จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 621 หลี่คังตายแล้ว
ฟางเหยียนไม่รู้จักผู้ชายตรงหน้ารวมถึงคนหลายสิบคนนี้ ไม่รู้ว่าเจ้าพวกนี้คิดทำอะไรกัน
ก็จริง ครั้งก่อนที่ฟางเหยียนกับเทียนขุยมาหาเรื่องกาวหรง พวกเขาไม่เห็นอาเปียวกับหลงเสี่ยวเฟิง เพราะสองคนนี้แอบสะกดรอยตามมาด้านหลัง ใครจะรู้พอมาก็เห็นภาพฟางเหยียนลงมือฆ่าลูกน้องของกาวหรง จนถึงตอนนี้แค่คิดภาพนั้นขึ้นมา อาเปียวยังหวั่นใจไม่หาย!
เขาเองฝึกวิชามาเหมือนกัน แต่เขาไม่เคยเห็นอะไรร้ายกาจแบบนั้นมาก่อน หมอนี่แค่สะบัดมือไม่กี่ที ฟันคนเหมือนฟันผักปลา ไม่เห็นคนเป็นคนสักนิด! คนฝีมือร้ายกาจขนาดนี้ ตนเองมีอะไรคู่ควรไปต่อกรด้วย!
หลังจากกลับไปวันนั้น เขาเลยแอบไหว้วานคนไปสืบฐานะหมอนี่ ไม่สืบไม่ว่า พอสืบปุ๊บก็รู้ว่าเขาเป็นคุณชายตระกูลฟาง นอกจากนี้แล้วยังสามารถเรียกกำลังพลของกองกำลังระดับภูมิภาคได้ด้วย
นับจากวันนั้นหัวใจของเขาก็เหลือรอยแผลเอาไว้ ถ้าเกิดวันไหนได้เจอหมอนั่นอีก เขาจะคุกเข่าอ้อนวอนเลยทันที เพราะความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายค้ำคออยู่ ตัวเขามีชีวิตที่ไหนไปเสี่ยงกับหมอนั่นกันล่ะ!
ไม่ว่าจะเป็นด้านไหนๆก็เพียงพอทำลายความมั่นใจของเขา! ในใจเขาหมอนี่ไม่ใช่คนนานแล้ว เป็นเทพต่างหาก!
เขาเป็นแค่คนธรรมดา มีหรือจะกล้าหาเรื่องเทพแบบนี้!
ไปต่อกรกับเทพแบบนี้ เขาไม่รู้ตัวเองจะตายเอาวันไหน
ถ้าเขารู้ว่าวันนี้คนที่อยู่ที่ตระกูลต่งจะเป็นฟางเหยียน ต่อให้เขากินดีหมีมากี่อัน ก็ไม่กล้ามาหรอก
“ท่านฟาง ท่านฟาง! ขอร้องล่ะ ไว้ชีวิตผมด้วย ต่อไปขอแค่คุณสั่งมา ขอแค่เรียกใช้ผมอาเปียว ขอแค่คุณสั่งการ ผมจะรับใช้อย่างเต็มที่ บุกน้ำลุยไฟไม่ย่อท้อ!” อาเปียวพูดไปก็เหงื่อไหลแตกพรากไป
ฟางเหยียนอึ้งเล็กน้อยก่อนถาม “นายมาหาฉัน เพื่อพูดเรื่องนี้?”
อาเปียวพยักหน้ารัวๆบอก “ครับครับครับ! ผมมาหาคุณเพื่อบอกเรื่องนี้ เพื่อแสดงความเคารพนับถือที่มีต่อคุณ! ที่จริงความเคารพของผมที่มีต่อคุณกว้างใหญ่ไพศาลราวมหาสมุทร! นี่ไงครับ พอรู้ว่าคุณมาเป็นแขกที่บ้านของท่านต่ง ผมก็เลยแวะมาคารวะซะเลย”
“เหอะเหอะ!” ฟางเหยียนยิ้มเย็นพลางถาม “งั้นหรอ? ในเมื่อมาคารวะ งั้นทำไมต้องพาคนมามากมายแบบนี้? ทำไมถึงพังประตูเข้ามาล่ะ?”
พอโดนฟางเหยียนถาม อาเปียวเบิกตากว้างฉับพลัน เขาอ้าปากพลางว่า “เรื่องนี้ เรื่องนี้เข้าใจผิดกันครับ เข้าใจผิด!”
“เอาล่ะ ไสหัวไปเถอะ!” ฟางเหยียนพูดเสียงเย็นชา เขาขี้เกียจจะสนใจคนอย่างอาเปียวแล้ว
ขยะแบบนี้ไม่คู่ควรพอให้เขาฆ่า!
“ครับครับครับ!” อาเปียวพยักหน้ารัวๆ แทบจะวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนออกจากบ้านต่งโป๋เหวิน
ลูกน้องหนึ่งในนั้นไม่ค่อยเข้าใจ เลยถามขึ้นว่า “พี่ใหญ่ เมื่อกี้พี่ทำอะไรน่ะ? คนนั้นเส้นใหญ่มากหรอ?”
อาเปียวพยักหน้าบอก “เออสิ ถ้าไม่ใหญ่ กูจะคุกเข่าหรอ? พวกแกเบิกตากว้างจำใส่หัวแม่นๆเลยนะ ต่อไปเจอหมอนั่นเมื่อไหร่ ต้องหลบหลีกให้ห่าง หลบไม่ทันจริงๆก็ต้องนอบน้อมเข้าไว้ เข้าใจไหม?”
“อ้าว พี่ใหญ่ เขาเป็นใครกันแน่น่ะ? หรือว่าจะเก่งกาจกว่าลูกพี่หวางของเราอีกหรือไง?”
“ป้าบ!” อาเปียวยกมือขึ้นตบหัวหมอนั่นฉาดใหญ่ ตะคอกใส่ว่า “แกพูดบ้าอะไรเนี่ย?”
หลี่คังที่ตัวเหม็นอยู่ด้านข้างปีนขึ้นมา เขาเห็นภาพแปลกเมื่อกี้เหมือนกัน เดิมคิดว่าพี่เปียวพาคนมามากขนาดนั้น จะลงมือครั้งใหญ่ และจัดการต่งโป๋เหวินกับฟางเหยียนถึงตาย ใครจะรู้ว่าพวกเขากลับคุกเข่าลงกันหมด แถมยังวิ่งหนีออกจากบ้านต่งโป๋เหวินอีก
ไม่ถูกสิ พี่เปียวเก่งขนาดนั้น ทำไมวิ่งออกมาล่ะ?
เขาเข้าไปหาอย่างไม่เข้าใจ แต่พึ่งเดินไปได้สองก้าว ก็ไม่กล้าเข้าใกล้อีก เลยถามโดยเว้นระยะห่างว่า “พี่เปียว จัดการเรียบร้อยไหมครับ? ตาแก่ต่งตายหรือยัง? แล้วหมอนั่นล่ะตายแล้วใช่ไหม?”
“แม่ง!” พออาเปียวได้ยินเสียงหลี่คัง ก็อารมณ์ขึ้นทันที เป็นเพราะเจ้าขยะนี่หาเรื่อง ถ้าไม่ใช่มันเสี้ยมตน ตนคงไม่ต้องโง่วิ่งมาถึงนี่
เมื่อกี้เกือบตายซะแล้ว หมอนี่ต้องรับผิดชอบอย่างหนักเลย
“จัดการ เอาไอ้หน้าหมานี่ให้หนัก!” อาเปียวสั่งลูกน้องตน เขาโกรธจนถึงขีดสุด
ลูกน้องหลายคนดาหน้าเข้าไปจัดหลี่คัง เรียกได้ว่ารุมกระทืบ!หลี่คังที่กว่าจะยืนขึ้นได้อย่างยากลำบาก ตอนนี้ก็นอนแบบลงกับพื้นอีกครั้ง
อาเปียวเดินมาหาเขา ถุยน้ำลายใส่หน้าหลี่คัง ด่าต่อว่า “ไอ้โง่อย่างแก รู้ไหมว่าคนในนั้นเป็นใคร?”
หลี่คังที่นอนหายใจรวยรินบอก “รู้ เป็นชู้ที่ต่งยู่เลี้ยงดูไว้!”
พอคำนี้ออกมา อาเปียวเบิกตาโพลงตะคอกใส่ว่า “ไอ้โง่อย่างแกสิถึงจะเป็นชู้! แกกล้าลบหลู่ดูหมิ่นไอดอลกู หาเรื่องตาย!”
พอพูดจบ อาเปียวยกเท้าขึ้นกระทืบหัวของหลี่คังอย่างแรง
ไอดอล ฟางเหยียนกลายเป็นไอดอลของอาเปียวไปแล้ว ผู้ชายอย่างฟางเหยียน ใครไม่อยากยึดเขาเป็นไอดอลกันบ้างล่ะ ไม่ต้องถามเลย ฟางเหยียนคือไอดอลของอาเปียว
“เพราะไอ้โง่อย่างแก ยังอยากให้กูช่วยให้ฟรีๆ แกวางแผนมาดีนะเนี่ย”
“พี่เปียว ผม…”
พี่เปียวสบถออกมา กระแทกเท้าลง เป้าหมายคือสมองของหลี่คัง
ปึ้ก!
หลี่คังโดนกระทืบแทบปางตาย แต่ยังคงเหลือลมหายใจไว้อยู่
“ไอ้โง่อย่างแกจนตอนนี้ยังไม่เข้าใจเรื่องหนึ่ง เงินน่ะต้องเหลือชีวิตไว้ใช้ด้วย คนบางคนไม่ควรไปต่อกรด้วย”
“ลงมือเถอะ! เอามันให้ตาย จัดการดีๆหน่อยนะ อย่าให้เหลือร่องรอยไว้”
พอพี่เปียวพูดจบ หลี่คังรู้สึกหัวใจแทบหลุดออกมานอกอก เขาอดกลั้นความเจ็บปวด เขาส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา “เพราะอะไร!”
“เพราะอะไร?” พี่เปียวมองเขาคล้ายจะยิ้ม ฉับพลันกระทืบเท้าลงหน้าบวมปูดของเขา ฝ่ายหลังร้องเสียงโหยหวนปานจะขาดใจ พี่เปียวไม่สนใจ พูดอย่างผู้เหนือกว่า “เพราะแกไปหาเรื่องคนที่ไม่ควรจะหาเรื่อง! ชาติหน้าจำไว้ต้องระวังมองให้ดีหน่อยนะ”
หลี่คังใบหน้าบวมปูดเลือดไหล ทั่วร่างสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
ฟางเหยียนน่ากลัวขนาดนั้นเลย?
ไม่รอเขาคิดเยอะ มือใหญ่ข้างหนึ่งอุดปากเขาไว้ จากนั้นมีดเล็กปลายแหลมเสียบทะลุหน้าอกเขาตรงกลางใจ! และในวินาทีนี้เอง ความคิดทั้งหมดค่อยๆหายไป
ยังไม่จบ พี่เปียวลงแรงดึงมีดออก ที่หน้าอกกลายเป็นเหมือนน้ำพุก็ไม่ปาน เลือดสดพุ่งกระฉูด
หลี่คังตายแล้ว!
แต่พี่เปียวก็ยังกระแทกมีดใส่อีกสองทีอย่างแค้นจัด เขาโมโห โมโหจนเส้นเลือดปูดโปน ความหวาดกลัวเมื่อครู่ระบายใส่อารมณ์ลงที่ตัวหลี่คังหมด
สำหรับตระกูลอันดับสองแบบหลี่คัง คนที่โดนขับไล่ออกจากตระกูลอย่างเขาตายก็ตายไป ไม่มีใครมาตามสืบเรื่องหรอก ต่อให้มีจริง ถึงเวลานั้นให้หลงต้าเป่ามาจัดการก็ได้แล้ว
หลี่คังตายสนิทแล้ว แต่เขากลับเหลือภาพลักษณ์ไม่ดีไว้กับฟางเหยียน นี่มันไม่ดีเอามากๆเลยนะ
ถึงฟางเหยียนจะไม่ได้คิดอะไร แต่ตัวพี่เปียวเองกลับกลัวจัด!
“ถุ้ย!” พี่เปียวถ่มน้ำลายออกมา ลอยไปโดนหน้าหลี่คังเข้าอย่างจัง
“หาคนมาจัดการมันซะ ฉันดูแล้วหงุดหงิด คนที่เหลือทำความสะอาดสถานที่ซะ”
“ครับ”