จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 561 ยอมรับแล้ว
หยางซงไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของฟางเหยียน แต่ยังไงเขาก็ไม่คาดคิดว่าฟางเหยียนจะเป็นจอมพลโผ้จวินของประเทศหวา ที่สูงส่งไร้เทียมทาน เมื่อกี๊ตนยังชื่นชมบุคคลที่เดินเข้ามาคนนั้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ไม่คาดคิดว่านั่นกำลังปลอมตัวเป็นฟางเหยียนอยู่
ที่น่าขำยิ่งกว่าคือ ตนยังเตือนฟางเหยียน ว่าให้เขาอย่าเข้าใกล้ฉินเข่อนางสาวของตัวเอง คำพูดที่พูดออกมายิ่งทำให้เขาไม่กล้าหวนกลับไปคิด ว่าเขาจะคิดว่าเพราะฟางเหยียนอยากประจบประแจงตระกูลหยาง อยากพึ่งความสัมพันธ์ของตระกูลหยาวจึงได้เข้าใกล้ฉินเข่อ ตอนนี้ดูๆแล้ว เป็นฉินเข่อที่ไม่รู้ว่ารู้จักระดับสูงสุดท่านนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ต่างหาก
คืนนั้น ไม่แปลกใจเลยที่คืนนั้นฉินเข่อลากฟางเหยียนออกไป ที่แท้เพราะฉินเข่อรู้ตัวตนแท้จริงของฟางเหยียนนี่เอง!
ยิ่งคิด ในใจของหยางซงยิ่งซับซ้อน หยางจิ่งเซียนกลับกล่าวอย่างไม่เห็นด้วยว่า “แกรู้แล้วไม่ใช่เหรอ!”
“เขาคือจอมพลที่ขนานนามว่าผู้ไม่เคยปราชัยนั่นจริงๆเหรอ?” หยางซงถามอย่างตาลุกโตตกใจอย่างที่สุด
หยางจิ่งเซียนหัวเราะเหอะๆกล่าว “แกคิดว่าไงล่ะ?”
ตอนพูด สีหน้าของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ เขารู้สึกภูมิใจที่ตัวเองมองตัวตนของฟางเหยียนออก ใช่ เขามองออกจริงๆว่าฟางเหยียนไม่ใช่คนธรรมดา แม้จะเคยสงสัย แต่สุดท้ายแล้วเขายังเชื่ออย่างยึดมั่นอีกฝ่าย
ดีที่เมื่อกี๊ตนไม่ได้คิดผิด ถ้าคิดผิดไปก้าวเดียว ตนก็จบเห่แล้วล่ะ
หยางซงเข้าใจถ่องแท้ได้ทันที ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อกี๊ฟางเหยียนแสดงท่าทางอันเย่อหยิ่งออกมา ราวกับทุกคน รวมทั้งผู้ว่าราชการมณฑลในสายตาของเขาล้วนไม่สำคัญทั้งนั้น!ทุกคนล้วนให้เกียรติวัยรุ่นคนนี้ มีเพียงเขาที่คิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนเลว
ที่แท้ เขาต่างหากที่เป็นผู้สูงล้ำเลิศตัวจริง!
หัวใจของโจวปินคางเต้นตุบๆ ที่จริงแล้ว คนที่อยู่ด้านหลังของหยางกงนั้นถึงจะเป็นเทพแห่งสงครามของประเทศหวาตัวจริง แต่ไอ้นี่สุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ ก็แค่อยากโกงเพื่อให้ได้สิ่งของจากครอบครัวตัวเองไปเท่านั้น
แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนมาจากน้ำมือโจวชื่อเจี๋ยที่ไม่รู้อะไรเลย!โจวชื่อเจี๋ยนี่มัน ความสามารถในการทำเรื่องให้สำเร็จไม่พอแต่ความสามารถในการทำลายงานนั้นมีอยู่เหลือเฟือจริง!ทำเอาเขาเกือบผิดใจกับจอมพลประเทศหวาที่สูงส่งเข้า ทำเอาเขาเกือบกลายเป็นคนบาปที่คนจดจำไปแล้ว
แววตาทั้งสองของเขาจ้องไปที่โจวชื่อเจี๋ยอย่างเกรี้ยวกราด โจวชื่อเจี๋ยในขณะนี้อ้าปากค้างไปแล้ว ปากของเขาดูท่าทางแล้วสามารถวางไข่ฟองหนึ่งเข้าไปได้เลยล่ะ เขาตกใจกลัวจนพูดไม่ออกไปนานแล้ว
จะว่าไปก็แปลก ในตอนที่โจวปินคางมองเขาอยู่นั้น นึกไม่ถึงว่าเขาจะหันหน้ามาอย่างแปลกๆ แว็บนี้ได้สบตาเข้าไปโจวปินคางเข้าพอดี เมื่อเห็นแววตาที่โหดเหี้ยมของโจวปินคาง โจวชื่อเจี๋ยก็ตกใจ
เขายกมือขึ้นมาปาดเหงื่อที่แก้ม ในใจเต้นรัวๆอย่างว้าวุ่นไม่หยุด!
ขณะนี้ หมัดของเทียนหลังกำลังกำเข้าหากัน ไม่นานหลังจากนั้นได้คลายออก จากนั้น ปลายนิ้วของเขาเป็นประกายขึ้นมา เหมือนปลายนิ้วที่เหมือนกับเขี้ยวหมาป่า เขามาที่วัยรุ่นทีล่ะก้าวทีล่ะก้าว
วัยรุ่นเริ่มวุ่นวายขึ้น เขาพูดกับเสเพลทั้งสองที่อยู่ด้านหลังว่า “เร็ว เข้าไป ไปฆ่ามัน ฆ่ามัน!”
สองคนนั้นก็เป็นสุนัขที่เชื่อฟัง เดินเข้าไปที่เทียนหลังที่ล่ะก้าวทีล่ะก้าวอย่างไม่แสดงความด้อยกว่าออกมาเช่นกัน ในสถานการณ์ทั่วไป ถ้าพวกเขาทั้งสองคนร่วมมือกันแล้ว ไม่แน่เทียนหลังอาจจะเอาไม่อยู่ แต่ตอนนี้ เขาทั้งสองสู้เทียนหลังไม่ได้!
เมื่อกี๊พวกเขาถูกฟางเหยียนจัดการไปแล้วครั้งหนึ่ง มากสุดในร่างกายก็มีพลังเหลืออีกแค่ครึ่งเดียว ต่อให้พวกเขาก็เจ๋งขนาดไหน ก็ไม่มีทางชนะเทียนหลังที่มีกรงเล็บทั้งสองได้ ทั้งสองใช้หมัด เทียนหลังมีร่างกายพรสวรรค์ที่พิเศษ แล้วยังมีกรงเล็บคู่ที่ราวกับเขี้ยวหมาป่า ชนะหมัดของทั้งสองคนได้พอดี ดังนั้นเขาไม่กังวลว่าเทียนหลังจะไม่ชนะพวกเขาแต่อย่างใด
สำหรับฝีมือของเจ็ดเทียนในสำนักเจ็ดพิฆาตเขารู้ทะลุปรุโปร่ง ความสามารถพิเศษของทุกคนเขาล้วนรู้ดี ดังนั้นเขามีความมั่นใจต่อเทียนหลังที่แน่นอน ถ้าไม่มี เขาก็ไม่มีทางให้เทียนหลังเป็นรองผู้นำของสำนักเจ็ดพิฆาต
และแล้ว ทั้งสองพุ่งไปที่เทียนหลังอย่างโหดเหี้ยมเหมือนเมื่อสักครู่นี้ หันกลับมาที่เทียนหลัง แววตาทั้งสองอาฆาตมาก เล็งไปที่ทิศทางของทั้งสองไว้นานแล้ว ในตอนที่ร่างกายของเขาทั้งสองพุ่งมาที่เทียนหลัง เทียนหลังอ้าแขนทั้งสองข้างออกอย่างเร็ว ได้ยินเพียงสองเสียงที่ดังฟับๆ ปลายนิ้วของเทียนหลังฟันไปที่หมัดของทั้งสองพร้อมกัน
จากนั้น ก็เห็นเงาสามเงาต่อสู้กันในห้องโถงขึ้นมา เนื่องจากการเคลื่อนไหวเร็วมาก การมองเห็นของทุกคนตามไม่ทัน เห็นเพียงสามเงาวิบวับไปมา พยายามมองให้ชัด ก็รู้สึกได้เพียงตาลาย
ประมาณสามนาทีให้หลัง และแล้วการต่อสู้ก็มาถึงตอนท้าย ทั้งสามคนยืนอยู่ในห้องโถง ทั้งสามล้วนหน้าตานิ่งสงบ ท่าทางเคร่งขรึม ดูจากร่างกายภายนอกของเขาไม่เห็นแผลภายนอกเลยแม้แต่น้อย มีที่ใครรู้ว่าใครแพ้ใครชนะ ไม่มีคนกล้าถาม ราวกับทุกคนกลั้นลมหายใจไว้
และแล้ว หลังจากรอคอยยาวนานกว่าสิบวินาที เห็นเพียงร่างกายทั้งสองนั้นปักลงกับพื้น จากนั้น เห็นเพียงเลือดในร่างกายของพวกเขากระฉูดออกมา แผลฉีกออกทันใด
แผลที่เล็กๆใหญ่ๆบนร่างกายของเขา อย่างน้อยก็มียี่สิบจุด แผลทั้งยี่สิบจุดทั้งหมดฉีกออกในตอนนี้ เห็นเพียงเลือดพุ่งกระฉูดออกมา เหมือนกับในท่อน้ำมีรอยรั่ว น้ำพุ่งออกมาจากในท่ออย่างไรอย่างนั้น
หลังจากที่เสร็จสิ้นจากพวกเขาทั้งสอง เทียนหลังเดินไปที่วัยรุ่นที่ปลอมตัวเป็นฟางเหยียนนั่นอย่างเย็นชา เขายังคงรักษาท่าทางเยือกเย็น เต็มไปด้วยความอาฆาตนั่นไว้ สายตาของเขามากพอที่จะทำให้คนๆหนึ่งขนลุกซู่ขึ้นมาได้
“ปลอมตัวเป็นจอมพลสำนักเจ็ดพิฆาต ต้องตัดหัว!” เทียนหลังเหมือนกับหุ่นยนต์ ใช้น้ำเสียงเหมือนเครื่องจักรมากพูดประโยคนี้ออกมาราวกับคำพูดที่เหมือนกับกฎตายตัวก็มิปราณ
อะไรคือนักรบกองทัพที่แท้จริง นี่สิถึงจะใช่!
ไม่ใช่คนที่เว่อร์ สุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือเหล่านั้นแล้วจะเป็นนักรบกองทัพ มีเพียงคนที่เผด็จการทุกๆคำพูด ทุกๆการกระทำจึงจะคู่ควรกับการเรียกของกองทัพ ในสายตาของนักรบกองทัพจริงๆ ตระกูลโจวก็เป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น
เหตุการณ์เป็นฉากๆนี้ทำเอาโจวปินคางชื่นชมด้วยใจจริง ตอนนี้เขาไม่กล้าสงสัยคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าว่าเป็นจอมพลโผ้จวินตัวปลอมแล้ว
มองเทียนหลังเดินไปที่จอมพลโผ้จวินที่ปลอมตัวมานั้นทีล่ะก้าวทีล่ะก้าว เขากลืนน้ำ จู่ๆก็กล่าวออกมาว่า “รองผู้นำเดี๋ยวก่อน!ไว้ชีวิตด้วยครับ”
แววตาทั้งสองของเทียนหลังไม่ได้มองโจวปินคาง แต่มองไปที่ฟางเหยียน ฟางเหยียนจึงจะเป็นคนที่ให้เขาหยุดเขาถึงจะหยุดได้ นอกจากคำพูดของฟางเหยียน เขาไม่ฟังใครทั้งนั้น!
ฟางเหยียนมองโจวปินคาง โจวปินคางรีบกล่าว “จอมพลครับ ผมไม่ได้ต่อต้านคำสั่งของท่านนะครับ เพียงแต่มีกี่ประโยคอยากจะถามคนนี้”
“โอเค!” ฟางเหยียนตอบไปอย่างชิลล์ๆสองคำ จากนั้นยกมือขึ้นแสดงท่าทางของการหยุด
เทียนหลังหยุดลง ร่างกายของเขาเหมือนกับกำแพง ขวางทางที่จะไปหาวัยรุ่น
โจวปินคางถามด้วยแววตาแหลมคมว่า “แกเป็นใคร?มีเป้าหมายอะไรที่ปลอมตัวเป็นจอมพลของประเทศหวามาที่บ้านของฉัน?”
วัยรุ่นหันไปมองโจวปินคาง หน้าผากของเขามีเหงื่อที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าไหลออกมาแล้ว
เขากลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ แต่เขายังคงกล่าวด้วยท่าทางไม่สะทกสะท้านว่า “ในเมื่อถูกพวกแกจับได้แล้ว ฉันก็จะไม่ปิดบังอีกต่อไป ใช่ ฉันปลอมตัวมาจริง แต่ ฉันก็มีสิทธิ์ที่จะนั่งตำแหน่งนี้เหมือนกัน”
พูดพลาง ผู้ชายก็ยกมือขึ้นพลางถอดชุดบนเรือนร่างออก