จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 607 การต่อสู้ของยอดฝีมือ
เขาหมกมุ่นกับการเดินตามสัตว์ประหลาดตรงหน้านี้ต่อไป!
จากการเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ ฟางเหยียนรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของในสวนอย่างชัดเจน
นี่เป็นอารามเต๋าที่ใหญ่มาก ดูจากประตูหลักแล้วงั้นๆ แต่ตอนนี้ดูๆแล้ว ราวกับมีทางเดินที่ไม่สิ้นสุด และเส้นทางนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยอีกด้วย รอบเป็นดอกหญ้าทั้งหมด!
ฟางเหยียนหันไปมองรอบๆโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่ดึงดูดเขาไม่ใช่การบำเพ็ญตนของเจ้าของคนนี้ การเอ้อระเหยในการแหงนหน้าพินิจถิ่นทักษิณไศล แต่เป็นตัวอารามเต๋าที่เหมือนลายวงกต ลายวงกตที่ไม่มีแสงสว่างใดๆ
เมื่อหันไปมอง เส้นทางที่เดินมาเมื่อกี๊ดำสนิท!
ความมืดมิดนี้ทำให้เขารู้สึกอึดอัด!ความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน วันนี้มาหมดแล้ว!
ไม่นาน และแล้วด้านหน้าของพวกเขาปรากฏห้องโถงที่ระยิบระยับ
ที่ตรงกลางของทางเดินอันทอดยาวเส้นนี้ ผู้เฒ่าคนหนึ่งกำลังยืนหันหลังให้ประตู
ผู้เฒ่าผมยาวปิดหลังแขน ลักษณะเหมือนเซียน ราวกับกำลังเงยหน้ามองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
ในตำแหน่งตรงกันข้ามกับประตูห้องโถง มีรูปปั้นสามคน
สามคนนั้นแยกได้เป็นปรมาจารย์สามบริสุทธิ์ในตำนาน!
จากซ้ายไปขวาตามลำดับคือเหนือวิสุทธิ์ หลิงเป่าเทียนจุน หยกวิสุทธิ์ เหวียนสื่อเทียนจุน บรมวิสุทธิ์ เต้าเต๋อเทียนจุน!
ผู้ที่บำเพ็ญตน คาดการณ์ว่าล้วนเป็นลูกศิษย์ของสองสามคนนี้
เพิ่งจะเดินถึงด้านในของห้องโถง สัตว์ประหลาดวางต่งยู่ลงอย่างเบาๆ ต่อมาก็ส่งเสียงออกมา คุกเข่าลงต่อหน้าของผู้เฒ่า จากนั้นก็คำนับสามครั้ง!
หลังจากที่ทำทั้งหมดนี้เสร็จแล้ว สัตว์ประหลาดหันไปมองฟางเหยียน จากนั้นก็พูดอะไรอย่างติดๆขัดๆ
ฟางเหยียนรู้ขึ้นมาทันที สัตว์ประหลาดตัวนี้กำลังบอกให้เขาคุกเข่าลง!
เขาเงยหน้ามองปรมาจารย์สามบริสุทธิ์ เขาไม่น่านับถือลัทธิเต๋า ทำไมต้องคุกเข่าด้วยล่ะ?
เขาไม่คุกเข่าแน่นอน!
เขาเป็นใคร เทพแห่งสงครามของประเทศหวา ศรัทธาในสนามรบ แล้วจะคุกเข่าในสถานการณ์ที่ยังไม่รู้แน่ชัดได้อย่างไรกัน!
เมื่อนึกถึงจุดนี้ เขาพูดกับผู้เฒ่าว่า “มิทราบว่าคุณเป็นใครเหรอครับ?”
ผู้เฒ่าไม่พูดไม่จา ยังคงท่าทางมั่นคงดุจดั่งภูเขาไท่ซานอยู่เช่นเคย หันหลังให้ทั้งสอง มองไม่เห็นใบหน้าของเขา
สัตว์ประหลาดนั่นเรียกฟางเหยียนสองสามครั้ง ด้วยสีหน้าร้อนใจ
ฟางเหยียนไม่สนใจสัตว์ประหลาด เพียงแต่ถามผู้เฒ่าอย่างเย็นชาว่า “คุณเป็นใครกันแน่?”
อีกฝ่ายเป็นศัตรูหรือเป็นมิตรก็ยังไม่รู้ แม้หลังจากที่รู้ว่าตนเป็นคนที่ศาสตราจารย์โจวแนะนำมาแล้วจึงให้ตัวเองมาถึงที่นี่ แต่จุดนี้ไม่อาจตัดออกไปได้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรกับตนหรือไม่
และตอนที่เกิดเรื่องทั้งหมดขึ้น ผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้าล้วนแสดงท่าทางยากที่จะคาดเดาได้ นี่ทำให้ฟางเหยียนต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น
ในฐานะที่เป็นจอมพล ฆ่าคนเป็นนิจในสนามรบ เขามีความรู้สึกต่อสิ่งที่ไม่รู้ไม่เหมือนคนปกติอยู่แล้ว
พูดจบ ผู้เฒ่ายังคงท่าทางเย่อหยิ่งโอหัง
ฟางเหยียนเริ่มข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่ เขาก้าวไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว!
จากนั้น ฝ่ามือของเขาค่อยๆเอียง ฝ่ามือแปรเป็นดาบแล้วถามไปอีกครั้งว่า “คุณ เป็นใครกันแน่?”
ครั้งนี้ คำพูดของเขาเยือกเย็นจนถึงขีดสุด และทุกๆคำยังทรงพลัง เชื่อว่าต่อให้ผู้เฒ่าคนนี้เป็นกรง ก็ต้องได้ยิน
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดประโยคเดียวถึงสามครั้ง ความลี้ลับของผู้เฒ่าคนนี้อยู่เหนือความคาดหมายของเขาจริงๆ
“อาว!” สัตว์ประหลาดที่คุกเข่าลงกับพื้นยืนขึ้น คำรามใส่ฟางเหยียน
“ชั้นต่ำ!หยาบคาย!” เสียงของผู้เฒ่าดังขึ้นรุนแรงอีกครั้ง พร้อมด้วยพลังการทำลายล้าง
เมื่อสัตว์ประหลาดได้ยินคำพูดของผู้เฒ่า หลังจากที่ร้องออกมาสองสามครั้งแล้วก็คุกเข่าลงกับพื้นอีกครั้ง
ผู้เฒ่าค่อยๆหันหน้ามา เมื่อมองก็เห็นท่าทีที่ในมือกลายเป็นดาบ เขาหัวเราะฮ่าๆออกมา แล้วกล่าว “สหายตัวน้อยจะโมโหไปทำไมกัน?สัตว์ในตำนานตัวนี้กำลังให้คุณคุกเข่าให้กับท่านปรมาจารย์อยู่”
“คุกเข่า?” ฟางเหยียนไม่เห็นด้วย จากนั้นก็ดูแคลนออกมา เงยหน้ามองรูปปั้นสามองค์ แล้วกล่าว “ผมไม่คุ้นชินกับการคุกเข่า!” เทพแห่งสงคราม!จะประจบประแจงได้อย่างไร เขาไม่ใช่ศาสนิกชนของลัทธิเต๋า แล้วจะไปคุกเข่าทำไมกัน?
นี่เป็นความภาคภูมิใจของเขา!ความภาคภูมิใจของกองทัพเทพแห่งสงคราม!
เจ้านี่มันก็แค่กำลังเสแสร้ง ทำให้คนเคลิ้มตามไป!
ผู้เฒ่าหัวเราะฮ่าๆแล้วกล่าว “ไม่ว่าใครล้วนไม่คุ้นเคยกับการคุกเข่าทั้งนั้น แต่เมื่อมาถึงที่นี่ต้องเคารพกฎของฉัน!ต่อให้ศาสตราจารย์โจวมาก็ต้องคุกเข่าก่อน จึงจะพูดกับฉันได้ ถ้าแกไม่ใช่เพื่อนของศาสตราจารย์โจว แม้แต่สิทธิ์ที่จะมาที่นี่ก็ไม่มี!”
“อ๋อ?เหรอ?” ฟางเหยียนค่อนข้างรู้สึกตลก
ผู้เฒ่าคนนี้มีฝีมือจริง แต่ถ้าโอหังขนาดนี้ จะให้ทำฟางเหยียนไม่สบายใจมากแล้ว
สีหน้าของผู้เฒ่าเคร่งขรึมขึ้นทันใด เขาพยักหน้าอย่างแรงแล้วกล่าวว่า “ใช่ แก ต้องคุกเข่า!ถ้าไม่อยากคุกเข่า นอกจาก นอกเสียจากแกจะชนะฉัน!”
ผู้เฒ่าท่าทางเตรียมพร้อม!
จะต่อสู้แล้วใช่มั้ย?ฟางเหยียนไม่กลัวการต่อสู้ เพราะเขามาจากกองทัพ อยู่กับการต่อสู้ฆ่าเข่นเป็นนิจ
ถึงแม้ผู้เฒ่าตรงหน้าจะมีฝีมืออยู่บ้าง แต่ถ้าจะต่อสู้กับเขา เขาก็ไม่แคร์
เมื่อนึกถึงจุดนี้ เขากางเท้าออก ให้เท้าอยู่เสมอกับไหล่
แขนทั้งสองวางแนวนอน นิ้วก้อยของทั้งสองเชื่อมเข้าด้วยกันเกิดเป็นใบมีด
ผู้เฒ่าเห็นท่าทางฟางเหยียน จากนั้นก็พยักหน้าแล้วกล่าว “เห็นท่าทางของสหายตัวน้อยแล้ว คือยืนกรานไม่คุกเข่าใช่มั้ย?”
“ใช่!” ฟางเหยียนตอบอย่างเด็ดขาด
เพิ่งพูดจบ เขาเป็นคนที่ได้รับความเดือดร้อนก่อนใคร จึงได้จู่โจมก่อน!
ด้านหน้าของเขา ปรากฏเป็นแสงที่กระทบคลื่นอันไร้รูป
ต่อสู้กับผู้เฒ่าคนนี้ ห้ามประมาทโดยเด็ดขาด ต้องรีบจบการต่อสู้ให้เร็ว!
เมื่อนึกถึงจุดนี้ เขารวบรวมจิตวิญญาณมากมายในร่างกายทันใด!
“ตูม!” จู่ๆบนฟ้าก็เกิดเป็นเสียงดัง ท้องฟ้าราวกับถูกฉีกออกเป็นช่องช่องหนึ่ง
ฟางเหยียนพนมมือขึ้น ในฝ่ามือของเขาปรากฏเป็นกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง!
ทันใดนั้นฟ้าร้อง และฟ้าผ่าลงมา และสายฟ้าล้อมรอบตัวเขาไว้ ฟางเหยียนในขณะนี้ได้กลายเป็น‘มนุษย์สายฟ้า’โดยสิ้นเชิง ภายใต้การปลุกเสกของสายฟ้า กระบี่ยาวในมือของเขาราวกับมีชีวิตขึ้นมาแล้ว
ใช่ ราวกับว่านั่นไม่ใช่กระบี่ยาวเล่มหนึ่งอีกต่อไปแล้ว กลับกันกลายเป็นมังกรยักษ์ตัวหนึ่ง!
สีสันสว่างไสว สะดุดสายตา
“อาว……”
มังกรยักษ์คำรามกัมปนาท ฟ้าดินต่างพากันสั่นสะเทือน ฟางเหยียนลอยขึ้นบน เหนืออารามเต๋าโดยตรง!
มังกรล้อมกระบี่!
รุนแรงสุดขีด!
นี่เป็นกระบี่มังกรที่เขาใช้พลังหกสิบเปอร์เซ็นต์ปล่อยออกมา!
การต่อสู้ครั้งที่แล้วที่เผชิญหน้ากับจอมพลสิบประเทศ เขาเคยใช้มันมาแล้ว!
สงครามครั้งนั้นสะเทือนฟ้าดิน แม้ผีสางยังร้องไห้
ท่าเดียวฆ่าสิบคน ไม่มีใครขวางได้
แต่การต่อสู้ครั้งนั้นก็ทำให้เขาทุ่มเทหนักหนาสาหัสเช่นกัน จนถูกพลังภายในแว้งกัด!
แต่ตอนนี้ เขาใช้วิชานี้ เพียงเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเอง!
ท่านี้ราวกับดูดพลังของเขาทั้งหมดไป สีหน้าของเขาซีดขาวลงในทันทีเหมือนกระดาษสีขาวอย่างไรอย่างนั้น
กระบี่มังกรฟันผ่านห้องโถงอันสว่างไสว เกิดเป็นแสงสีทอง ผ่านหัวของผู้เฒ่าไป!
หันมาที่ผู้เฒ่า นึกไม่ถึงว่าจะแสดงท่าทางนิ่งสงบ เขาถึงขั้นหลับตาลง
สัตว์ประหลาดฉลาดมากพาต่งยู่ไปหลบอีกด้าน มองทั้งสองคนอย่างมีสมาธิ
“ทำลาย!” ฟางเหยียนตะโกนขึ้นฟ้า กระบี่มังกรดังวิ้งๆ ผสมกับเสียงร้องของมังกร
รอบๆอารามเต๋าเกิดเป็นเสียงทำลายดังปังๆ สว่างไสวขึ้นเต็มท้องฟ้า
ในตอนที่กระบี่มังกรเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังทำลายล้าง จู่ๆเขาก็ลืมตาขึ้นมา จากนั้นเห็นเพียงเขาโบกมือ
วินาทีต่อมา เหตุการณ์ที่ทำให้ฟางเหยียนอกสั่นขวัญหาย นึกไม่ถึงว่ากระบี่มังกรจะหยุดลง ไปข้างหน้าไม่ได้อีกแม้แต่นิดเดียว