จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 546 คุณนึกว่าผมบ้าไปแล้วจริงๆ เหรอ
ยมราชเงียบไปชั่วครู่ แล้วกล่าวว่า “ก็ประมาณครึ่งปีได้ ไม่กี่เดือนก่อน เขามักจะไปสถานที่เล็กๆ ที่ห่างไกลหน่อย เป็นสถานที่ลับตาคนที่ไม่ดึงความสนใจของพวกเราเหล่านั้น เช่นที่อวิ๋นกุ้ย ทางใต้ที่ไกลที่สุด เขาไปเยี่ยมตระกูลกับนักธุรกิจที่กิจการค่อนข้างมั่นคงอยู่บ้าง ก่อนที่เขาจะออกเดินทางทุกครั้งจะปล่อยข่าวลือออกมา ทำให้คนอื่นรู้ว่าเขามาแล้ว ทำแบบนี้ก็จะมีคนจำนวนไม่น้อยมาต้อนรับเขา สรุปว่าข่าวลือของเขามีค่ามาก ออกเดินทางทุกครั้งก็จะพาคนไปด้วยไม่น้อย แม้แต่บอดี้การ์ดก็มีไม่น้อย การแต่งตัวของเขาดูไปแล้วเหมือนผ่านการฝึกฝนมาเป็นพิเศษ แถมยังมีความเป็นระบบระเบียบ ว่ากันว่าไม่กี่เดือนก่อน เขากำลังหลบฝนอยู่ที่บ้านของครอบครัวหนึ่ง ครอบครัวนั้นส่งน้ำชาถ้วยหนึ่งให้เขาดื่ม ผลคือครอบครัวธรรมดาครอบครัวนั้นได้รับการตอบแทนเป็นเงินถึงสิบล้านหยวน สรุปว่าเขาเป็นคนดีเรื่องแต่ละอย่างที่ทำจะมีลักษณะใกล้เคียงกับนาย ไม่กี่เดือนมานี้เริ่มพัฒนาไปยังที่ที่ค่อนข้างใหญ่ขึ้น ทำการพัฒนาสถานที่สองสามแห่ง จุดประสงค์ในการพัฒนาโดยรูปธรรมก็บอกไม่ได้เหมือนกัน ก็แค่ไปผูกมิตรกับคนเหล่านั้น ส่วนรายละเอียดยังอยู่ในการตรวจสอบ”
“ดี!” ฟางเหยียนถามว่า “ตามสืบต่อ สืบหน่อยว่าเขากับคนเหล่านั้นทำอะไรบ้าง?”
“ครับ!” หลังยมราชตอบรับคำก็วางสายโทรศัพท์
อันที่จริงในใจฟางเหยียนได้ประมาณการไว้คร่าวๆ แล้ว คนคนนั้นก็แค่ใช้ชื่อเสียงของตนไปทำให้ตระกูลเหล่านั้นเชื่อถือและศรัทธา ดังนั้นจึงเอาชนะใจพวกเขา จุดประสงค์ของเขาเหมือนกับสำนักไร้หน้า และเสี่ยวหง
ไม่ต้องสังสัยเลย เขาก็คือสุนัขรับใช้ของเพลิงเสวน! จุดประสงค์ก็เพื่อหลอกเอาความเชื่อใจของตระกูลเหล่านั้น เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากพวกเขา เพลิงเสวนกำลังวางหมากที่ใหญ่มากตัวหนึ่ง หากหมากตัวนี้วางสำเร็จ เกรงว่าพวกเขาคงจะสามารถควบคุมทั้งประเทศหวาได้
ทำการพึ่งพิงตระกูลและอำนาจเงินทองมากมาย ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็ผูกขาดแหล่งทรัพยากรของประเทศหวาเป็นจำนวนไม่น้อย พัฒนาจากเล็กไปใหญ่ วางแผนทำผลงานทั่วไปเอย ยึดเอาดินแดนเอย เจตนานี้ก็เพื่อต้องการกลืนกินประเทศหวาอย่างแน่นอน
แท้จริงแล้วเพลิงเสวนมีความทะเยอทะยานมากแค่ไหนกัน? ทำไมพวกเขาต้องทำเช่นนั้น?
ในเมื่อเพลิงเสวนมีใจทะเยอทะยานมากขนาดนั้น ฟางเหยียนก็ไม่ถือสาที่จะเล่นกับพวกเขาสักตั้ง! หากเล่น หน้าที่ของหัวหน้าอย่างเขาก็คือการฟื้นฟูพลัง
ตอนนี้มีพลังเพียงหกส่วน ทำให้เขาทำการใดก็มีแต่ใจแต่ไร้กำลัง
ซึ่งการฟื้นฟูพลังนั้นมีเพียงอาศัยมุกเทพกับหินสองก้อนนั่น วิธีดูดพลังหินทิพย์เขายังไม่รู้ละเอียดนัก
พักอยู่ที่นี่ก่อน เขาต่อสายหาศาสตราจารย์โจว ตอนนี้ดึกมากแล้ว แต่เขาคิดว่าคนบ้าอย่างศาสตราจารย์โจวไม่มีทางหลับเร็วขนาดนั้น
หากตอนนี้หลับ นั่นก็ไม่ใช่นิสัยของศาสตราจารย์โจวสติเฟื่องสิ
เป็นดังที่คาดคิดไว้ ที่ปลายสายรับสายอย่างรวดเร็ว มีเสียงของศาสตราจารย์โจวดังออกมาจากในนั้น “ศาสตราจารย์ฟาง ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณจะโทรหาฉัน! เพียงแต่ที่ทำให้ผมคิดไม่ถึงคือ คุณเพิ่งจะโทรมาเอาป่านนี้”
ฟางเหยียนในใจเต้นตึกตัก คิดอยู่ในใจว่าหรือศาสตราจารย์โจวกำลังรังแกตนอยู่ใช่ไหม? เขามีเจตนารังแกตน ให้ตนตามหาฉินเสียงหลินอะไรนั่น ดังนั้นจึงคาดเดาได้ว่าตนจะโทรหาเขา?
คิดมาถึงตรงนี้ เขาก็ถามว่า “ศาสตราจารย์โจว คำพูดนี้ของคุณหมายความว่ายังไง?”
ศาสตราจารย์โจวกล่าวว่า “ศาสตราจารย์ฟาง หรือคุณไม่ใช่รู้เรื่องที่ผมเอาคลิปวีดิโอของคุณโฆษณาไปยังสถานศึกษาแต่ละแห่งแล้วเลยโทรหาผมหรอกหรือ? ผมจะบอกคุณให้ ตอนนี้คุณเป็นคนดังแล้ว สถานศึกษาจำนวนนับไม่ถ้วนได้นำคลิปวีดิโอของคุณเผยแพร่ให้นักเรียนได้ดูแล้ว โดยเฉพาะโรงเรียนฝึกหัดครูเหล่านั้น ก็เพื่อต้องการให้นักเรียนตั้งใจวิเคราะห์วิธีเข้าสอนของคุณ ตอนนี้คุณเป็นบุคคลในตำนานแห่งวงการการศึกษาคนหนึ่งไปแล้ว มีคนจำนวนไม่น้อยโทรหาผม บอกว่าต้องการมาเยี่ยมพบคุณ ใช้เวลาไม่นานนัก ผมจะเอาคลิปของคุณส่งไปยังหน่วยงานการศึกษาของต่างประเทศ รูปแบบและวิธีในการสอนของคุณจะต้องก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนต่อวงการการศึกษาทั่วโลกอย่างแน่นอน ถึงเวลาคุณอยากถ่อมตัวก็ไม่ได้แล้ว”
“…” ฟางเหยียนไม่ได้สนใจสิ่งนี้แม้แต่น้อย และไม่ได้ห่วงเลยสักนิด แต่นี่ก็คือความสนใจของศาสตราจารย์โจว
เขายังไม่ทันตอบศาสตราจารย์โจว ศาสตราจารย์โจวก็พูดอย่างน้ำไหลไฟดับต่อว่า “ศาสตราจารย์ฟาง ถ้าไม่อย่างนั้นคุณควรประกอบอาชีพนี้ของเราดีกว่า! ผมรู้สึกว่าคุณเหมาะที่สุด อันที่จริงอยู่ในวงการการศึกษาก็ดีมากนะ คุณควรรู้ว่า สามารถเรียกลมเรียกฝนในวงการการศึกษาได้ นั่นสำหรับคำทั้งประเทศหวาแล้วก็คือความภูมิใจอย่างหนึ่ง หากคุณรับปากว่าจะมายังสายอาชีพนี้ของเรา ผมจะเปิดคอร์สให้คุณ ให้คุณเลือกนักเรียนด้วยตัวเอง โรงเรียนของเราก็จะเปิดสามคอร์สก่อน ไม่ๆๆ แบบนั้นคุณจะเหนื่อยเกินไป หนึ่งคอร์ส ห้าสิบคน สัปดาห์หนึ่งคุณจะเข้าสอนสองคาบ เป็นยังไง? ขอเพียงคุณยินยอม ผมเตรียมการให้คุณได้ทุกเมื่อ ได้รับการสอนจากคุณ ผมคิดว่าการศึกษาของประเทศหวาเราจะต้องไปไกลทั่วโลกแน่ ถึงเวลาการศึกษาของประเทศหวาเราก็จะเป็นอันดับหนึ่งของโลก มีคนเก่งแล้ว มาตรฐานของประเทศหวาจะต้องเลื่อนขึ้นไปเป็นเส้นตรงแน่ ถึงเวลาคุณก็คือบิดาแห่งการศึกษาของประเทศหวาเรา!”
นี่กลับไม่ได้ยกระดับของฟางเหยียน แค่มองจากในมุมความจริง หากนักเรียกแต่ละคนที่ฟางเหยียนสอนสามารถกลายเป็นบุคลากรที่มีความสามารถได้ แค่เวลาไม่กี่ปี คงสามารถสั่นสะเทือนทั่วโลกได้แน่แท้ การศึกษาเป็นกลุ่มหนึ่งที่สำคัญที่สุดในโลก เพราะคนเก่งในอนาคตล้วนอยู่ในการศึกษา เปลี่ยนคำพูดใหม่ ที่สอนสั่งไม่ใช่นักเรียน แต่เป็นอนาคต
“ขอโทษด้วย ศาสตราจารย์โจว!” ฟางเหยียนไม่คิดจะพูดอะไรกับศาสตราจารย์โจวต่ออีก เพราะถึงพูดต่อไป ที่ศาสตราจารย์โจวพูดก็คงมีแต่หัวข้อนี้ สำหรับหัวข้อนี้ ฟางเหยียนไม่ได้รู้สึกสนใจเลยก็ว่าได้
“ผมไม่รู้เรื่องที่คุณเอาคลิปไปเผยแพร่ที่อื่น ครั้งนี้ที่ผมโทรหาคุณเพราะมีเรื่องอยากจะถาม” ฟางเหยียนเข้าประเด็นตัดบทคำพูดของศาสตราจารย์โจว
ศาสตราจารย์โจวไตร่ตรองอยู่ที่ปลายสายชั่วครู่ ก็ถามว่า “คุณถามมาเถอะ เรื่องอะไร?”
ฟางเหยียนถามว่า “คุณบอกกับผมว่าฉินเสียงหลินสามารถเปิดหินทิพย์ออกได้ ทำไมทางดินแดนตะวันตกถึงเป็นแค่ตำนานเรื่องหนึ่งล่ะ? เท่ากับว่าเขามีตัวตนอยู่หรือไม่ ก็ไม่มีใครรู้!”
จู่ๆ ศาสตราจารย์โจวก็หัวเราะฮ่าๆๆ ออกมา ได้ยินเสียงหัวเราะนี้ ในใจฟางเหยียนก็ขมวดแน่น หรือตาแก่นี่กำลังหลอกตนอยู่จริงๆ ใช่ไหม? ตอนที่เขาคิดเช่นนั้น ศาสตราจารย์โจวก็พูดว่า “สำหรับคนธรรมดาเขาเป็นแค่ตำนานเรื่องหนึ่งจริงๆ ถึงขนาดที่ง่าเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน แต่สำหรับคุณที่มีสิ่งล้ำค่าติดกายแล้ว เขาก็คือคนที่มีตัวตนอยู่จริงๆ”
“คุณเคยเห็น?” ฟางเหยียนถามจี้จุดสำคัญ
ศาสตราจารย์โจวยิ้มเย็นกล่าวว่า “แน่นอน ไม่อย่างนั้นคุณคิดว่าผมถือดีอะไรถึงแนะนำให้คุณไปที่นั่น สิบปีก่อนผมเคยพบกับเขาหนหนึ่ง แถมยังคุยกันนานด้วย คนธรรมดาไม่อาจเข้าใจผมได้ หาว่าผมบ้า แต่เขาเข้าใจผม คนบ้าที่เรียกว่าคนบ้า เป็นเพราะความคิดของพวกเราไร้หนทางที่คนธรรมดาจะเข้าใจ ผมคิดว่าอีกไม่นานคุณก็จะบรรลุขั้นนี้เหมือนผม”
ฟางเหยียนไร้คำพูดขึ้นมาในพริบตา และไม่รู้ว่าศาสตราจารย์โจวพูดเช่นนี้เป็นการชมหรือด่ากันแน่! แต่ความคิดของเขาไม่ใช่ระดับที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้จริงๆ ในจุดนี้คือความจริง
แต่ยืนยันว่าฉินเสียงหลินมีตัวตนอยู่จริงๆ ก็พอแล้ว เขารับคำ “ได้ งั้นผมรู้แล้ว”
“จริงสิ” ศาสตราจารย์โจวกลัวว่าฟางเหยียนจะวางสายไปทั้งอย่างนี้ ดังนั้นจึงถามอีกครั้งว่า “คุณไม่คิดจะเข้าสู่อาชีพอย่างการสอนนี้จริงๆ เหรอ?”
“ไม่ล่ะ!” ฟางเหยียนปฏิเสธศาสตราจารย์โจวทันที นี่เขาไม่รู้แล้วว่าปฏิเสธศาสตราจารย์โจวไปกี่ครั้งแล้ว