จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 595 จักรพรรดิจักรพรรดิชิงตี้!
พวกเขาไม่เพียงต้องการให้ฟางเหยียนทำลายล้างตระกูลไร้หน้า แต่ยังคิดจะยืมมือของฟางเหยียนทำลายล้างตระกูลลึกลับทั้งห้าอีกด้วย บางที ตระกูลลึกลับทั้งห้าอาจมีส่วนสำคัญดั่งเส้นเลือดใหญ่ของประเทศหวา เพลิงเสวนคิดอยากทำตัวเป็นก้างขวางคอและต้องการทำลายสำนักลึกลับทั้งห้าลง
หรือเป็นเพราะว่าตระกูลลึกลับทั้งห้าไปขวางเพลิงเสวนเอาไว้?
ดูเหมือนว่า ฟางเหยียนจะทำอะไรผิดพลาดลงไป!
“ดูเหมือนนายจะไม่รู้อะไรเลยจริงๆ นายนี่ช่างน่าสงสาร แต่ว่าที่ฉันแปลกใจมากก็คือ ทำไมฉิวหลงหยางถึงได้ต้องการมอบขลุ่ยวิเศษนี้ให้กับนาย?” หญิงสาวถามในสิ่งที่ตนสงสัยและคิดไม่ตกออกมา
ฉิวหลงหยางที่เธอพูดถึงแน่นอนว่าก็คือ ฉู่หยาง ฉู่หยางนั้นเป็นเพียงนามแฝงของเขา
เมื่อเห็นฟางเหยียนยังไม่ตอบ หญิงสาวก็พูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่า “ไม่อย่างนั้นนายเอาขลุ่ยวิเศษมาให้ฉันเถอะ ถ้านายมอบมันให้กับฉัน ก็จะไม่มีใครมาหานายอีก ไม่อย่างนั้นคนพวกนั้นก็จะตามหานายอย่างไม่หยุดหย่อนเพื่อขลุ่ยวิเศษ ถ้านายยังไม่ยอมมอบมันออกมาหนึ่งวัน ชีวิตของนายก็จะต้องอยู่ในความวิตกกังวลไปอีกวัน”
“หึหึ!” ฟางเหยียนหัวเราะอย่างเย็นชาจากนั้นจึงถามว่า “เธอคิดว่าฉันจะกลัวไหม?”
“ฉันรู้ว่านายไม่กลัว แต่ว่าพวกเขาสามารถทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ฉันได้แค่แนะนำอย่างหวังดี!”
“เธอกำลังจะตายอยู่แล้ว ทำไมถึงได้พูดมากขนาดนี้?” ฟางเหยียนจ้องมองไปที่ดวงตาของหญิงสาวและเอ่ยถาม
เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวหลบตาไปอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “นั่นเป็นเพราะฉันชอบนายแล้ว! ฉันคิดว่านายเป็นแนวที่ฉันชอบ อีกทั้งยังเป็นผู้ชายคนเดียวที่ฉันเห็นว่าสามารถเอาชนะฉันได้”
“อย่างนั้นก็ดี ฉันจะได้ฆ่าเธอเดี๋ยวนี้เลย!” ฟางเหยียนกล่าวอย่างเย็นชา
หญิงสาวส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ นายไม่มีทางฆ่าฉัน อีกทั้งนายจะต้องตกหลุมรักฉันและแต่งงานกับฉันด้วย”
“พูดจาเพ้อเจ้อ!” ฝ่ามือของฟางเหยียนกลายเป็นมีดอีกครั้ง
ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนี้เอง ทันใดนั้นก็มีผู้หญิงหลายคนลอยมาจากบนฟากฟ้า พวกเธอล้วนลอยเข้ามา ด้านหนึ่งก็ตะโกนใส่ฟางเหยียน “หยุดมือ ปล่อยจักรพรรดิจักรพรรดิชิงตี้!”
ภาพหญิงสาวหลายคนลอยมาจากแดนไกลแบบไหน ออกจะดูเกินจริงไปอยู่บ้าง
สิ้นเสียงของหญิงสาวลงก็เห็นเป็นมีดน้ำแข็งหลายเล่มพุ่งเข้ามาทางฟางเหยียน
เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของคนหลายคน ฟางเหยียนจึงปล่อยหญิงสาวทันที
หญิงสาวเหล่านั้นมาถึงข้างกายหญิงสาวที่ถูกจับและล้อมตัวหญิงสาวเอาไว้ จากนั้นก็จ้องไปที่ฟางเหยียนอย่างดุดัน
“จักรพรรดิชิงตี้ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?” ผู้หญิงคนหนึ่งถามขึ้นพร้อมประสานมือคำนับหญิงสาว
หญิงสาวส่ายหัวและพูดว่า “ฉันสบายดี!”
“เจ้าคนอวดดี ถึงกับกล้าโจมตีจักรพรรดิชิง เกรงว่านายจะเบื่อหน่ายกับชีวิตแล้วสินะ!” ผู้หญิงคนหนึ่งตะคอกใส่ฟางเหยียน
จักรพรรดิชิงตี้รีบยกมือขึ้นทันทีและพูดว่า “อย่าฝันจะกำเริบเสิบสาน! ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร พวกเราไป”
ฟางเหยียนไม่ได้ตามไปต่อ นั่นเพราะหญิงสาวผู้นี้ได้ส่งสัญญาณบอกให้เขาจากไปแล้ว อีกทั้งยังไม่ได้บอกถึงสิ่งที่เขาครอบครองเอาไว้ สำหรับคนที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง เขาย่อมไม่คิดจะฆ่าง่ายๆ
“อ้อใช่ นายจำเอาไว้ให้ดี ฉันจะเป็นภรรยาของนาย! แล้วเราจะได้พบกันใหม่เร็วๆ นี้” พูดจบ หญิงสาวพร้อมผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอก็หายไปในความมืดมิดอันกว้างใหญ่
เมื่อมองไปที่ทิศทางการจากไปของหญิงสาว ฟางเหยียนก็ตกอยู่ในความคิด
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจักรพรรดิชิงตี้ถึงได้พูดแบบนั้นออกมา! เธอจะเป็นภรรยาของตนเอง เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน แค่คิดจะแต่งงานกับฟางเหยียนก็สามารถแต่งได้หรือไง?
ฟางเหยียนมองไปที่ขลุ่ยวิเศษในมือ สำนักฉิวหลง หรือว่าขลุ่ยวิเศษอันนี้จะสามารถใช้อัญเชิญมังกรในตำนานได้จริงหรือ?
ไม่สนแล้ว ยังไงมันก็อยู่ในมือของเขาแล้ว อย่างนั้นก็ไม่มีใครสามารถเอามันไปได้ เขาเชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นการจัดการของโชคชะตา ท้ายที่สุดการที่เขาได้รู้จักฉู่หยางนั้นก็เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสิ้น
เมื่อฟางเหยียนกลับมาที่บ้าน เย่ชิงหยู่ก็ยังไม่ได้นอน! เธอยังคงนั่งอยู่บนโซฟาเพื่อรอให้ฟางเหยียนกลับมา
หลังจากที่เห็นฟางเหยียนกลับมา เย่ชิงหยู่ก็กอดฟางเหยียนเอาไว้และเข้าสู่อ้อมกอดของเขา
คืนนี้ ฟางเหยียนนอนหลับไม่สนิทนัก อย่างแรกเป็นเพราะหลังจากมีครั้งแรกกับเย่ชิงหยู่ จากนั้นก็มีครั้งที่สองและสาม ดังนั้นคืนนี้ก็ย่อมมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ต้องทำ
ประการที่สองคือเรื่องการตายของฉู่หยาง เพลิงเสวนฆ่าฉู่หยางแล้ว นั่นหมายความว่าพวกเขาได้เล็งมาที่ตัวเขาแล้ว จากนี้ไปถึงเวลาที่ต้องส่งคนมาปกป้องเย่ชิงหยู่มากขึ้น
ประการที่สามเป็นเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่จักรพรรดิชิงตี้เพิ่งกล่าวไว้ สิ่งที่จักรพรรดิชิงตี้กล่าวเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ? เพลิงเสวนมีจุดประสงค์ต้องการใช้เขาเป็นเครื่องมือในการทำลายล้างสำนักลึกลับทั้งห้าใช่หรือไม่?
คำถามเกิดขึ้นมาติดๆในสมอง จนทำให้ฟางเหยียนรู้สึกเหนื่อยอยู่บ้าง
ตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการปกป้องเย่ชิงหยู่ มีเพียงปกป้องเย่ชิงหยู่ให้ดีเท่านั้น เขาถึงจะสามารถค้นหาคำตอบที่เขาต้องการได้
หินทิพย์ช่วยฟื้นฟูร่างกายของเขาได้จริงหรือไม่? ตอนนี้เขามีพลังเพียง 60% ของทั้งหมดเท่านั้น มีหลายเรื่องที่เขานั้นมีใจแต่ไร้กำลังจะไปทำ!
อีกทั้งยังมีมุกเทพนั้น สุดท้ายแล้วมันใช้ยังไงกันแน่ ถึงสามารถใช้ประโยชน์มันได้อย่างสูงสุด!
สรุปก็คือ มีคำถามมากมายเกิดขึ้นในใจ การตายของฉู่หยางและไทเทมของเพลิงเสวน เองก็ขัดจังหวะของฟางเหยียนไปแล้ว รวมถึงคำพูดที่จักรพรรดิชิงกล่าวมาทั้งหมด ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกหนักอึ้ง
ถ้าเขาถูกเพลิงเสวนวางแปนเอาไว้ให้ไปทำลายล้างสำนักไร้หน้า แบบนั้นก็น่าโกรธอย่างยิ่ง
สามวันต่อมา หลังจากที่ฟางเหยียนวางแผนจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว เขาก็ออกจากจินโจนโดยตรง เขายังมีสิ่งที่สำคัญกว่าต้องทำ ถ้าเขาไม่จบเรื่องนี้หลง ความรักที่เขามีต่อหญิงสาวก็ไม่อาจใช้มันอย่างสงบได้
แม้ว่าเย่ชิงหยู่จะต้องการให้ฟางเหยียนอยู่กับเธออย่างยิ่ง แต่เธอก็รู้ว่าฟางเหยียนมีสิ่งที่สำคัญกว่าที่ต้องทำ
เช้าวันนั้น ฟางเหยียนก็จากไป เฮลิคอปเตอร์ประจำกองกำลังมารับเขาไปจากบนหลังคาทันที
บุคคลหลักที่ฟางเหยียนต้องการก็คือการหาคนที่ศาสตราจารย์โจวเอ่ยเรียกว่าฉินเสียงหลิน แม้ว่าสิ่งที่ออกมาจากปากของหยางจิ่งเซียนจะแฝงด้วยสีสันของเทพนิยายอยู่บ้าง แต่ว่าบางทีหากหาเขาเจอแล้ว ก็อาจจะสามารถไขความลับของหินทิพย์ได้อาจารย์เคยพูดเอาไว้ว่า หินทิพย์ทั้งสองก้อนนี้สามารถเปลี่ยนแปลงทั้งชีวิตของเขาได้ เขาไม่สามารถเชื่อใจใครในโลกนี้ได้ แต่เขาต้องเชื่อใจอาจารย์ของเขา หากปราศจากอาจารย์ของเขา เขาก็คงไม่ประสบความสำเร็จเช่นในวันนี้ และอาจไม่มีทางอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้
ที่เชิงเขาของภูเขาทิพย์ เขาเดินเท้าเข้าไปข้างหน้า และเหตุผลที่ต้องเดินก็เพราะว่าเขาต้องการแน่ใจเรื่องบางอย่างเกี่ยวกับฉินเสียงหลิน หยางจิ่งเซียนเองก็บอกว่า เขาแค่เคยได้ยินมันมา ได้ยินมาไม่ได้แปลว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง
ดังนั้นฟางเหยียนต้องการการบอกเล่าจากคนในท้องถิ่น หลังจากที่เครื่องบินพาเขามายังอำเภอที่อยู่ใกล้กับภูเขาทิพย์เสร็จมันก็กลับไปทันที ตอนนี้เขาสูญเสียเทียนขุยไปแล้ว เส้นทางจากนี้ไปมีเพียงเขาเท่านั้นที่ต้องเดินไปลำพัง
เขาเคยชินกับการไปไหนมาไหนคนเดียว อันที่จริงฟางเหยียนไม่ชอบการรวมกลุ่มมากนัก
เขานั่งบนรถบัสจากอำเภอไปยังภูเขาทิพย์ ความคิดของฟางเหยียนยังคงล่องลอยขึ้นมาไม่หยุด คนที่นั่งถัดจากเขาเป็นหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง หญิงวัยกลางคนแต่งตัวได้ทันสมัยอย่างยิ่ง เธอสวมชุดสีแดง กระโปรงสั้นสีแดง และรองเท้าส้นสูงสีแดง อีกทั้งยังแต่งหน้าหนาเข้ม ริมฝีปากแดงจัด ดูเหมือนว่าเธอจะชอบสีแดงมาก
หลังจากที่หญิงสาวขึ้นมาบนรถบัส เธอก็เริ่มนอนหลับ หัวของเธอก็ชนกับแขนของฟางเหยียนเป็นครั้งคราว
ฟางเหยียนพิงหน้าต่าง สายตามองออกไปด้านนอกตลอดเวลา ความคิดของเขาเองก็ถูกผู้หญิงคนนี้ทำให้กระทบกระเทือนอย่างกะทันหันไปด้วย
ทันใดนั้น ผู้หญิงที่นั่งข้างฟางเหยียนก็ดูราวกับกำลังฝัน เธอกรีดร้องเสียงหลงขึ้นมา “เฮ้ คุณกำลังทำอะไรอยู่?