จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 569 ผู้ที่ทำร้ายประเทศหวา ตาย
ต้องพูดว่าความโลภของคนนั้นมีอยู่ทุกที่ ต่อให้ชีวิตอยู่บนความอันตราย ล้วนไม่มีใครถูกเรื่องดีๆแบบนี้สะกิดใจได้
ทุกคนล้วนเป็นคนที่อยู่ในสนามรบ ใครก็รู้ว่าฐานันดรศักดิ์หมายถึงอะไร นั่นคือเกียรติคุณและทรัพย์สินเงินทอง คนตายเพราะทรัพย์นกตายเพราะอาหาร นี่เป็นคำคมตลอดกาล!ผ่านมาหลายปี ไม่มีใครสงสัยในความเป็นจริงของประโยคนี้
คนพวกนั้นเริ่มเคลื่อนกำลังพล พลซุ่มยิงพวกนั้นที่หลบซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆก็เริ่มปฏิบัติการ
จากนั้น กระสุนจำนวนมากได้ยิงไปบนกำแพงเมือง แต่ ตอนที่กระสุนลอยไปที่ร่างกายคนนั้น เขาเหมือนกับผี หายตัวไปแล้ว
เมื่อกี๊ยังยืนอยู่บนกำแพงเมือง นึกไม่ถึงว่าแว็บเดียวจะหายไปอย่างไรร่องรอย เหมือนกับไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน
พลเอกแห่งยุโรปก็ส่งเสียงอย่างสงสัยขึ้นมา ดวงตาเริ่มมองไปรอบๆ เขาไม่เคยเห็นเรื่องที่แปลกประหลาดแบบนี้มาก่อน นึกไม่ถึงว่าคนๆหนึ่งจะหายไปจากสายตาของผู้คนได้ นี่มันขวานผีงานเทพอะไรกันเนี่ย
คนที่ยิงปืนเหล่านั้นต่างงงงวย เมื่อกี๊คนนั้นยังอยู่ในรัศมีการยิงของตนอยู่เลย แต่แว็บเดียวก็หายไปแล้ว หรือสิ่งนั้นที่พวกเขาเห็นเมื่อกี๊ไม่ใช่คน แต่เป็นเงาของจินตภาพงั้นเหรอ?
ในตอนที่สายตาของพวกเขาสังเกตการณ์ไปรอบๆนั้น จู่ๆไม่รู้ว่ามีกระสุนจำนวนไม่น้อยลอยออกมาจากตรงไหน ถึงขั้นยังมีอีกสามนัดยิงมาทางพวกเขา ถ้าไม่ใช่ฝีมือทั้งสามคนว่องไว อาจจะโดยยิงไปแล้ว
“ฟิ่วๆๆ!” ได้ยินเพียงเสียงดังสนั่น ได้เห็นคนที่ซ่อนอยู่ในมุมมืดหลายคนล่วงลงกับพื้น หัวของพวกเขาเป็นรูเลือดทั้งหมด เป็นกระสุนเจาะหัวของพวกเขาไป
“ผู้ที่เข้าประเทศหวาของฉัน ตัดหัว!” เสียงที่ราวกับปีศาจกระจายไปทั่วท้องฟ้าของสนามรบ นาทีนี้ เปลวไฟของสนามรบถูกจุดขึ้นทั้งหมด การต่อสู้นี้ได้เริ่มเข้าสู่จุดสุดยอดแล้ว
บุคคลที่ถูกสำนักเจ็ดพิฆาตขนานนามว่าจอมพลโผ้จวินนั้นปรากฏตัวต่อสายตาของผู้คนอีกครั้ง เขายังคงยืนอยู่บนกำแพงเมืองที่สูงนั่น แววตายังคงเย่อหยิ่งอย่างนั้น สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนคือ ในฝ่ามือของเขามีคนเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน นั่นคือคนที่มากับพลเอกแห่งยุโรป และถือได้ว่าเป็นนักรบคนหนึ่ง ความสูงเพียงพอสองเมตร กำลังสู้รบเต็มเปี่ยม อย่างน้อยคนเดียวสามารถสังหารหลายร้อยถึงเป็นพันคนได้ พูดได้ว่าแข็งแกร่งไร้เทียมทาน
แต่ เขาถือจับไปเมื่อไหร่กัน ไม่มีใครรู้เลย ราวกับแว็บนั้นที่เขาหายไป ไม่เพียงยิงกระสุนออกมาเท่านั้น ยังจับคนไปอีกด้วย ในขณะนี้ ในมือของคนนั้นเหมือนกับลูกไก่ในกำมือ สูญเสียซึ่งการดิ้นรนโดยสิ้นเชิง
จู่ๆคนนั้นชูชายฉกรรจ์นั่นด้วยมือเดียว ตะโกนใส่นักรบที่อยู่ด้านล่างกำแพงเมืองว่า “สังเวย!”
เพิ่งพูดจบ เห็นเพียงมือของเขาปัดไป เลือดก็กระฉูดออกมา ชายฉกรรจ์แห่งยุโรปตายแล้ว ตายไปแบบนี้
“จอมพลโผ้จวิน!”“จอมพลโผ้จวิน!”“จอมพลโผ้จวิน!”“…”
เสียงตะโกนอย่างพร้อมเพรียงยังคงดังกระหึ่ม อารมณ์ของทุกคนเดือดพล่านขึ้นมา
“เอาชุดทำสงครามมาให้ฉัน!” ฟางเหยียนยกมือขึ้นมาถอดชุดกันลมสีดำบนเรือนร่าง แล้วโยนมันลงไปจากบนกำแพงเมือง ชุดกันลมนี้ราคาสามแสนแปดหมื่นแปดพัน แล้วเขาก็โยนมันไปแบบเนี่ย
ด้านหลังของเขา มีคนที่ลักษณะเหมือนกับมนุษย์หมาป่าอย่างกับแกะกันมาคนหนึ่งเดินมา ในมือของเขาถือชุดทหารสีดำตัวหนึ่งไว้ ชุดนั่นสำหรับคนที่สูงส่งที่สุดจึงจะสามารถสวมใส่ได้ และขณะนี้ ก็มีเพียงคนที่สูงส่งที่สุดคนนี้เท่านั้นที่คู่ควรกับมัน
ทันใดนั้น หลังจากที่เขาสวมชุดเสร็จแล้ว ทั้งตัวก็ดูดีมีราศีขึ้นมา เขาเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขายกมือขึ้น โบกมือ ตะโกนเสียงดังเหมือนพรั่งพรูออกมาว่า “คนที่รุกล้ำดินแดนประเทศหวาของเรา ตัดหัว!”
เลือดอันร้อนรุ่มของสำนักเจ็ดพิฆาตทุกคนกำลังปะทุขึ้นในนาทีนี้ เสียงที่พร้อมเพรียงและมีความกล้าหาญดังสะเทือนฟ้าดิน “ฆ่ามัน!”
เสียงตะโกนนี้ ราวกับคลื่นยักษ์ที่ฉางซา ถาโถมอย่างรุนแรง! ความตื่นตัวและความฮึกเหิมของสำนักเจ็ดพิฆาตถูกจุดติดขึ้นมาในบัดดล
ทันใดนั้น เสียงปืน และเสียงตะโกนดังวุ่นวายขึ้น สงครามที่แท้จริงได้เริ่มขึ้นแล้ว
การปรากฏกายของคนนั้นเหมือนกับปลุกระดมจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของทุกคนสำนักเจ็ดพิฆาตขึ้น แว็บเดียวพวกเขา เหมือนกับเปลี่ยนไปเป็นอีกกลุ่มเลย ราวกับไม่กลัวแม้กระทั่งความตาย สามหมื่นคน โจมตีสามแสนคน แต่นาทีนี้สามแสนคนซีดและไร้เรี่ยวแรง
ไม่นาน สามแสนคนถูกโจมตีจนแพ้พ่ายรัวๆ บางคนถึงขั้นทิ้งปืนแล้วหนี พวกเขาผวา วุ่นวายแล้ว สำนักเจ็ดพิฆาตก็เริ่มแสดงพลังของกำแพงเหล็กของพวกเขาออกมา รุนแรงมาก ดุดันมาก ต่อให้เป็นพลเอกแห่งยุโรปที่สังหารคนมากมายในสนามรบก็ยังไม่เคยเห็นฉากที่เว่อวังขนาดนี้มาก่อน ตอนนี้เขาเริ่มเสียใจที่มาประเทศนี้ขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
เขารู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งมาก ในความคิดของทหารต่างชาติคือไม่สามารถรุกรานเข้ามาได้ แต่เขาก็ยังไม่เชื่อ!
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าอะไรคือฝันร้าย แต่ เขาไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้ จับโจรเอาหัวโจร นี่เป็นกลยุทธ์ในสนามรบ สายตาของเขามองไปยังคนที่เหมือนเงาในสนามรบทันใด
ขอให้เป็นที่ๆเขาเคยเดินไป ล้วนมีคนลงไปกองหลายคน และคนที่ล้มกองลงไปล้วนไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย กองลงกับพื้นโดนยิงไม่กี่นัด ก็สูญเสียชีวิตไปโดยตรง
ฆ่าคน สำหรับคนนั้นแล้ว ราวกับเป็นความสามารถที่ติดตัวเขามาโดยกำเนิด
เขากลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ พูดกับทั้งสองคนว่า “ไป พวกเราไปฆ่าไอ้นั่นกัน ถ้าไม่ฆ่ามัน เปลวไฟของพวกมันจะโชคโชนขึ้นเรื่อย”
พูดพลาง เขากำหมัดแน่น ทั้งตัวได้กลายเป็นเกรี้ยวกราดขึ้นมาแล้ว
เขาไม่รอปฏิกิริยาโต้ตอบของสองคน ตนก็ได้เข้าไปในสนามรบ เย่เฟยเห็นดังนี้ ก็ตามเข้าไป แต่ถูกชายรูปงามจับไว้ เขาส่ายหัวให้เย่เฟยแล้วกล่าว “อย่าวู่วาม พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน! ตอนนี้ไปก่อน ยังมีโอกาส ผมพาคุณไปที่ที่หนึ่ง พวกเราค่อยกลับมาใหม่ ตราบใดที่ยังมีชีวิตย่อมมีหวัง”
“สารเลว!” เย่เฟยกัดฟันตะคอกออกมา “แกจะให้ฉันไม่สนใจทิ้งพี่น้องของฉันงั้นเหรอ? แกรู้มั้ยว่าพรรคพวกเหล่านี้ของฉันผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน พวกเขาใครบ้างที่ไม่ได้ขึ้นเหนือร่องใต้กับฉัน ถ้าวันนี้ฉันทิ้งพวกเขาไป แล้วต่อไปฉันจะใช้ชีวิตยังไง ต่อให้ตาย ฉันก็จะตายไปพร้อมกับพี่น้องของฉัน!”
“แต่ เราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันนะ!”
“แล้วไง? ถ้าแกกลัว ก็ไปเองสิ!”
ในตอนที่เขาพูดประโยคนี้จบ เขาได้เห็นเหตุการณ์ที่ทำให้ตัวเองยิ่งอยากสู้รบบุกไปข้างหน้าอย่างไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเอง นึกไม่ถึงว่าคนนั้น จะผู้ใต้บังคับบัญชาที่ภักดีที่สุดของตน ชายหน้าบากนั้นถูกฟางเหยียนฆ่าตายด้วยวิธีการที่ง่ายดายที่สุดแล้ว
เขาพยายามขัดขวางการโจมตีของฟางเหยียน แต่เขาอ่อนแอเกินไป ไม่มีโอกาสได้ลงมือก็ถูกสังหารอย่างรวดเร็วแล้ว ฟางเหยียนฆ่าเขาง่ายเหมือนหายใจอย่างไรอย่างนั้น การกระทำเดียวก็สำเร็จแล้ว ปาดคอ เหมือนกับการบี้มดตายง่ายดายอย่างนั้น
ไม่ว่าเขาจะสำคัญกับเย่เฟยขนาดไหน และอยู่ในทหารรับจ้างแห่งเอเชียจะกล้าหาญขนาดไหน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฟางเหยียน ก็งั้นๆ เป็นไอ้สวะที่ถูกฆ่าได้ตลอดเวลา
“อ้า!” เมื่อเย่เฟยเห็นเหตุการณ์นี้ ก็เหมือนบ้าไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น เขายิ่งจากไปไม่ได้เข้าไปใหญ่
เขากระโดดลงมาจากกำแพงเมืองที่สูงขนาดสิบเมตรโดยตรง เข้าร่วมในการรบทันที