จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 627 ขวังซือที่โกรธจัด
ท่าทีดุร้าย รุนแรงพร้อมฟาดฟันไม้ไผ่!
ลมปราณนั้นประหนึ่งแสงอาทิตย์ยามตะวันขึ้นพุ่งเข้าใส่หม่างเทียนทันที ฝ่ายหลังตะลึงค้างอยู่กับที่ ไม่มีแววจะหนีเลยสักนิด
ความเร็วลมปราณนั่นเร็วมาก หายใจไม่กี่อึดใจก็มาถึงหน้าหม่างเทียนแล้ว
คนตระกูลฟางเห็นฉากนี้ รู้สึกปลอดโปร่งหายใจสะดวกขึ้นมาทันที แต่สีหน้าตื่นเต้นของพวกเขาคงอยู่ไม่กี่วินาที ก็ชะงักกึก กลายเป็นความตะลึงอย่างหนักแทน!
พอเห็นลมปราณนั่นเข้ามาใกล้แค่คืบ และก็หายไปเลย!
ใช่!
ลมปราณที่พัดพาพายุหมุนเข้ามา จู่ๆก็โดนจัดการหายไปเอาดื้อๆ!
หายวับไปดื้อๆ เหลือเพียงความเงียบงัน!
ความตะลึงยังคงอยู่บนใบหน้าหม่างเทียน เต็มไปด้วยความงุนงงกับการรอดชีวิต ตะลึงมองค้างไปทางเรือนตะวันตก
สีหน้าฟางจินหยวนก็เปลี่ยนเหมือนกัน กระบวนท่าของขวังซือโดนจัดการได้
ตระกูลฟางเต็มไปด้วยบรรยากาศกดดันไปทั่ว กดจนคนตระกูลฟางรู้สึกอึดอัดมาก
ในเวลานี้เองมีเสียงหนึ่งทำลายความกดดันขึ้นมาอย่างโกรธจัดว่า “ไอ้พวกบื้อ ชอบไม่สนใจคำพูดฉัน! ถ้ามีครั้งหน้าอีกโดนแน่!”
หม่างเทียนก้มหน้าลงอย่างอับอาย เดินไปทางผู้หญิงคนที่พูดอย่างจำยอม
คนตระกูลฟางถึงเข้าใจว่า การโจมตีของขวังซือโดนผู้หญิงคนที่พูดจัดการไปแล้ว
ผู้หญิงคนนั้นผมดำยาวตรงประดุจน้ำตก ทั้งใบหน้าโดนหน้ากากปิดบังเอาไว้แน่นหนา โผล่ให้เห็นแค่ดวงตากลมโต ในแววตาฉายแววเย็นชา สิ่งที่ปกปิดใบหน้าอยู่เป็นหน้ากากลายมังกร มังกรบนหน้ากากดูราวมีชีวิต กางเล็บมือเล็บเท้า แค่เห็นก็รู้ว่าไม่มาดี ภายใต้หน้ากากนั่นเป็นกระโปรงยาวสีน้ำตาล
ผู้หญิงใส่หน้ากากยืนอยู่ตรงนั้น ก็สามารถทำให้ทุกคนรู้สึกถึงอันตราย โดยเฉพาะปฏิกิริยาของหม่างเทียน ดูออกได้ไม่ยากว่าผู้หญิงคนนี้น่ากลัวจะเป็นหัวหน้าของทั้งสิบคนนี้
“โฮก!”
เสียงคำรามนี้ ทั้งบ้าอำนาจและหยิ่งผยอง ประหนึ่งจะกัดกินท้องฟ้าให้กระจุย!
มีเพียงฟางจินหยวนที่รู้ว่า นี่เป็นเสียงคำรามอย่างไม่พอใจที่การโจมตีโดนต้านไว้ได้ของขวังซือ
ขวังซือจะออกมาแล้ว!
ผู้หญิงหน้ากากจ้องฟางจินหยวนเขม็ง ยิ้มบางว่า “เจ้าตระกูลฟาง นี่เป็นไพ่ตายที่ทำให้คุณมั่นใจ?”
ฟางจินหยวนคิ้วขมวดเล็กน้อย พริบตาเดียวแวบมาสองความคิด หนึ่ง ผู้หญิงคนนี้สามารถสกัดการโจมตีของขวังซือได้ง่ายดาย ฝีมือน่าจะไม่ธรรมดา แต่เธอรู้ทั้งรู้ว่าอันตราย ยังขึ้นหน้ารับแถมไม่ถดถอย คงอธิบายได้แค่ว่าเธอมั่นใจมาก มั่นใจในฝีมือของตัวเอง แบบที่สองคือผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ถึงความน่ากลัวของขวังซือจริงๆ แกล้งทำหน้ามั่น
ฟางจินหยวนค่อนข้างเอนเอียงไปทางแบบแรก ส่วนสาเหตุหรอ สัมผัสที่หกไง
พอคิดถึงตรงนี้ เขาเริ่มรู้สึกไม่ดีละ
ผู้หญิงหน้ากากยิ้มบางๆว่า “มิน่าคนมากมายต่างไม่สามารถทำลายตระกูลฟางได้ เป็นแบบนี้นี่เอง”
ฟางจินหยวนสีหน้าเคร่งเครียด อารมณ์ตื่นเต้นแผ่คลุมไปทั่วใบหน้าเขา เหมือนกับสิ่งที่เขาคิดเลย
ผู้หญิงคนนี้เป็นแบบแรก แต่เขายังคงเก็บกดไว้ พูดเสียงเรียบว่า “ถ้าคุณยอมถอยไป ผมจะไม่ถือสาหาความ แต่ถ้ายังไม่ฟังคำเตือน งั้นผมก็ไม่กลัวที่จะเปิดศึกฆ่าล้างเลย!”
“เปิดศึกฆ่าล้างเลย! แกคู่ควรด้วยหรอ?” ผู้หญิงหน้ากากหัวเราะร่วน “แกเตือนฉันแล้วนะ ฉันต้องเปิดศึกฆ่าล้างแล้วล่ะ จะได้ไม่ทำให้เจ้าตระกูลฟางคิดว่าฉันมาเล่น!”
ฟางจินหยวนอึ้งไปเล็กน้อย การข่มขู่ของเขาเมื่อกี้เหมือนเอากำหมัดไปชกบนปุยนุ่น ไร้ร่องรอยใดๆ ไม่เพียงแค่นี้ ตัวเขาเองยังโดนผู้หญิงหน้ากากย้อนให้อีกคำ
“ในเมื่อแกมั่นใจ งั้นฉันจะจัดการความมั่นใจของแกซะ ฉันอยากจะดูสิว่า ถึงเวลานั้นแกยังจะมั่นใจแบบนี้อยู่ไหม?” ผู้หญิงหน้ากากมองเรือนตะวันตกอย่างสนใจ น้ำเสียงเย็นชายะเยือกว่า “ออกมาเถอะ!”
ไม่รอฟางจินหยวนได้สติกลับมา เสียงผู้หญิงคนนั้นเหมือนมีพลังเวทมนตร์ สะท้อนไปทั่วทั้งตระกูลฟางในพริบตา ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ได้ยินเสียงเธออย่างชัดเจน
“โฮก!”
เสียงคำรามสะท้านออกมา มีผู้ชายผมยาวท่อนบนเปลือยเปล่าก้าวออกมาจากเรือนตะวันตก เขาเดินเท้าเปล่าออกมา ทุกย่างก้าวเหลือรอยเท้าหนักแน่นเอาไว้ รู้สึกเหมือนแผ่นดินไหวภูเขาสะเทือน มีขนใยใหญ่หนาหมุนวนรอบเท้าเขา ดูราวกับกอริลลาที่มีขนขึ้นเป็นใยหนา!
เขาสูงมากเกินไป เกือบสองเมตร กล้ามเนื้อเป็นมัดๆบนท่อนบนเปลือยเปล่านั่น ชายร่างใหญ่เน้นๆ ทุกย่างก้าวเหมือนมีภูเขาลูกเล็กๆทำให้เปลือกโลกเคลื่อนตัว เปรียบเหมือนกอริลลายักษ์ที่อยู่ท่ามกลางเหล่าสัตว์ดุร้าย ร่างสูงใหญ่ปรากฏกายขึ้นท่ามกลางคฤหาสน์ตระกูลฟาง ทำเอาคฤหาสน์ดูแออัดไปทันที ออร่าของเขาราวกับกลืนกินภูเขาแม่น้ำ ครอบคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้า
ตึงตึงตึง…
ทุกย่างก้าว ใต้ฝ่าเท้าก็จะเกิดเสียงกัมปนาทดัง ทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างสั่นสะท้านหัวใจไปตามๆกัน
โดยเฉพาะคนตระกูลฟาง หลังจากขวังซือโดนฟางเหยียนทำร้ายบาดเจ็บสาหัสไปครั้งก่อน เหมือนจะยิ่งแกร่งกล้ามากขึ้น ทุกย่างก้าวงามสง่า บ้าอำนาจเย่อหยิ่ง ครอบคลุมไปทั่วบริเวณ
ขวังซือเดินมายืนหน้าศาลบรรพชนตระกูลฟางด้วยท่าทางกร่างเย่อหยิ่ง ทุกย่างก้าวของเขาเหยียบย่างไป บนพื้นก็จะเกิดรอยแตกขึ้น เหมือนกระดานหินที่วางเรียงรายเป็นทางใต้ฝ่าเท้าเขาเป็นเพียงก้อนเต้าหู้เท่านั้น
ตามหลังการเข้าใกล้ของขวังซือ ทั้งสิบคนโดยมีผู้หญิงหน้ากากเป็นหัวหน้า ทุกคนต่างมองสำรวจ สัตว์ประหลาดที่เดินย่างก้าวเข้ามาหาพวกเขาอย่างแปลกใจ ต่างพากันหวาดหวั่น นอกจากนั้นยังเกิดคำถามใหญ่ขึ้นในใจด้วย มันเป็นตัวอะไรกันแน่! ทั้งสิบคนตรงหน้า นอกจากผู้หญิงหน้ากากมังกรแล้ว ที่เหลืออีกเก้าคนต่างมีสีหน้าหวาดหวั่นและตึงเครียด
ฟางจินหยวนเก็บอาการตกตะลึงของสิบคนตรงหน้าไว้หมด และพลิกสีหน้าตนเองคืนสู่ความสงบนิ่งดุจขุนเขาเหมือนเดิม นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่เขาได้เจอขวังซือ ทุกครั้งที่เจอขวังซือไม่มีครั้งไหนพิเศษเหมือนครั้งนี้ ใช่ เป็นความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรังสีอำมหิต จำได้ว่าครั้งแรกที่ฟางเหยียนมา ขวังซือยังไม่บ้าคลั่งขนาดนี้ ส่วนครั้งที่สองที่กู่ซู๋มาก็เป็นแบบนี้ แต่ครั้งนี้ขวังซือกลับดูโกรธมาก ลมปราณแผ่ซ่านไปทั่วตระกูวฟาง
ไม่ว่าจะเจอขวังซือกี่ครั้ง แต่ครั้งนี้ขวังซือดูจะโกรธมากจริงๆ
ไม่รู้เป็นเพราะว่าประมือกับฟางเหยียนแล้วขวังซือได้รับรู้ใหม่ ครั้งนี้ออกมา ความรู้สึกของฟางจินหยวนมีเพียงอย่างเดียว ดูเหมือนเขาจะแกร่งขึ้นอีกไม่น้อย
“นี่คือไพ่ตายของแกหรอ?” ผู้หญิงหน้ากากยิ้มบางถามขึ้น
“หรือว่าคุณไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร?” ฟางจินหยวนยิ้มบาง “เขาเป็นสัตว์คุ้มครองในตำนานของตระกูลฟาง!”
“สัตว์คุ้มครองในตำนาน?” ผู้หญิงหน้ากากหัวเราะหยันออกจมูก ในรอยยิ้มแฝงแววดูถูกไร้สิ้นสุด ดูแคลนไปทุกสิ่ง ต่อให้เป็นขวังซือที่ก้าวเข้ามาใกล้ทีละก้าว ก็ดูคล้ายจะไร้ค่าในสายตาเธอไปเลย
ก็จริง วิธีที่ขวังซือออกมามักจะเกินจริงไปหน่อย เมื่ออยู่ต่อหน้าฝีมือจริงๆ ความเกินจริงเหล่านี้กลับเป็นแค่ภาพลวงตา!
“ไพ่ตายหรือไม่ผมไม่รู้ แต่ถ้าอยากจะลงมือกับคนตระกูลฟาง ก็ต้องถามขวังซือ ซึ่งเป็นสัตว์คุ้มครองในตำนานตรงหน้าผมนี้ซะก่อน!”
“ขวังซือ?” ผู้หญิงหน้ากากอึ้ง ก่อนหัวเราะร่วนออกมา “ก็ดูแกร่งอยู่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะทนได้แค่ไหน!”
พอได้ยินคำนี้ ขนาดฟางจินหยวนที่นิ่งสงบดุจขุนเขาอยู่เป็นนิจยังรู้สึกโกรธเลย ถ้าเขาฝึกยุทธ์ คงบุกเข้าไปให้ผู้หญิงหน้ากากคนนี้รู้ว่า กินอะไรผิดน่ะได้ แต่จะพูดจาซี้ซั้วแบบนี้ไม่ได้!
ฟางจินหยวนคร้านจะถือสาเธอ เพียงพูดอย่างเย็นชาว่า “ในเมื่อคุณพูดจาเหิมเกริมแบบนี้ งั้นผมจะรอดูว่า คุณน่ะพูดจริงหรือแค่โอ้อวดขวังซือไม่แน่จะแพ้ ใครหาญกล้าสู้ด้วย!”
เห็นได้ชัดว่า เขาคิดจะกลบเกลื่อนช่วงที่โดนฟางเหยียนทำร้ายบาดเจ็บสาหัส เพื่อกดดันผู้หญิงหน้ากากคนนี้ ให้พวกเขารู้และล่าถอยไปเอง ถ้าบอกว่าทำไมไม่ฆ่าทิ้งออกไปเลย เขาไม่มั่นใจ โดยเฉพาะความมั่นใจแรงกล้าที่ผู้หญิงหน้ากากแสดงออกมา ทำให้เขายิ่งไม่มั่นใจหนักขึ้น
และขวังซือออกมาครั้งนี้ ก็ทำให้คนตระกูลฟางทั้งหลายรู้สึกแปลกใหม่มาก ขวังซือที่โกรธจัดดูจะเต็มไปด้วยแววอาฆาต และในบรรดาผู้คน เขาจะพุ่งเข้ามาควักดวงตาเจ้าเลยโดยตรง!