จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 602 สัตว์ประหลาดที่ภูเขาทิพย์
“โอว……”
เสียงที่ดังกังวานทั่วฟ้า ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน เสียงคำรามเหมือนกับฟ้าผ่า ราวกับจะฉีกภูเขาทิพย์ออก
“มาแล้วเหรอ?หรือนี่คือสัตว์ในตำนานที่กลางวันไม่ออกมา แต่ออกมาตอนกลางคืนงั้นเหรอ?” ฟางเหยียนพึมพำ กระโดดลง ออกมาจากเต็นท์ จ้องสัตว์ในตำนานที่กำลังจะปรากฏอย่างเตรียมพร้อม!
“อ้า……”
เสียงกรีดร้องดังมาจากด้านหลัง ต่งยู่ตกใจตื่นขึ้นมา อุดหูตัวสั่น ส่งเสียงตกใจออกมาว่า “ฟางเหยียน ฉันกลัว”
ฟางเหยียนไม่ตอบ กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไม่เป็นไรนะ มีผมอยู่”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ต่งยู่ค่อยๆปล่อยวางความอกสั่นขวัญหายลง
การตอบที่ชิลล์ๆของฟางเหยียน เหมือนกับดวงอาทิตย์ที่อบอุ่น ทันใดนั้นก็ทำให้เธออบอุ่นขึ้นมาทันใด
เสียงคำรามยังคงดังต่อไป เสียงคำรามเหมือนกับเสียงผีสางนางไม้ และค่อนข้างเหมือนกับเสียงของลิงอุรังอุตัง เสียงนี้มีแต่เพิ่มขึ้นไม่ลดลง เสียงร้องยิ่งแหลมและรันทดเจ็บปวด ราวกับถูกคนทรมานอย่างไรอย่างนั้น เป็นเสียงผีสางนางไม้จริงๆ หอนไปทุกที่
อย่าว่าแต่ต่งยู่ค่อนข้างหวาดกลัวเลย แม้แต่คิ้วของฟางเหยียนก็ขมวดขึ้นมา เขาทำสงครามมายาวนาน สังหารพวกเสเพลที่คิดจะเข้ามาในประเทศหวาไม่น้อย และเคยเห็นเรื่องราวแปลกๆมาไม่น้อย แต่เมื่อพูดถึงสัตว์ประหลาดภูเขาทิพย์ ก็ทำให้เขาอดที่จะเคร่งเครียดขึ้นมาไม่ได้
มนุษย์ก็เป็นแบบนี้ เช่นผีที่คนเคารพมากที่สุด นี่เป็นความมุ่งหวังของมนุษยชาติที่มีต่อเรื่องที่ไม่รู้มาก่อน ดังคำที่กล่าวว่า เรื่องที่ไม่อยู่ในการควบคุมของมนุษยชาติ จะเต็มไปด้วยความประหลาดใจและเคารพนับถือ ดังนั้นสำหรับเทวดาอีกทั้งเทพผี คนจำนวนมากยังคงหวาดกลัวต่อสิ่งนั้นอยู่
สำหรับฟางเหยียน เสียงร้องคำรามนี้เทียบได้กับการตะโกนของกองกำลังเป็นหมื่นๆพันๆ และยังมีพลังทำลายล้างกว่ากองกำลังเป็นหมื่นๆพันๆ การเข่นฆ่าของสนามรบ ตะโกนฆ่าดังสนั่น แต่เสียงร้องนี้กลับโจมตีในใจของคนได้โดยตรง ทำให้คนเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ ไร้ซึ่งพลัง
ฟางเหยียนกลัวเหรอ?
ไม่!
เขาไม่กลัว เพราะเขาคือฟางเหยียน เขาคือเทพสงครามทรงเกียรติของประเทศหวา และเป็นราชาเพียงคนเดียวเท่านั้น!
ปกป้องดินแดน รักษาความปลอดภัยของประชาชน เป็นความรับผิดชอบที่เลี่ยงไม่ได้ ในเมื่อคุกคามความปลอดภัยของประชากร งั้นเขาก็จะไม่แคร์ที่จะกำจัด เอาความสะอาดกลับคืนมาสู่ดินแดนตะวันตก
“เดี๋ยวหลบที่นี่ห้ามขยับ เข้าใจมั้ย?”
ต่งยู่กำลังจะเอ่ยปาก จู่ๆก็กล่าวอย่างตกใจว่า “อ้า……นี่ นี่มันสัตว์ประหลาดอะไรกัน? เป็นคนหรือผี!”
และนี่ฟางเหยียนจึงได้มองไปที่ต่งยู่ ตากระตุกรัวๆ ที่โล่งกว้างอย่างว่างเปล่า จู่ๆก็ปรากฏสิ่งที่ใหญ่โตมโหฬารขึ้นตัวอย่างหนึ่ง มันสูงใหญ่ เหมือนกับรูปปั้นดินที่หล่อตัวพิมพ์ สูงสองเมตรเห็นจะได้ สูงกว่าฟางเหยียนไปอีกครึ่งหัว ภายใต้แสงไปที่สว่างไสว ขนสัตว์ที่ดำและยาวยุ่งเหยิงกลับชัดเจน ราวกับไร้ที่ติ
มันยืนอยู่ตรงหน้าของทั้งสอง ดูๆแล้วเหมือนภูเขาลูกหนึ่ง
“อาว!” หลังจากคำรามออกมา มันยกมือขึ้นมาทุบหน้าอกตัวเองอย่างรุนแรง จากนั้นแขนขาลงสู่พื้น
หลังจากที่แขนขาอยู่กับพื้น ร่างกายของมันก็เปล่งแสงสีแดงออกมา
แสงนี้เหมือนกับลูกไฟ สว่างไสวขึ้นทันใด ทำให้สายตาของฟางเหยียนถูกเร้าขึ้นอย่างมากที่สุด
เมื่อเขาปรับสายตาได้แล้ว มองไปที่สัตว์ประหลาดนั่น นึกไม่ถึงว่าจะปล่อยออกมาจากร่างกายของสัตว์ประหลาด
นั่นเหมือนกับร่างกายของสัตว์ประหลาดจะเป็นตัวปล่อยแสง ทำให้ป่าทึบที่มืดมิดกลายเป็นกลางวันไปได้
จากความสว่างของแสง รูปลักษณ์ทั้งหมดของสัตว์ประหลาดปรากฏอยู่ต่อหน้าของฟางเหยียน
นั่นเป็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง เป็นสัตว์ประหลาดที่แท้จริง
แขนขาของมันอยู่กับพื้น ฝ่ามือเหมือนคนเป๊ะๆ ขาทั้งสองอยู่ด้านหลัง
บนร่างกายของเขามีความเป็นมนุษย์ มีเพียงศีรษะที่ไม่เหมือนกับศีรษะของมนุษย์โดยสิ้นเชิง
นั่นเป็นศีรษะที่แปลกประหลาดมาก จมูกวัว สายตาก็เหมือนกับวัว ใหญ่มาก และบนศีรษะยังมีเขาสองอัน เขาสองอันนั้นเหมือนกับกวางซิก้า โดดเด่นมาก ผู้ที่ดูไซอิ๋วมาก่อนล้วนน่าจะรู้เขาของตงไห่นาคราช เขาทั้งสองนั้นของมันคล้ายๆกับเขาของตงไห่นาคราช ข้างๆปากของมันยังมีเคราที่ยาว ฟางเหยียนดูออกว่านั่นไม่ใช่ขน นั่นเหมือนกับหนวดของหนวดปลา
มันก็ผมยาว แต่ผมยาวปิดไปถึงหลัง ทำให้คนมองไม่เห็นหูของมัน
“เป็นสัตว์ประหลาดจริงๆด้วย!” ฟางเหยียนจ้องสัตว์ประหลาด แล้วพึมพำเบาๆ
“ฟางเหยียน มันเป็นอะไรกันแน่เนี่ย” ต่งยู่ถามเสียงสั่น
เห็นได้ชัดว่าเธอตกใจเข้าให้แล้ว ในความเข้าใจของเธอ ไม่เคยเห็นสิ่งที่แปลกประหลาดอย่างนี้มาก่อน!
ขณะนี้ แรงอาฆาตฟุ้งกระจายไปทั่วร่างหายของเธอ! เพื่ออาการไข้ของพ่อ ต่งยู่ตั้งใจกลับคืนหยาจื้อที่นี่ กลับไม่คิดว่าจะได้เจอฟางเหยียน และยิ่งไม่คาดคิดเข้าไปใหญ่ว่าจะเจอสิ่งประหลาดแบบนี้ด้วย!
ดูๆแล้วสัตว์ประหลาดนี้สูงใหญ่หาที่เปรียบไม่ได้ แล้วยังโหดเหี้ยม เหมือนฟางเหยียนอยู่ต่อมันแล้วอ่อนแอไปเลย!
หรือตนจะตายที่นี่เหรอ?
ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่ความไอ้นี่มีความกดขี่มาก! ทำให้ต่งยู่ต้องเตรียมใจไว้
แต่หลังจากที่เตรียมใจไว้แล้ว เธอยังมีการปลอบใจอยู่นิดๆ สามารถเสียชีวิตกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าได้ บางทีนี่อาจจะเป็นการปลอบใจที่ดีที่สุดต่อเธอก็เป็นได้
เมื่อนึกถึงจุดนี้ เธอมองฟางเหยียน กลับพบว่าคนด้านหลังใบหน้านิ่งสงบ ท่าทางชิลล์ๆ ท่าทางและแววตานั้นปรากฏความเชื่อมั่นอันแรงกล้าออกมา ใช่ ความเชื่อมั่น ราวกับสัตว์ประหลาดที่อยู่ตรงหน้าก็แค่สิ่งทั่วๆไป
“หรือเขากลัวไปแล้ว?” หลังจากพึมพำจบ ต่งยู่ผิดหวังสุดๆ
ฟางเหยียนยิ่งใหญ่มาก แต่ตอนที่เผชิญกับสัตว์ประหลาดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ยังไงเขาก็ยังเป็นคนนะ!
มองฟางเหยียนที่ยังคงยืนไม่ขยับ ราวกับต่งยู่ได้ทำการตัดสินใจอันใหญ่หลวงอย่างไรอย่างนั้น กัดฟันกล่าวว่า “ฟางเหยียน ไม่งั้นเราหนีกันเถอะ เมื่อกี๊คุณหนีเร็วขนาดนั้น ไม่แน่มันอาจจะไล่เราไม่ทันนะ! ตอนนี่ฉันพักผ่อนเต็มที่แล้ว ฉันก็หนีได้!”
“เหอะ!” ฟางเหยียนดูแคลน ราวกับการหนีนี้เป็นเรื่องตลก
ทำให้ต่งยู่รู้สึกเกรี้ยวกราด เธอกล่าวอย่างค่อนข้างโมโหว่า “ทำไม? ฉันพูดผิดหรือไง?”
“ไม่ต้องหนี เขาคือคนที่ผมตามหา!”
จู่ๆ ฟางเหยียนยืนตัวตรง กำหมัดแล้วกล่าว “ผู้อาวุโส ได้ยินว่าท่านสามารถขจัดปัญหาได้ ผู้น้อยมาหาผู้อาวุโสเพื่อถามปัญหาโดยเฉพาะ! หวังว่าผู้อาวุโสจะสามารถอธิบายให้เข้าใจได้”
เมื่ออยู่ต่อหน้าสัตว์ประหลาดที่มีพลัง ฟางเหยียนไม่มีทางใช้ท่าทางเย่อหยิ่ง เพราะเค้าไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นผู้บำเพ็ญตนที่แท้จริง
ที่สามารถมีรูปลักษณ์พิสดารแบบนี้ แล้วยังมีอายุมานานขนาดนี้ได้ ถ้าไม่ใช่บำเพ็ญตนแล้วจะเป็นอะไร!
ดังนั้นสัตว์ประหลาดที่อยู่ตรงหน้าจะต้องเป็นผู้บำเพ็ญตนลึกซึ้งของลัทธิเต๋าเป็นแน่!
นินจาของประเทศหวาล้วนบำเพ็ญตนด้วยกันทั้งนั้น การที่สามารถฝึกฝนจนทำให้ร่างกายตัวเองเปล่งแสงระดับนี้ได้ มีน้อยมากจริงๆ บางทีสัตว์ประหลาดนี้อาจเป็นผู้บำเพ็ญตนโดยกำเนิดก็เป็นได้ แค่ทำให้คนทั่วไปรับไม่ได้เท่านั้น
“ผู้อาวุโสครับ ในมือของผู้น้อยมีหินทิพย์เมื่อเจ็ดหมื่นปีก่อนก้อนหนึ่ง อยากจะขอคำแนะนำจากท่านโดยเฉพาะ ผมอยากทราบว่าหินทิพย์นี้ใช้อย่างไรเหรอครับ? มีประโยชน์ยังไง?” พูดพลาง ฟางเหยียนหยิบก้อนหินสีแดงหนึ่งสีเขียวหนึ่งสองก้อนออกมาจากกระเป๋าในชุด
ไม่เพียงแค่นี้ เขายังเดินไปที่สัตว์ประหลาดนั่นทีล่ะก้าวทีล่ะก้าว
ถึงแม้ร่างกายของสัตว์ประหลาดจะเปล่งเปลวไฟที่ร้อนผ่านออกมา แต่เมื่อเข้าใกล้เขายังคงไม่รู้สึกอบอุ่นแม้แต่น้อย นี่เป็นร่างกายที่มีจิตวิญญาณ แสงที่เขาเปล่งออกมาทั้งหมดเป็นออร่าที่ปล่อยออกมา และเป็นการระเบิดกำลังภายในจึงจะปล่อยออกมาได้
ในตอนที่ฟางเหยียนคิดว่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นเข้าใจเขา จู่ๆ ร่างกายของเขาก็กระโดดขึ้น ร่างกายของเขาพุ่งลงมาจากด้านบนลงมาด้านล่างไปทางฟางเหยียนอย่างรุนแรง แว็บเดียวทำให้ฟางเหยียนไม่ทันได้เตรียมตัว
เขาไม่ทันได้หลบก็ถูกสัตว์ประหลาดทับลงไปอย่างรุนแรง มือทั้งสองของสัตว์ประหลาดบีบคอของฟางเหยียนไว้แน่น ศีรษะของเขาจ้องไปที่ฟางเหยียนอย่างดุร้าย แววตาคู่นั้นได้กลายเป็นสีแดงก่ำ
ทันใดนั้น แรงอาฆาตได้เริ่มฟุ้งไปรอบๆตัวฟางเหยียน
“เชี่ย!” ฟางเหยียนอดที่จะสบถออกมาไม่ได้ และเริ่มเกรี้ยวกราดขึ้นมา