จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 545 ยมราชโทรมา
“เหอะๆ” ฟางเหยียนส่ายหน้าอย่างกลัดกลุ้มพลางพูดว่า “ช่างเถอะ! เธอไม่เหมาะ!”
“ไม่ๆๆ ฉันรู้สึกว่าตัวเองเหมาะมาก ถ้าอย่างนั้นให้ฉันเรียนจากคุณเถอะ สามปีห้าปี คุณกำหนดเวลามา ฉันยอมเป็นเด็กฝึกหัดอยู่ข้างกายคุณ ติดตามคุณไปทั่วสารทิศ ขอเพียงคุณสอนทักษะฉันบ้างก็พอ ฉันชอบวิชาแพทย์แผนจีนของประเทศหวาเรามากจริงๆ นะ ขอร้องคุณล่ะ หรือคุณไม่อยากให้วิชาแพทย์แผนจีนได้รับการสืบทอดงั้นเหรอ?”
“ไม่ได้!” ฟางเหยียนตอบเสียงเฉียบขาดคำหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ฉันไม่ชอบเด็กฝึกหัด!”
หลินอีอีส่งเสียงหาออกมา พูดอย่างเต็มไปด้วยความผิดหวัง “ฉันอะไรก็ทำได้หมด ทำกับข้าวให้คุณก็ได้ ล้างเท้าให้คุณก็ได้ บีบนวดให้คุณก็ยังได้ ยังสามารถพูดคุยเป็นเพื่อนคุณแก้เบื่อได้ด้วย ฉันร้องเพลงเป็น แถมยังมีความสามารถอีกมากมายก่ายกอง ขอเพียงคุณต้องการฉันทำได้ทั้งนั้น คุณพาฉันไปด้วยเถอะ!”
ฟางเหยียนยกมือขึ้นมาแล้วพูดว่า “พรสวรรค์ของเธอ ยังไม่พอ!”
“หา!” หลินอีอีพูดด้วยความหดหู่มากกว่าเดิม “ฉันรู้สึกว่าดีมากเลยนะ ทำไมคุณ…”
“พอแล้ว!” หมอหลินตวาดออกมาหนึ่งประโยค หลินอีอีถึงค่อยปิดปากตัวสั่นเทา แต่มองออกได้ว่าเธอชอบแพทย์แผนจีนมากจริงๆ หมอหลินค้อมเอวพลางพูดว่า “ขอบคุณคุณฟางที่ทำให้ผมได้รู้จักแพทย์แผนจีนตัวจริง!”
“ไม่เป็นไร!” กล่าวจบฟางเหยียนก็ก้าวเท้าเดินไปทางฝั่งคนตระกูลหยาง ทิ้งสองปู่หลานตระกูลหลินไว้
หลังจากส่งหมอหลินกลับไปแล้ว ฟางเหยียนก็รั้งอยู่บ้านตระกูลหยาง ฉินเข่อเป็นคนพาเขาไปพักผ่อน ระหว่างทั้งสองคนกำลังเดินเข้าไปยังห้อง ฉินเข่อก็พูดเสียงค่อยว่า “ขอบคุณนะคะ ฟางเหยียน”
ฟางเหยียนยิ้มเล็กน้อย “ไม่เป็นไร! คุณก็ช่วยผมเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
“อืม!” ฉินเข่อพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “วันนี้ถ้าไม่ได้คุณ เกรงว่าตระกูลเราคงเกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
“ไม่เป็นไร! นี่ก็คือโชคชะตา” ฟางเหยียนยังคงใช้น้ำเสียงปลอดโปร่งตอบ
พูดถึงโชคชะตาคำนี้ ฉินเช่อยังเชื่ออยู่เล็กน้อยว่าฟางเหยียนเป็นผู้บำเพ็ญเซียน
“จริงสิ!” ตอนที่เดินมาถึงหน้าประตู ฉินเข่อก็หยุดเท้าพร้อมถามว่า “วันนี้คุณอยู่ที่บ้านพูดอะไรกับลุงใหญ่ฉันบ้าง?”
ฟางเหยียนชะงักเล็กน้อย ตอบว่า “เขารู้ฐานะของผมบ้างแล้ว!”
“หา!” ฉินเข่อถามด้วยความประหลาดใจ “ฐานะคุณคืออะไรหรือ?”
“ฮึ!” ฟางเหยียนหัวเราะเสียงเย็นชา สูดหายใจเข้าลึกแล้วพูดว่า “คุณอย่ารู้ดีกว่า!”
ฉินเข่อในใจหนาวเหน็บ ส่งเสียงอ้อออกมาหนึ่งคำ ใบหน้าเผยความผิดหวังออกมาจางๆ แต่ไม่รู้ก็ดีเหมือนกัน ฟางเหยียนก็คือปีศาจที่ฆ่าคนไม่กะพริบตาคนหนึ่ง
แต่ภาพจำที่ตัวฉินเข่อมีต่อฟางเหยียนนั้นยังคงไม่เลวทีเดียว อย่างน้อยฟางเหยียนก็ทำให้เธอรู้สึกถึงความปลอดภัย นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้หญิง
ผู้ชายคนหนึ่งไม่มีเงินได้ ไม่มีอำนาจได้ หากเขาเพียงมอบความรู้สึกปลอดภัยให้ผู้หญิงได้มากพอ เช่นนั้นผู้หญิงคนนี้จะต้องติดตามเขาอย่างสุดจิตสุดใจอย่างแน่นอน ตอนแรกฉินเข่อไม่รู้สึกอะไรกับฟางเหยียน รู้เพียงว่าเขาฆ่าคนได้ร้ายกาจยิ่ง ทั้งยังช่วยตนภายใต้สถานการณ์ล่อแหลมเช่นนั้น เมื่อได้อยู่ร่วมกันในวันนี้ เธอยังมีความรู้สึกเกิดขึ้นในใจชนิดหนึ่งจริงๆ โดยเฉพาะตอนที่พวกพี่ชายในบ้านเห็นด้วยที่พวกเธอคบกัน เธอก็พอใจมาก
หลังจากส่งฟางเหยียนไปยังห้องแล้ว ฉินเข่อก็เป็นฝ่ายจัดเตียงให้ฟางเหยียนเล็กน้อย ฉินเข่อไม่เคยจัดเตียงให้ใคร เมื่อก่อนงานในบ้านล้วนเป็นคนรับใช้ทำให้ แต่วันนี้เธอทำด้วยตัวเอง และไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเต็มใจ หากเป็นเมื่อก่อน เธอไม่มีทางบริการผู้ชายคนหนึ่งแน่ ต่อให้เป็นคนที่ชอบมากก็ตาม เธอรู้สึกว่าตัวเองบริการใครไม่เป็น แต่ตอนนี้ แต่ตอนนี้ยอมเสียหน้า เธอยินดีทำเรื่องเหล่านี้ให้ฟางเหยียนด้วยความเต็มใจ
ยืนอยู่ในห้อง ฟางเหยียนเงยหน้าขึ้นมามองสำรวจห้องนี้ นี่คือห้องที่หรูมากห้องหนึ่ง เทียบกับโรงแรมไม่รู้ว่าหรูตั้งกี่เท่า สรุปได้ว่าชีวิตที่คนมีเงินเสพสุขคนธรรมดาแค่คิดก็ยังไม่กล้าคิด
ห้องน่าจะกว้างประมาณสองร้อยผิง เตียงถูกวางไว้ตรงจุดที่ไม่กว้างนัก ด้านนอกมีโซฟา มีทีวีและเครื่องใช้ไฟฟ้านานาชนิด แม้แต่ข้างห้องก็ยังมีเครื่องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำขนาดเล็กก็มี!
หลังจัดเตียงเสร็จแล้ว ฉินเข่อก็เดินออกมาจากห้อง พูดกับฟางเหยียนว่า “ฟางเหยียน จัดเสร็จแล้ว!”
“ขอบใจ!” ฟางเหยียนพูดออกมาสองคำด้วยน้ำเสียงปลอดโปร่ง!
ฉินเข่อพยักหน้ารับคำเล็กน้อย จากนั้นก็พูดว่า “นี่คือห้องที่ดีที่สุดของบ้านเรา ปกติใช้ต้อนรับแขกที่สำคัญมาก โดยทั่วไปคนใหญ่คนโตถึงจะได้นอนห้องนี้ สำหรับตระกูลหยางแล้ว คุณเป็นคนสำคัญมาก”
ฟางเหยียนย่อมจะสำคัญอยู่แล้ว ฐานะของเขาเทียบกับคนธรรมดาได้หรือ!
“ห้องนี้ ใหญ่มาก! ใหญ่กว่าบ้านฉันเสียอีก” ฟางเหยียนทอดถอนใจกับตัวเองขึ้นมาประโยคหนึ่ง
ที่ฟางเหยียนพูดย่อมไม่ใช่ตระกูลฟาง ที่เขาพูดคือบ้านสองชั้นหลังนั้นของเย่ชิงหยู่ นั่นเป็นสถานที่เล็กๆ ที่ไม่ถึงร้อยผิงด้วยซ้ำ พอพูดคำนี้ออกมาก็มีความหมายเหมือนคนบ้านนอกเข้าเมืองอยู่บ้าง แต่พอพูดออกมาจากปากฟางเหยียน กลับเจือความรู้สึกหยิ่งทระนงสายหนึ่ง
“ฮึๆ!” ฉินเข่อเพียงหัวเราะอย่างเก้อกระดาก ไม่ได้พูดอะไรอีก
เงียบไปสักพัก เธอถามอีกว่า “จริงสิ วันนี้ตรงจุดที่คุณถูกตี ไม่เป็นไรนะ? ต้องการให้ฉันตรวจดูหน่อยไหม!”
ฟางเหยียนลูบตรงตำแหน่งที่ถูกเทียนขุยทำร้าย แล้วส่ายหน้าพูดว่า “ไม่ร้ายแรง!”
บางทีคนตระกูลหยางอาจถูกเรื่องในวันนี้กระแทกจนหัวสมองมึนงง ไม่มีใครจำได้ว่าฟางเหยียนบาดเจ็บ แต่ฉินเข่อไม่ลืม
“ไม่เป็นไรก็ดี!” ฉินเข่อเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดอะไร
คนสองคนยืนประจันหน้ากันไร้คำพูดอย่างเก้อเขินพักหนึ่ง ฉินเข่อคิดอยู่นานก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร จึงพูดว่า “หากคุณไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉันก็ขอตัวก่อน! คุณ…เข้านอนเร็วหน่อยล่ะ”
“ได้! ขอบใจ” ฟางเหยียนพูดกับฉินเข่อประโยคหนึ่ง
ฉินเข่อส่งเสียงตอบรับ จากนั้นก็เดินออกมาจากห้อง ตอนที่มาถึงยังหน้าประตู เธอยังหันกลับไปมองใบหน้าเย็นชาใบนั้นของฟางเหยียน
หลังฟางเหยียนเดินเตร่อยู่ในห้องรอบหนึ่ง ก็นั่งลงบนโซฟาตัวนั้นที่อยู่ในห้อง
หัวสมองเขาเริ่มจมอยู่กับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ เทียนขุยเป็นอะไรไป? ใช่ถูกเสี่ยวหงวางยาอะไรหรือไม่? ทำไมเขาถึงกล้าทำร้ายกระทั่งตน! คิดถึงจุดที่ตนถูกฟาด ก็ยังมีความเจ็บปวดหลงเหลืออยู่บางส่วน!
หากเทียนขุยยอมเป็นอาวุธให้ผู้อื่น นั่นจะต้องเป็นมีดอันแหลมคมอย่างแน่นอน เสี่ยวหงเป็นคนของเพลิงเสวน ไม่รู้ว่าเธอต้องการหลอกใช้เทียนขุยทำอะไรบ้าง ตอนนี้สิ่งที่ฟางเหยียนต้องทำก็คือหาออกมาให้ได้ว่าเทียนขุยถูกวางยาอะไร แล้วค่อยให้ทานยาที่ถูกกับโรค!
ตอนที่กำลังคิดอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พอฟางเหยียนล้วงมือถือออกมาดู เป็นยมราชโทรมา
ฟางเหยียนกดรับสาย ไม่พูดเหมือนอย่างเคย รออีกฝ่ายเอ่ยปาก
ยมราชที่อยู่ปลายสายพูดว่า “ผู้นำ ผมพบเรื่องที่ใหญ่มากเรื่องหนึ่ง มีคนกำลังแอบอ้างฐานะของคุณ ใช้ฐานะของคุณไปทำเรื่องบางอย่าง”
“อะไรนะ?” ฟางเหยียนนึกว่าตนเองฟังผิด นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว ถึงกับมีคนแอบอ้างฐานะของตน ฐานะของตนคืออะไร? เป็นความลับสุดยอดของประเทศหวา คนทั่วไปสามารถนำมาแอบอ้างได้หรือ พวกที่รู้ฐานะของเขาล้วนเป็นคนมีชื่อเสียงในแวดวงการเมืองและแวดวงธุรกิจ คนธรรมดายังไม่มีสิทธิ์รู้ฐานะของเขาเลย
แต่คำพูดนี้ออกมาจากปากยมราช ไม่โกหกแน่นอน! เขาเองก็ไม่สงสัยความจริงในประโยคนี้
“เขาหลอกใช้ฐานะของฉันทำอะไร? ตั้งแต่เมื่อไหร่?” แม้ในใจจะมีคลื่นลมแปรปรวนอยู่บ้าง แต่เขายังคงพยายามใช้น้ำเสียงเรียบนิ่งถามคำถามนี้ออกไปอย่างสุดความสามารถ