จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 589 พฤติกรรมแปลกประหลาดของฉู่หยาง
หลังจากบอกลาฉู่หยาง ฟางเหยียนก็เดินตรงไปหาเย่ชิงหยู่
เขาเพิ่งจะมาถึงตรงหน้าของเย่ชิงหยู่ เย่ชิงหยู่ก็รู้สึกว่าหัวใจของเธอกำลังเต้นแรงขึ้นมา ราวกับว่าเธอกำลังประหม่าที่ได้เจอเทพบุตรที่ตนแอบรักมาเป็นเวลานาน
ตอนนี้ฟางเหยียนนับวันยิ่งแปลกมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเพราะเธอไม่รู้ว่าฟางเหยียนนั้นยังมีความสามารถที่ยังไม่ได้แสดงออกมามากมายขนาดไหนกันแน่
“ไอดอล เซ็นชื่อให้ฉันหน่อยสิ เมื่อกี้เพลงที่คุณเล่นทรงพลังเกินไปแล้ว ฉันว่าคุณจะต้องมีโอกาสเป็นดาราแน่ๆ ถ้าคุณโอเค ฉันสามารถแนะนำคุณให้รู้จักกับอาจารย์ได้ เขาฝึกฝนคนมามากมาย”
เสิ่นตานถือกระดาษแผ่นหนึ่งอยู่ในมือ จากนั้นก็มองไปที่ฟางเหยียนด้วยความคาดหวัง
ฟางเหยียนเหลือบมองดูเธอ จากนั้นก็ยกมือขึ้นคว้าเย่ชิงหยู่ที่ยังดูมึนงงและพูดว่า “ไปกันเถอะ!”
ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าร่วมงานแต่งงานนี้แล้วจริงๆ ติงห้าวบนเวทีมีท่าทางแบบนั้นไปแล้ว ยังมีเหตุผลอะไรที่จะอยู่ต่อไปอีก ดังนั้นพวกเขาจึงออกจากโรงแรมไป
เสิ่นตานและคนอื่น ๆ มองหน้ากันไปมา นี่ช่างไม่ไว้หน้ากันเกินไปแล้ว!
“หยิ่งจริงๆ มีดีอะไรกัน”
เมื่อออกมาด้านนอกโรงแรมท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว เย่ชิงหยู่หลังจากถูกสายลมพัดปลิวใส่เธอก็ค่อยได้สติกลับมา เธอมองไปที่ฟางเหยียนซึ่งอยู่ข้างๆและถามด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า “ฟางเหยียน เพลงที่คุณเพิ่งเล่นเมื่อกี้นั้นไพเราะมากจริงๆ! คุณไปเรียนรู้มันมาจากที่ไหน? ทำไมฉันถึงไม่รู้ว่าคุณสามารถเล่นขลุ่ยไม้ไผ่ได้”
ฟางเหยียนยิ้มจางๆและเอ่ยว่า “ตอนที่ผมอยู่ในกองทัพ เวลาไม่มีอะไรทำก็ได้แต่ต้องเล่นเพลงเพื่อรำลึกถึงอดีต บังเอิญผมได้ไปเห็นบทเพลงนี้เข้า ดังนั้นก็เลยเรียนรู้มันในตอนนั้น คุณเองรู้ไหม กองทัพเป็นที่ที่น่าเบื่อ หากไม่มีอะไรมาล้างจิตใจ คนทั้งคนก็อาจจะพังทลายลงได้”
“เพลงเมื่อครู่นั้น อันที่จริงในคือความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ของคนๆหนึ่งต่ออนาคต!”
“อืม!” เย่ชิงหยู่จับมือฟางเหยียนและพูดว่า “คุณเก่งมาก! เมื่อครู่คนเหล่านั้นถูกคุณเล่นเพลงจนร้องไห้ไปแล้ว เปียโนไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับขลุ่ยไม้ไผ่จริงๆ ติงห้าวที่อยู่บนเวทีก็แทบจะร้องไห้อยู่แล้ว”
ฟางเหยียนยิ้มอย่างขมขื่นและไม่พูดอะไร
เย่ชิงหยู่นั้นใส่ซื่ออย่างมาก แม้ว่าเธอจะเคยประสบกับเรื่องที่ไม่น่ายินดีมาก่อน แต่หัวใจของเธอก็ยังคงงดงามสมบูรณ์แบบและเรียบง่าย
ผู้หญิงแบบนี้จะให้คนไม่รักได้อย่างไร?
ในเวลานี้ มีรถจอดอยู่ข้างๆฟางเหยียน
หลังจากประตูรถเปิดออก ฉู่หยางก็ลงมาจากรถ
เขายืนอยู่ต่อหน้าหยางอี สองมือประสานและเอ่ยขึ้น “น้องชายท่านนี้ สะดวกไหมที่จะพูดคุยกับคุณ?”
ฟางเหยียนพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “แน่นอน! ท่านฉู่ คุณคิดได้แล้ว และมาที่นี่เพื่อเอาขลุ่ยไม้ไผ่ของคุณคืนใช่ไหม?”
พูดจบ เขาก็ยื่นขลุ่ยไม้ไผ่ให้ฉู่หยาง
เมื่อฉู่หยางเห็นดังนั้น เขาก็รีบโบกมืออย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “ไม่ ไม่ ไม่ ฉันไม่ได้มาเพื่อเอาขลุ่ยไม้ไผ่คืน จากนี้เป็นต้นไป ขลุ่ยไม้ไผ่นี้ก็เป็นของคุณแล้ว ฉันมีเรื่องบางอย่างอยากจะคุยกับคุณลำพัง ไม่ทราบว่าคุณสะดวกสักครู่หนึ่งไหม?”
ขณะพูด ดวงตาของเขาก็มองไปที่เย่ชิงหยู่ แสดงให้เห็นว่ามีเย่ชิงหยู่อยู่ที่นี่ เขาไม่ค่อยสะดวกที่จะพูด
เมื่อเย่ชิงหยู่เห็นดังนั้นเธอก็รีบพูดขึ้น “เอ่อ ฉันไปรอคุณอยู่ข้างหน้าดีกว่าค่ะ ฉันจะไปซื้ออะไรสักหน่อยพอดี”
ฟางเหยียนจับมือของเย่ชิงหยู่เอาไว้แน่นและพูดว่า “ไม่ต้องไป”
“ท่านฉู่ นี่คือภรรยาของผม เธอมีสิทธิ์ที่จะรับรู้ทุกอย่าง คุณมีเรื่องอะไรสามารถพูดออกมาได้ตามตรงไม่เป็นไร!”
ฉู่หยางตกตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นเขาก็หัวเราะหึหึและพูดว่า “ฉันระวังเกินไปแล้ว”
พูดจบ เขาก็หลับสู่สีหน้าจริงจังและพูดว่า “ฉันแค่อยากให้คุณดูแลขลุ่ยไม้ไผ่นี้ให้ดีๆ ขลุ่ยไม้ไผ่นี้อยู่กับฉันมาครึ่งชีวิตแล้ว หากไม่ใช่เพราะเจอกับเจ้าของที่เหมาะสมแล้ว ฉันเองก็คงตัดใจจากมันไม่ได้จริงๆ”
ฟางเหยียนยื่นขลุ่ยไม้ไผ่ให้ฉู่หยางอีกครั้งโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆและกล่าวว่า “นี่แต่เดิมก็เป็นของคุณ ถ้าคุณตัดใจไม่ลงก็รับไปเถอะ!”
อันที่จริง ฟางเหยียนไม่ได้อยากจะได้ขลุ่ยไม้ไผ่พังๆนี่ ในความเห็นของเขา ขลุ่ยไม้ไผ่นี้ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ
ฉู่หยางโบกมืออย่างรวดเร็วและพูดว่า “ไม่ ไม่ ไม่ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ไม่มีใครในโลกนี้เหมาะที่จะครอบครองมันมากไปกว่าคุฯแล้ว บางทีตอนนี้คุณอาจจะยังไม่เข้าใจมัน แต่ไม่ช้าก็เร็วคุณจะเข้าใจคำพูดของผม ได้โปรดคุณช่วยรักษามันเอาไว้ดีๆด้วย!”
ฟางเหยียนเอ่อรับก่อนจะพูดขึ้น “ฉันจะทำให้ดีที่สุด!”
“ขอบคุณ! ผมเชื่อคุณ คุณฟาง” ขณะที่เขาพูด ใบหน้าชราของฉู่หยางก็มีน้ำตาไหลพาดผ่าน
จากนั้น ฉู่หยางก็ขึ้นรถไปและนั่งอยู่ในรถ เขายังไม่ลืมที่จะพูดประโยคแฝงด้วยความหมายกับฟางเหยียน “จำเอาไว้ ท่วงทำนองนอกจากจะเป็นความงดงามแล้ว มันยังอาจเป็นสิ่งที่ร้ายกาจที่สุดด้วย มีเพียงผู้มีคุณธรรมเท่านั้น ที่จะทำให้มันเกิดเป็นทำนองที่ดีที่สุดได้ หากมันตกเข้าสู่เงื้อมมือของคนอื่น มันก็จะเกิดเป็นความโชคร้ายสำหรับประเทศหวาของเรา คุณฟาง Fโปรดทะนุถนอมมันให้ดี!”
พูดจบ รถสีดำก็จากไปและหายไปจากอีกด้านของถนน!
นี่คือชายชราที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง แต่คำพูดของเขาดูเหมือนจะสะท้อนให้เห็นว่าขลุ่ยไม้ไผ่นั้นไม่ธรรมดา เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฟางเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะมองดูขลุ่ยไม้ไผ่ในมือของเขาอีกครั้ง
มันไม่มีอะไรเป็นพิเศษเลยจริงๆ มันเป็นแค่ขลุ่ยไม้ไผ่ธรรมดาๆเท่านั้น
บางทีนี่อาจเป็นเพียงการประเมินค่าสูงเกินไปของชายชราต่อสิ่งที่เขารัก อย่างที่ฉู่หยางพูดเอาไว้ ขลุ่ยไม้ไผ่นี้อยู่กับเขามาเกือบทั้งชีวิตแล้ว
“ท่านฉู่มีความผูกพันต่อขลุ่ยไม้ไผ่นี้อย่างแท้จริง เมื่อครู่หางตาของเขามีน้ำตาด้วย” เย่ชิงหยู่กล่าวเบาๆ
ฟางเหยียนพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า “ใช่ ในเมื่อเขาเป็นคนที่ต่อสู้ดิ้นรนมาทั้งชีวิตเพื่อวัฒนธรรมดั้งเดิมของประเทศหวา”
ทั้งสองยังคงเดินช้าๆบนถนน ด้านหนึ่งเดินไป ด้านหนึ่งสนทนาพูดคุย
นี่เป็นคืนที่น่ารื่นรมย์อย่างยิ่ง สำหรับเย่ชิงหยู่แล้ว ชีวิตที่ธรรมดาๆนี้นั้นคือความหรูหราอย่างหนึ่ง ชีวิตของคนอื่นคือการพาลูกออกไปเดินเล่นหลังทานอาหารเย็น มองดูแล้วมีความสุขและกลมกลืนกันอย่างยิ่ง แต่เย่ชิงหยู่กลับไม่ค่อยได้มีโอกาสแบบนั้นในชีวิต แม้กระทั่งการได้ออกมาเดินช้อปปิ้งกับฟางเหยียนก็มีน้อยครั้งเป็นอย่างยิ่ง!
ดังนั้นในเวลาแบบนี้ เธอจึงหวงแหนมันเป็นอย่างมาก
วันนั้ไม่ได้ขับรถมา ก็เพราะเธอจะได้เดินเล่นไปกับฟางเหยียนหลังจากงานเลี้ยงแนะนำจบลง
บางครั้งเธอก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าฟางเหยียนจะสามารถเป็นคนธรรมดาๆทั่วไปได้ แต่เธอก็ไม่กล้าพูด! ใครใช้ให้ฟางเหยียนนั่งในตำแหน่งดังกล่าวกัน หากต้องการมีความรุ่งโรจน์ เป็นผู้หญิงที่ทุกคนในโลกอิจฉา อย่างนั้นก็ต้องแบกรับความเจ็บปวดที่คนธรรมดาไม่อาจรับได้ ตอนนี้ เย่ชิงหยู่กำลังประสบกับชีวิตเช่นนี้
บางทีคนอื่นอาจจะอิจฉาเธอ แต่เธอกลับอิจฉาชีวิตเรียบง่ายของคนอื่น
ชีวิตคนเราบนโลก ทำไมต้องไปอิจฉาคนอื่นกัน? บางทีชีวิตของคุณตอนนี้อาจเป็นความอิจฉาของคนอื่นก็ได้
ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินไปอย่างเงียบ ๆ บนถนน ทันใดนั้น ก็มีครอบครัวหนึ่งที่ประกอบด้วยคนสามคนปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา
ผู้ใหญ่สองคนกำลังทะเลาะกัน ส่วนเด็กกำลังส่งเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น
ผู้หญิงด่าผู้ชายว่า “บอกแล้วว่าอย่าเอาแต่เล่นไพ่นกกระจอกทั้งวัน คุณดูสิว่าครอบครัวนี้กลายเป็นอะไรไปแล้ว? ทั้งวันไม่คิดอยากจะทำงาน ฉันรู้ว่าคุณออกไปเล่นกับเพื่อนดื่มเพื่อนเที่ยวพวกนั้นทั้งวัน คุณเคยสนใจพวกเราบ้างไหม?”