม่ๆๆ!” หลังจากที่หยางซงพูดจบ ตระหนักได้ว่าตัวเองพูดผิดไปแล้ว เขารีบแก้ไขให้ถูกต้องว่า “ไม่ใช่สิ น่าจะพูดว่าเขามายุ่งกับแก! บอกพี่มา คนนั้นมันหาเรื่องแกใช่มั้ย?”
ฉินเข่อก้มหน้า ไม่กล้าสบตาโดยตรงกับหยางซง เธอกล่าวอย่างตอบรับ “ไม่ใช่นะ ฉันยินยอมเอง”
“ยินยอม?” หยางซงถอนหายใจเห้อออกมา ยกมือลูบท้ายทอยแล้วกล่าว “พี่ไม่รู้จริงๆว่าควรจะว่าแกยังไงดีล่ะ คนนี้มันรับมือยากจริงๆ แกไม่เห็นการสนทนาของเขากับโจวเจิ้ง”
ฉินเข่อจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าฟางเหยียนเป็นคนยังไง ตอนที่เธอเห็นฟางเหยียน เขากำลังฆ่าคนนะ ไม่ได้ฆ่าแค่คนสองคน แต่หลายพันคน แต่ฉินเข่อกลับเชื่อว่าเขาคือคนดี เพราะเขาช่วยตนไว้สองครั้ง
ถึงแม้การที่พาคนที่ฆ่าคนเป็นนิจกลับมาบ้านมันน่ากลัว แต่เธอกลับเชื่อฟางเหยียน
ฉินเข่อไอ้หยาออกมา แล้วกล่าว “พี่ชาย ครั้งนี้พี่เชื่อฉันนะ ไม่ง่ายเลยกว่าฉันจะพาคนมา อีกอย่าง พี่ดูสิ เขากับลุงใหญ่ไม่ใช่ว่าคุยกันถูกคออยู่เหรอ มีคุยมีหัวเราะ”
หยางซงกล่าวด้วยสีหน้าไม่มีความสุขว่า “พี่ไม่ได้ว่าแกที่พาคนกลับมา เพียงแต่คนนี้มันมีปัญหา! เรื่องเมื่อวานแกไม่เห็น ถ้าแกเห็นก็ต้องรู้สึกว่าคนนี้มีปัญหาแน่นอน”
ฉินเข่อส่งเสียงเหอะออกมา แล้วกล่าว “สรุปฉันไม่สน ฉันพาเค้ามาแล้ว ไม่สามารถไล่เค้าไปได้”
“วันนี้พี่ไม่มีทางไล่เขาไป แต่ผ่านวันนี้ไปพวกแกต้องเลิกกัน!”
คิ้วของฉินเข่อขมวดขึ้น จ้องหยางซงแล้วกล่าว “มีพี่ชายแบบพี่ที่ไหนกัน ที่โน้มน้าวให้คนเลิกกัน”
“ไม่ใช่…” หยางซงอยากอธิบาย แต่ฉินเข่อเดินไปด้วยสีหน้าไม่มีความสุขแล้ว
อีกด้าน มีเพียงฟางเหยียนและหยางจิ่งเซียนยืนเผชิญตรงข้ามกัน ฟางเหยียนยื่นมือไปแล้วกล่าว “หยางกงสวัสดีครับ ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามหยางกงมานาน วันนี้ได้เห็นที่แท้ก็โดดเด่นไม่เหมือนใคร! ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานวันเกิดของหยางกง เป็นเกียรติของผมมากครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดที่สุภาพของฟางเหยียน หยางจิ่งเซียนที่เดิมที่ไม่มีความสุขหัวเราะเหอะๆออกมา แล้วกล่าว “ฉันดูแกเด็กคนนี้ก็โดดเด่นไม่เหมือนใคร ต้องไม่ใช่คนธรรมดาอะไรแน่นอน! ครอบครัวของแกอยู่ที่ไหนเหรอ?”
ฟางเหยียนตอบ “เขตซีหนาน เมืองจินโจวครับ!”
ฟางเหยียนไม่มีทางบอกว่าตนคือคนของตระกูลฟางแห่งเจียงตู เพราะในกระดูกของเขาคิดว่าตนไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลฟาง ตั้งแต่หลังจากที่ฟางจินหยวนบีบพ่อของเขาตาย เขาก็เริ่มเกลียดแค้นทุกคนของตระกูลฟาง และเขายิ่งจะไม่บอกภายนอกเลยว่าเขาคือคนของตระกูลฟาง
หยางจิ่งเซียนส่งเสียงอ๋อออกมา จากนั้นถามอีกว่า “งั้น แกเรียนที่ดินแดนตะวันตกนี้เหรอ?”
ฟางเหยียนส่ายหน้าแล้วกล่าว “ไม่ครับ!”
อายุของฟางเหยียนไม่มากจริงๆ ฉินเข่ออายุประมาณยี่สิบสองปี ฟางเหยียนก็เพิ่งจะยี่สิบห้าปี ดังนั้นอายุของทั้งสองคนใกล้เคียงกันมาก บวกกับรูปลักษณ์ของฟางเหยียนเมื่อไม่อยู่ในสถานการณ์ที่มีแรงอาฆาตจะดูอ่อนเยาว์มาก
หยางจิ่งเซียนถามอีกว่า “งั้นแกรู้จักกับเข่อเข่อของเราได้อย่างไรกัน?”
“ผม…” ฟางเหยียนลังเลไปสักพัก แล้วกล่าว “ผมคือศาสตราจารย์ในมหาลัยของพวกเขา!”
หยางจิ่งเซียนมองฟางเหยียนตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างตกใจ แล้วกล่าว “มหาวิทยาลัยซีหนานของเรายังมีศาสตราจารย์ที่วัยรุ่นแบบนี้ด้วยเหรอ? ทำไมฉันไม่รู้เลยนะ”
ฟางเหยียนหัวเราะเหอะๆ แล้วกล่าว “สอนแค่สองคลาสเท่านั้นแหละครับ ความจริงก็ไม่ถือว่าเป็นศาสตราจารย์หรอกครับ”
หยางจิ่งเซียนเหมือนรู้ได้ทันใดแล้วกล่าว “ฉันว่าแล้ว ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยซีหนานฉันจะไม่รู้จักได้อย่างไรกัน ฉันคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมอีกทั้งอาจารย์ของมหาวิทยาลัยซีหนานเป็นพิเศษ แต่อายุอย่างแกได้สอนหนังสือในมหาลัยก็ถือว่าเจ๋งแล้ว หนุ่มสาวที่เก่งนำหน้าคนสมัยก่อนนะ อ้อ แกให้เข่อเข่อพาแกเดินเล่นรอบๆนะ” พูดพลาง หยางจิ่งเซียนจะไป ฟางเหยียนรีบกล่าวว่า “อ้อ ท่านหยาง มีเรื่องที่ผมอยากถามหน่อยครับ!”
หยางจิ่งเซียนชะงักไป มองฟางเหยียนอย่างสุขุม แล้วถาม “เรื่องอะไรเหรอ?”
เขาไม่รู้จักฟางเหยียน ไม่มีคำถามอะไรต้องถามกัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองยังไม่ถึงขั้นที่จะถามคำถามอีกฝ่ายได้ อีกอย่าง วันนี้เป็นวันเกิดของตัวเอง หรือเขามีความคิดอะไรถึงได้มางั้นเหรอ?
ฟางเหยียนไม่สนใจว่าเขาจะคิดยังไง จึงได้ถามอย่างไม่อ้อมค้อมว่า “คุณรู้จักคนหนึ่งที่ชื่อเสี่ยวหงมั้ย?”
ตอนถาม สายตาทั้งสองของฟางเหยียนจ้องไปที่แววตาของหยางจิ่งเซียนโดยตรง ต่อให้เขาเพียงแค่พูดประโยคเดียว ก็จะถูกแววตาของฟางเหยียนมองทะลุปรุโปร่งได้ หยางจิ่งเซียนทิ้งภาพลักษณ์ของตัวเองในแว็บแรกให้ฟางเหยียนได้ไม่เลว อย่างน้อยก็แน่ใจได้ว่าเขาไม่ใช่คนเลว
ถามตอนนี่ สิ่งที่ต้องดูก็คือการเสแสร้งของเขาเป็นอย่างไร หลังจากที่ได้ยินชื่อนี้แล้ว สีหน้าของหยางจิ่งเซียนชะงักไป จากนั้นส่ายหน้าอย่างไม่มั่นใจแล้วกล่าว “ไม่รู้จัก ทำไมแกถามแบบนั้นล่ะ?”
“อ๋อ!” ฟางเหยียนกล่าว “ไม่มีอะไรครับ ก็แค่รู้สึกว่าหยางกงคุณมีประสบการณ์มาเยอะ รู้จักเพื่อนก็มาก ดังนั้นจึงได้ถามครับ”
หยางจิ่งเซียนหัวเราะเหอะๆออกมา แล้วกล่าว “แกเดินเล่นรอบๆนะ ฉันต้องไปทักทายแขกคนอื่นก่อน”
พูดจบหยางจิ่งเซียนก็เดินไปทักทายผู้เฒ่าที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันอีกฝั่ง แต่ฟางเหยียนเห็นอะไรบางอย่างจากแววตาของหยางจิ่งเซียนเมื่อกี๊ ราวกับเขาปิดบังอะไรอยู่ หรือสองคนนี้ถูกเขาจับตัวไปแล้วกันนะ?
“ฟางเหยียน!” ขณะนี้ ฉินเข่อเดินมาที่เขา
ฟางเหยียนตอบรับอืม เพิ่งจะหันหน้าไป หยางซงได้ปรากฏตัวต่อหน้าของฉินเข่ออย่างเร็ว เขายกมือขึ้นมาจับแขนของฟางเหยียนไว้ แล้วกล่าว “เพื่อน มาคุยกันหน่อยสิ?”
น้ำเสียงของหยางซงไม่สบายใจมาก และสีหน้าของเขาดูๆแล้วกดดันมาก ไม่เหมือนกับเมื่อวานโดยสิ้นเชิง
ฟางเหยียนชะงักไป ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย ฉินเข่อก็รีบกล่าว “พี่ชาย พี่กำลังจะทำอะไร!”
พูดพลาง ฉินเข่อก็ลากแขนของหยางซงไว้ แล้วกล่าวกับฟางเหยียนด้วยสีหน้ารู้สึกผิดว่า “ขอโทษนะ พี่ชายของฉันเขา…”
ฟางเหยียนยกมือขึ้นมาขัดจังหวะคำพูดของฉินเข่อ แล้วกล่าว “ไม่เป็นไรครับ พูดคุยกับพี่ชายของคุณก็ได้!”
หยางซงยกมือขึ้นชี้ไปที่มุมหนึ่งของสวน แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แย่ “เชิญ!”
ฟางเหยียนเดินไปอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย เพิ่งเดินไปได้สองก้าวฉินเข่อรีบเรียกว่า “ฟางเหยียน!”
ฟางเหยียนมองฉินเข่อที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล เขายิ้มอย่างชิลล์ๆ ส่งรอยยิ้มของความประทับใจมากให้เธอ แว็บนั้นที่เห็นรอยยิ้มนี้ ฉินเข่อรู้สึกว่าตัวเองปล่อยวางแล้ว นี่เป็นเหตุผลที่เธอเชื่อผู้ชายคนนี้อย่างไม่มีเงื่อนไข ต่อให้จะเป็นแค่แววตา ล้วนทำให้คนรู้สึกสบาย ทำให้คนรู้สึกไว้ใจได้
นี่เป็นความรู้สึกที่แปลกๆ เมื่อก่อนฉินเข่อจะไม่เชื่อผู้ชายคนหนึ่งได้ง่ายๆแบบนี้
ฟางเหยียนกับหยางซงมาถึงที่มุมหนึ่งในสวน ที่นี่รอบๆไร้ผู้คน จะมีก็แค่ดอกไม้ต้นหญ้า เมื่อฟางเหยียนเดินมาถึงที่นี่ ก็รู้ว่ามาถึงที่แล้ว เพราะตรงหน้าไม่มีทางเดินแล้ว มีเพียงกำแพง เขาตั้งหลัก เพิ่งจะตั้งหลักได้ จู่ๆหยางซงก็พุ่งเข้ามา เขายกมือขึ้นมาจับคอเสื้อของฟางเหยียนไว้ ผลักร่างกายของเขาไปที่กำแพง