จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 567 คนนั้น มาแล้ว
เพิ่งพูดประโยคนี้จบ เหมือนเขาจะนึกอะไรออก จ้องไปที่พูดชายแล้วถาม “อ้อ ทำไมคุณถึงหวาดกลัวคนนั้นตลอดด้วยล่ะ?ตั้งแต่คุณเริ่มเข้าร่วมกับพวกเรา ก็พูดมาตลอดว่าสำนักเจ็ดพิฆาตเก่งกางยังไง เป็นฝันร้ายของทหารต่างชาติยังไง ตอนนี้พวกเราทะลวงป้อมปราการของสำนักเจ็ดพิฆาตได้แล้ว ก็ไม่เห็นว่าสำนักเจ็ดพิฆาตจะแข็งแกร่งอย่างนั้นตามที่คุณว่าแต่อย่างใด ถ้าผมเดาไม่ผิดล่ะก็ อีกเดี๋ยวพวกมันก็ถอยทัพแล้วล่ะ ตอนนี้ คุณเริ่มพูดว่าคนนั้นเป็นไงๆอีก ถ้าคุณกลัว แล้วยังเข้าร่วมพวกเราทำไมกัน?คุณถอยได้ตลอดเวลานะ!กองทัพของพวกเราไม่ต้องการคนที่ใจปลาซิวอย่างคุณหรอกนะ”
เย่เฟยก็แสดงความไม่พอใจกับสิ่งนี้เช่นกัน เขาก็พูดกับคนนั้นเช่นกันว่า “เมื่อก่อนผมก็เคยได้ยินว่าสำนักเจ็ดพิฆาตบุกจนไม่สามารถต้านทานได้ ทหารต่างชาติยากที่จะเข้าดินแดนของประเทศหวาได้ แต่ตอนนี้ดูแล้ว ไม่ได้แข็งแกร่งแบบนั้นอย่างที่คนอื่นว่าไว้ เพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ก็สามารถทะลวงแนวป้องกันของสำนักเจ็ดพิฆาตได้แล้ว แล้วยังฆ่าคนมากมายขนาดนั้นของพวกมันอีกด้วย ถึงแม้ต้องแลกมาด้วยชีวิตของคน แต่ถ้าต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆ ผมคิดว่าพวกเราไม่ด้อยไปกว่าสำนักเจ็ดพิฆาตเลย แล้วพวกเราก็อาจจะชนะพวกเขาด้วย”
ชายรูปงามสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าว “นั่นเป็นเพราะเขายังไม่ปรากฏกายต่างหากล่ะ ถ้าเขาปรากฏกายแล้ว ก็จะไม่ใช่จุดจบแบบนี้ ผมไม่ได้กลัวพวกเขา เพียงแต่เตือนท่านทั้งสองไว้ ระวังตัวไว้หน่อยจะดี ถ้าเกิดความผิดพลาดอะไรขึ้น บางทีแม้แต่โอกาสในการหายใจก็ไม่มี และทหารทั้งกองทัพพังทลายย่อยยับไป”
“ฮ่าๆๆ!” พลเอกแห่งยุโรปหัวเราะบ้าคลั่งออกมา “ดีทหารทั้งกองทัพพังทลายย่อยยับไป ผมล่ะอยากจะรู้ว่าพวกมันจะมีปัญญาทำให้ทหารกว่าสามแสนนายของเราทั้งกองทัพพังทลายย่อยยับไปมั้ย”
“ผมก็ตั้งหน้าตั้งตารอ หวังว่ามันสามารถสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้!ถ้าไม่มีความท้าทายแม้แต่น้อย งั้นการนี้ของพวกเราก็ไร้รสชาติ”
“รายงานครับ!” ขณะนี้ ด้านนอกประตูมีชายฉกรรจ์ที่ผิวดำเดินเข้ามา ชายฉกรรจ์เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ หลังจากที่เขาเดินเข้ามาแล้ว ตะเบ๊ะเคารพตามมารยาทของการทหาร จากนั้นก็ถามอย่างจริงจังว่า “หัวหน้าครับ พวกเราควรจะทำยังไงต่อไปดีครับ?โจมตีต่อไปหรือตั้งค่ายสังเกตการณ์?เชิญรับสั่ง!”
สามคนส่งสายตาให้กัน ชายรูปงามกล่าว “ผมแนะนำให้ตั้งค่ายสังเกตการณ์ สำนักเจ็ดพิฆาตของประเทศหวาไม่มีทางให้พวกเราเข้ามาง่ายๆอย่างนั้น ตอนนี้พวกเราเพิ่งจะเข้ามาได้ไม่ไกล ผมแนะนำให้สังเกตการณ์ไปก่อน ดูว่ามีกลลวงมั้ย! ถ้ามีกลลวง รีบถอยทัพ ถ้าไม่มีกลลวง จู่โจมต่อ”
“ไม่!” เย่เฟยยกมือขึ้นต่อต้านคำพูดของหนุ่มรูปงามคนแรก เขาเงยหน้าขึ้นมาพูดว่า “ผมคิดว่าควรจะน้ำขึ้นให้รีบตัก คว้าโอกาสนี้ฆ่าเขาตั้งตัวไม่ทัน ฉวยโอกาสนี้ยึดครองพื้นที่ของภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ต้องรู้ไว้ว่าตอนนี้พวกเรากำลังใจดี ถ้าหยุดลง แล้วยังหยุดลงที่ถิ่นของคนอื่นอีก จะถูกคนพลิกเกมได้ตลอดเวลานะ ถึงตอนนั้นคนอื่นปิดประตูตีแมว แม้แต่โอกาสหนีพวกเราก็จะไม่มีนะ”
“อืม!” พลเอกแห่งยุโรปพยักหน้าอย่างค่อนข้างชื่นชมแล้วกล่าว “ผมก็คิดว่างั้น”
ตามนี้ สองคะแนนชนะหนึ่งคะแนน คำพูดของชายรูปงามไม่มีค่าใดๆ
จู่ๆเย่เฟยจ้องชายรูปงามด้วยสายตากระปรี้กระเปร่า แล้วกล่าว “อ้อ คุณยังไม่บอกพวกเราถึงตัวตนที่แท้จริงของคุณเลย? แม้คุณจะพากองทัพต่างชาติมา แต่คนกลับมีลักษณะหน้าตาของคนประเทศหวา คุณคือไส้ศึกของสำนักเจ็ดพิฆาตใช่มั้ย? อยากดึงดูดพวกเรามา จากนั้นลงมือล้างบางพวกเราในครั้งเดียว?”
ชายรูปงามคนนี้เจอพวกเขาเมื่อประมาณครึ่งเดือนที่แล้ว เมื่อได้ยินทั้งสองจะร่วมมือกันทางทหาร จึงได้มาร่วมมือทางทหารกับพวกเขาด้วย เขาเพียงพูดว่ายอมที่จะให้ทหารหนึ่งแสนนาย แล้วยังรู้ว่าแนวป้องกันไหนอ่อนแอที่สุดอย่างรู้ดีอีกด้วย ตลอดงาน เขาไม่เปิดเผยตัวตนของตัวเอง ทั้งสองเห็นกองทัพที่เขาพามาเป็นทหารต่างชาติ และก็ต้องการการสนับสนุน ดังนั้นจึงได้ตกลง ช่วงหลายวันมานี้ ทั้งสองถามตัวตนของชายหนุ่มกลับไปกลับมา แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือการไม่ตอบและการตอบส่งๆของชายหนุ่ม
ชายรูปงามไม่เอ่ยปาก เพียงแต่ใช้แววตาทั้งสองสบตากับดวงตาของเย่เฟย
พลเอกแห่งยุโรปยืนขึ้น แล้วพูดเสียงดังว่า “ศัตรูอยู่ตรงหน้า สงสัยกันเองไม่ได้เป็นเรื่องที่ดีเลย ราชานักล่า คุณก็ไม่ต้องคิดมาก เขาต่อสู้กับพวกเรามานานขนาดนี้แล้ว ไม่มีทางเป็นไส้ศึกของฝ่ายตรงข้ามได้หรอก ถ้าเป็นไส้ศึก ก็ไม่มีทางพากองทัพหนึ่งแสนนายมาเข้าร่วมกับพวกเราได้ ยิ่งไม่มีทางเอาตัวเองเข้าไปสถานการณ์แบบนี้อีกด้วย ก่อนที่จะเข้าร่วม พี่น้องคนนี้ได้พูดไว้ว่าห้ามถามตัวตนของเขา พวกเราควรจะเชื่อใจกันและกัน
“งั้นก็ส่งต่อคำสั่งของผม โจมตี!” คำพูดสุดท้ายสองคำเย่เฟยพูดออกมาอย่างรุนแรง พร้อมกับการเผด็จการโดยสมบูรณ์แบบ
ชายรูปงามส่ายหน้าอย่างจนปัญญา อยากจะพูดอะไร สุดท้ายกลับอดกลั้นไม่ได้พูดออกมา
ขณะนี้ ได้มีผู้ชายที่รูปร่างกำยำเหมือนกันคนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกประตูอีกครั้ง “รายงานครับ! ศัตรูเริ่มโจมตีอย่างหนัก กำลังไม่ลดแถมเพิ่มขึ้นอีกครับ”
เย่เฟยและพลเอกแห่งยุโรปหน้าถอดสี ถามว่า “อะไรนะ? กองกำลังสนับสนุนของพวกมันถึงแล้วเหรอ?”
“เปล่าครับ! ยังคงเป็นสำนักเจ็ดพิฆาตเมื่อกี๊อยู่ เพียงแต่พวกมันไม่คิดจะถอยทัพหรือป้องกัน กลับกันเปิดฉากโจมตี และกล้าหาญ มากกว่าการป้องกันเมื่อกี๊ห้าเท่า”
พลเอกแห่งยุโรปมองทั้งสองคน ชายรูปงามหรี่ตาแล้วกล่าวอย่างครุ่นคิดว่า “มีกลลวง!”
แต่เย่เฟยกลับพูดว่า “ไม่เป็นไร พวกเราพร้อมรบ!”
พลเอกแห่งยุโรปครุ่นคิดไปสักพัก จากนั้นตะโกนเสียงดังว่า “ดี งั้นจะส่งต่อคำสั่งของฉัน พร้อมรบ!”
หลังจากตะโกนจบ เขาก้าวย่างออกไปนอกประตู เย่เฟยเห็นดังนี้ก็ตามออกไป ชายรูปงามก็ไม่อยู่โดยปริยาย
ไม่นาน สงครามได้เปิดฉากขึ้นอีกครั้ง นี่เป็นสงครามระหว่างสามหมื่นคนต่อสามแสนคน ทั้งสองฝ่ายสู้รบกันจนเปลวไฟของกระสุนและระเบิดลอยละล่อง เสียงระเบิดดังสนั่น ปฐพีถูกย้อมด้วยเขม่าควัน
ขณะนี้ พลเอกแห่งยุโรปถามว่า “คนนำทัพคือใคร? มีฝีมืออยู่นะ”
ในสนามรบ เขาได้เห็นเงาของมังกรดุแล้ว ชายรูปงามกล่าว “เท่าที่ผมรู้มา นั่นเป็นเพียงแนวหน้าคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายรองผู้นำของสำนักเจ็ดพิฆาต ในกลุ่มคนพวกนี้ ผมยังไม่เห็นเงาของรองผู้นำสักคนเลย”
“อ๋อ?” พลเอกแห่งยุโรปถาม “งั้นความหมายของคุณคือ? คนที่อยู่ในสนามรบนี้ล้วนเป็นทหารกุ้งขุนพลปู?”
ชายรูปงามพยักหน้าอย่างครุ่นคิดแล้วกล่าว “เทียบกับฝีมือโดยรวมของสำนักเจ็ดพิฆาต เป็นแบบนี้ไม่ผิด”
“เหอะๆ!” ทันใดนั้นพลเอกแห่งยุโรปหยิบปีนไรเฟิลยิงระยะไกลกระบอกหนึ่งออกมา เขาใช้เลนส์ซูมแปดเท่าเล็งหัวของมังกรดุ แต่เขาไม่ได้ลั่นไก แต่สังเกตฝีมือของมังกรดุผ่านเลนส์ซูมแปดเท่า
ฝีมือของเขาค่อนข้างแข็งแกร่ง ในสนามรบไม่มีใครต้านทานเขาได้ ต่อให้กระสุนผ่านตัวเขาไป เขาก็สามารถหลบได้อย่างสบาย เมื่อเห็นฉากนี้ พลเอกแห่งยุโรปวางปีนไรเฟิลในมือลง แล้วพูดเองเออเองว่า “แนวหน้า ฝีมือน่าจะพอๆกับรองผู้นำอะไรนั่นที่คุณพูดมาทั้งหมดสินะ! ผมว่าคนของสำนักเจ็ดพิฆาตแห่งประเทศหวาก็งั้นๆแหละ แค่ฝีมืออย่างไอ้นั่น ครั้งเดียวผมก็ฆ่ามันได้แล้ว! ผมจะลงไปเล่นกับมัน!”
พูดพลาง เขาจะเดินไปในสนามรบ แต่เพิ่งเดินไปได้สองก้าว ชายรูปงามรีบยกมือขึ้นคว้าแขนของเขาไว้ ส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่ต้องไปแล้ว! เรามาคิดแผนรับมือชั่วคราวที่เหมาะสมดีกว่า!”
“อะไรคือแผนรับมือชั่วคราวที่เหมาะสม?” พลเอกแห่งยุโรปถามด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความงงงวย
จากนั้นเขาขมวดคิ้วกล่าว “ตอนนี้พวกเราได้เปรียบอีกฝ่ายอยู่ ไม่ว่าจะเป็นด้านกำลังคนหรือศักยภาพล้วนแข็งแกร่งมากกว่าสำนักเจ็ดพิฆาตอะไรนี่เยอะ!”
ชายรูปงามส่ายหน้าเบาๆจากนั้นเงยหน้ามองท้องฟ้า แล้วกล่าวอย่างพึมพำว่า “คนนั้น มาแล้ว! ถ้ายังไม่ออกมาตรการ สงครามนี้จะจบลงอย่างรวดเร็ว”