จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 620 พี่เปียวมาแล้ว
หลังจากที่ต่งยู่รินเหล้าให้ฟางเหยียนแล้ว กล่าวอย่างจิตใจย่ำแย่ว่า “ความจริงฉันสูญเสียแม่ไปตั้งแต่ยังเด็ก พ่อของฉันเลี้ยงดูฉันจนเติบใหญ่ เขาเป็นที่พึ่งเดียวของฉัน และฉันก็เป็นที่พึ่งเดียวของเขาเช่นกัน คุณเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยม ไม่ใช่แค่ฉันที่ชอบคุณ พ่อของฉันก็ชอบคุณ ที่วันนี้เขาทำแบบนั้น เพราะมองคุณเป็นคนในครอบครัว”
คนในครอบครัว!
ฟางเหยียนสะดุ้ง ใบหน้าที่แน่วแน่เริ่มเปลี่ยนไป น้ำตาคลอเบ้า แต่ถูกเขาหยุดไว้
ครอบครัวคือความเจ็บปวดของก้นลึกในจิตใจของเขาไม่อยากรื้อมันขึ้นมา!
พ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่เด็ก และพ่อเลี้ยงก็ถูกคนทำร้าย
หลังจากเย่เทียนจากไปแล้ว เขาก็ไม่รับรู้ถึงความอบอุ่นของครอบครัวอีกเลย!
ถ้าไม่ใช่เย่ชิงหยู่ยังอยู่ข้างกายเขา เกรงว่าเลือดของเขาในตอนนี้ได้เลือดเย็นผิดปกติไปนานแล้ว
“ฟางเหยียน ดื่มกับฉันสักแก้วนะ! เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น จิตใจของฉันก็ทุกข์ระทม ถือเสียว่า ดื่มเป็นเพื่อนฉันนะ”
“ครับ!” ฟางเหยียนยกแก้ว
……
และแล้วหลี่คังก็ปีนออกจากกองขยะได้ในที่สุด บนศีรษะของเขา เต็มไปด้วยขยะ มีอาหารที่คนอื่นทานไม่หมด แล้วยังมีศพสัตว์ที่เน่าเหม็นอีกด้วย! นี่มันกองขยะชัดๆ กองขยะ!
“เชี่ย!” เพิ่งออกมา ก็ตกใจกับคนขอทานที่เก็บขยะ ขอทานนั้นด่าออกมา แล้วถีบหลี่คังไป
“มึงแม่งเหม็นชิบหายเลยหวะ!” พูดจบ ขอทานนั้นอุดจมูกเดินไป
จู่ๆในใจของหลี่คังก็เกิดเป็นความเหม็นฉิบหายขึ้นมา นี่มันไม่มีใครแล้วจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะถูกขอทานรังเกียจได้
นี่ต้องขอบคุณต่งโป๋เหวินและฟางเหยียน! เขาต้องล้างแค้น ต้องล้างแค้นให้ได้
เมื่อนึกถึงจุดนี้ เขาเริ่มคลำๆร่างกายอย่างช้าๆ ไม่นานและแล้วก็คลำเจอมือถือ
“เย็ด!” เขาตะโกนอย่างตื่นเต้น เพราะหน้าจอของมือถือยังสว่างอยู่ ยังใช้ได้
“ต่งโป๋เหวิน ฟางเหยียน ต่งยู่ พวกแกบีบฉันเองนะ คืนนี้ฉันจะให้พวกแกตายยกครัว ตายยกครัว! ถ้ากูไม่ฆ่าพวกมึง อย่าเรียกกูว่าหลี่คัง” หลี่คังด่าอย่างดุดันออกมา อารมณ์ตื่นเต้นเกี่ยวพันไปถึงหน้าที่บวมเหมือนหัวหมู
ไม่นาน ก็โทรติด!
“พี่เปียว ใช่พี่มั้ยครับ?” หลี่คังตะโกนใส่มือถือ
อาเปียวปลายสายถามอย่างเฉื่อยชาว่า “มึงแม่งใครวะ!?”
“ผมเอง! หลี่คัง!”
“อ๋อ? หลี่คัง!” พี่เปียวปลายสายมีชีวิตชีวาขึ้นมา แล้วถาม “ไง? จะคืนเงินฉันแล้วเหรอ?”
หลี่คังรีบกล่าวว่า “ไม่ใช่ครับ พี่เปียว เกิดการเปลี่ยนแปลง พี่พาคนมาที่กองขยะที่อยู่บริเวณต่งซื่อร้านของเก่า”
“กองขยะ มึงแม่งจะเล่นกูใช่มั้ย?” จู่ๆเสียงของพี่เปียวก็ดุดันทันใด
หลี่คังสีหน้าคร่ำครวญแล้วกล่าว “พี่เปียว ต่อให้พี่ให้ความกล้ากับผม ผมก็ไม่กล้าล้อพี่เล่นหรอกครับ พี่รีบมาเถอะนะ! ผมรับรองหลังจากคืนนี้ไป ทุกอย่างของตระกูลต่งจะเป็นของพี่ทั้งหมด”
“เย็ด!” พี่เปียวตื่นเต้นขึ้นมาจากปลายสาย
ทุกอย่างของตระกูลต่ง ตระกูลต่งมีเงินเท่าไหร่ใครไม่รู้บ้าง? วัตถุโบราณของครอบครัวต่งยู่แค่เอามาสักชิ้นก็หลายล้านหลายสิบล้านแล้ว วัตถุโบราณในบ้านมากจนนับไม่ถ้วน ยังไงก็เป็นหมื่นล้าน
“แกมั่นใจว่าจะเป็นของฉันทั้งหมด?” พี่เปียวถามอย่างค่อนข้างตื่นเต้น
“ถูก ใช่ครับ ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างล้วนเป็นของพี่ครับ! ผมไม่เอาทั้งหมดเลย เพียงอยากให้พี่ช่วยผมระบายความคับแค้นใจให้ ผมอยากฆ่าไอ้แก่หนังเหนี่ยวกับไอ้นั่น ส่วนอีกะหรี่ต่งยู่ แล้วแต่พี่จะจัดการยังไง พี่จะทำยังไงก็ทำได้เลยครับ!”
“มึงแม่งให้กูฆ่าคน?” พี่เปียวเกรี้ยวกราด เขาไม่ใช่ไอ้งั่ง ฆ่าต่งโป๋เหวิน แล้วตนจะหนีได้อย่างไร ต่งโป๋เหวินไม่ใช่คนเดินถนน และยิ่งไม่ใช่คนธรรมดา ที่แม่งคิดจะฆ่าก็ฆ่า?
“ไม่ๆๆ! พี่เปียว พี่ฟังผมก่อนครับ! พี่ฆ่ามัน ความผิดทุกอย่างผมรับไว้เอง! ผมแค่อยากระบายความคับแค้นใจนี่!”
“โอเค! เห็นแกก็ไม่กล้าปลิ้นปล้อน” พี่เปียวยังคงเห็นแก่วัตถุโบราณของตระกูลต่ง
วางสายไป สายตาของหลี่คังดุร้ายขึ้นมา เขากำหมัดต่อยลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง แล้วตะโกนอย่างสุดเสียงว่า “ตระกูลต่ง พวกแกจะจบเห่แล้ว!”
สิบนาทีให้หลัง รถหลายสิบคันมาถึงที่นี่
หลี่คังปีนออกมาแล้ว เขาตะโกนใส่พี่เปียวที่ลงมาจากขบวนรถนั่น “พี่เปียว ผมอยู่นี่ ผมอยู่นี่!”
พีเปียวมองรอบๆอย่างงงงวย และแล้วก็เห็นหลี่คัง!
“เย็ด!” เมื่อเห็นหลี่คังท่าทางขยะแขยง พี่เปียวอดที่จะด่าออกมาไม่ได้
จากนั้นเขาถอยหลังไปหลายก้าว ตะโกนใส่หลี่คังว่า “มึงแม่งอย่าเข้ามานะ มึงเพิ่งปีนขึ้นมาจากกองขยะเหรอวะ?”
“ผม พี่เปียว แม่ง ไอนั่นโยนผมเป็นขยะ ผมขอพี่ ขอร้อง…”
“ได้ๆๆ!” พี่เปียวถอยหลังทันที แล้วตะโกน “มึงแม่งอย่าเข้ามาใกล้ๆ ถ้ามึงกล้าเข้ามาอีก เชื่อมั้ยว่ากูจะเล่นมึง!”
พี่เปียวทำได้เพียงยืนอย่างมั่นคง จากนั้นถามว่า “ว่ามา จะเอาไง?”
หลี่คังกล่าวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจว่า “พี่พาพรรคพวกเข้าไปโดยตรง พวกมันยังอยู่ที่นั่น เข้าไปฆ่าเจ้านั่นกับตาแก่ต่ง ผมรับผิดเอง ผมจะรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ถึงตอนนั้นพี่บอกว่าผมเป็นคนทำ พี่เพียงผ่านไป แล้วเจอเข้าก็เท่านั้น พี่แจ้งตำรวจได้ ถึงตอนนั้นพวกเขาจะจับผม พี่สบายใจได้ ผมไม่กล้าปลิ้นปล้อนต่อหน้าพี่แน่นอน ผมพูดจริงทำจริง”
“ฉันว่าแกก็ไม่กล้า!” อาเปียวถาม “ข้างในมีสามคนใช่มั้ย?”
หลี่คังส่งเสียงอืมออกมา จากนั้นกล่าวว่า “นอกจากผู้หญิงคนนั้น ผู้ชายทั้งสองนั่นต้องตาย! ต้องตาย”
พูดพลาง หลี่คังก้าวไปด้านหน้าอย่างตื่นเต้นหลายก้าว พี่เปียวอารมณ์ร้ายนั่นอดกลั้นไว้ไม่อยู่ ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แค่ก้าวเดียวก็ถีบหลี่คังไกลไปหลายสิบเมตรโดยตรง
“มึงแม่งหูหนวกเหรอวะ! เหม็นขนาดนั้น ยังกล้าเข้าใกล้ฉันอีก”
พูดจบ เขาโบกมือ ตะโกนใส่พรรคพวกหลายสิบคนที่อยู่ด้านหลังว่า “พรรคพวก พวกเราไป!”
พูดจบ หลายสิบคนเดินไปในตรอกของตระกูลต่งอย่างฮึกเหิม
กลางคืนแล้ว ในตรอกไม่มีคนตั้งนานแล้ว
พี่เปียวพาลูกน้องหลายสิบคนมาถึงประตูใหญ่ของตระกูลต่ง ไม่พูดพร่ำทำเพลงถีบประตูใหญ่ไปโดยตรง
เพิ่งถีบประตูใหญ่ไป พี่เปียวก็ต้องแข็งทื่อ
ต่งยู่ตกใจ รีบยืนขึ้นเดินไปข้างๆฟางเหยียน เกาะแขนของฟางเหยียนไว้แล้วตะโกน “ฟางเหยียน!”
ฟางเหยียนส่ายหน้าเบาๆแล้วกล่าว “ไม่เป็นไรนะ!”
จากนั้น ฟางเหยียนหันหน้าไปมองอาเปียวที่นำมาอย่างไม่แคร์ ถามว่า “แกอยากตายเหรอ?”
ประโยคเดียว รุนแรงสุดขีด ทำเอาอาเปียวล้มเหลวไม่เป็นท่า
พรรคพวกของอาเปียวเตรียมจะลงมือ อาเปียวรีบยกมือขึ้นห้ามไว้แล้วกล่าว “อย่าขยับ!”
“ปัก!” ขาทั้งสองข้างของอาเปียวอ่อนลง คุกเข่าลงที่ประตูของครอบครัวต่งยู่โดยตรง
“พี่ชาย ไม่สิๆๆ นาย นายท่าน นายท่าน! ผม ผมเข้าผิดบ้านครับ เข้าผิดบ้านครับ ท่าน ท่าน ท่านปล่อยผมไปเถอะครับ ปล่อยผมเถอะครับ!” อาเปียวตะโกนอย่างสะเปะสะปะ สั่นไปทั้งตัว ร่างกายมีเหงื่อไหลออกมาไม่น้อย
พรรคพวกที่ตามหลังกันมาล้วนงงงวย นี่มันหมายความว่าไงกัน ทำไมลูกพี่ถึงคุกเข่าลงกับพื้นได้ล่ะ
ชื่อเสียงของพี่เปียวไม่ใช่มาจากการโอ้อวด มันมาจากการฟาดฟันคน
ตอนนี้เมื่อเห็นคนนี้ ยังไม่ทันลงมือ ก็คุกเข่าโดยตรงแล้ว นี่มันอะไรกัน?
ในตอนที่ทุกคนไม่เข้าใจเหตุผล อาเปียวตะโกนใส่พรรคพวกที่อยู่ด้านหลังว่า “พวกมึงแม่งยังไม่คุกเข่าอีก! คุกเข่าแม่งทั้งหมด คุกเข่ายอมรับผิด อ้อนวอนสิ”
“ปุก!” แม้ทุกคนไม่รู้ว่าทำไม แต่ทุกๆคนยังคงคุกเข่าลงกันอย่างพร้อมเพรียง
หลายสิบคนคุกเข่าเป็นแถว ในปากยังตะโกนส่งเสียงฮือๆๆอ้อนวอน
เหตุการณ์นี้ทำเอาต่งยู่งง และทำให้ฟางเหยียนตกใจมากเช่นกัน!