จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 632 มือสังหารทั้งห้า ทำลายหมู่
เปรี้ยงปร้าง…
ในขณะที่ขวังซือเข้าไปอยู่ในค่ายกลเบญจธาตุ ท้องฟ้าที่มีสีสันสลับกันห้าสีนั้นก็เกิดเป็นเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นเป็นระลอกๆ จากนั้นก็ผ่ามายังร่างกายของขวังซืออย่างจัง ทันใดนั้นเอง กลิ่นไหม้เกรียมของหนังภายนอกก็ตลบอบอวลไปทั่วห้องโถงใหญ่ของเรือนตระกูลฟางคลุ้ง อีกทั้งขวังซือกลับไม่ได้แสดงออกว่าเจ็บปวดแต่อย่างใด พลันกลับรู้สึกเพลิดเพลินเล็กน้อย!
ขณะที่ขวังซือเข้าสู่ค่ายกลเบญจธาตุ บริเวณรอบด้านก็เกิดเป็นลมพัดเศษดินเศษหินกระจัดกระจายลอยฟุ้งขึ้นมา ลมกระโชกแรงจนพัดทุกอย่างที่อยู่ตรงนั้นเรียบ ราวกับเกิดป็นพายุทอร์นาโดขึ้นมาอย่างฉับพลัน ส่งผลให้ผู้คนมองไม่ชัดเจนว่าเกิดอันใดขึ้นข้างใน คนทั้งตระกูลฟางล้วนกระส่ายกระสับทั้งยังมีความรู้สึกตั้งตาคอยเล็กน้อยอีกด้วย แต่ละคนต่างก็เงยหน้ามองไปยังที่ไกลๆ นั่น คอชะเง้อออกมายาว เพื่อที่จะมองว่าเกิดอันใดขึ้นข้างใน แม้แต่ฟางจินหยวนก็ทำแบบนั้นเช่นเดียวกัน
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เฟิงหัววิชาลับเบญจธาตุนี้ เป็นท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างหนึ่ง ทว่าไม่มีผู้ใดทราบว่า ความแข็งแกร่งของเฟิงหัวนั้นเทียบไม่ได้กับความน่ากลัวของค่ายกลเบญจธาตุเลย มันสามารถยกระดับความสามารถการสู้รบได้ภายในเวลาชั่วพริบตา แน่นอนว่าคงเป็นอาคมที่สุดยอดมากอย่างหนึ่งเป็นแน่ ใช้ข่ายอาคมเอาชนะข่ายอาคม ทำให้ฝ่ายตรงข้ามอ่อนกำลังลง วาดเป็นขอบเขตอาคมขึ้นมากักขังศัตรูเอาไว้ จากนั้นก็กลับสู่ความสงบ
อันที่จริงเฟิงหัวนั้นเป็นทักษะวรยุทธที่มีคุณสมบัติชักนำ เฟิงหัววิชาลับเบญจธาตุ ส่วนที่น่ากลัวที่สุดโดยแท้จริงนั้นอยู่ที่ค่ายกลเบญจธาตุของมันนั่นเอง ซึ่งมันให้ความรู้สึกคล้ายๆ กับการไม่ลงมือลงแรงแต่หวังผลประโยชน์ ชักนำให้คุณเข้ามา จากนั้นก็ใช้วิชาลับสังหารคุณ
ทว่าสิ่งที่ทำให้นักเบญจธาตุคาดไม่ถึงนั่นก็คือ ขวังซือเข้ามาเองเสียนี่ แถมยังเดินเข้ามาด้วยท่าทีที่อยากเข้ามาจนใจจะขาด นี่เรียกว่าอันใด? สวรรค์มีหนทางแต่ไม่ไป ครั้นนรกที่ไร้ประตูกลับบุกเข้ามา!
เข้ามาแล้ว เช่นนั้นก็ช่างดีเหลือเกิน!
พยายามทุกวิถีทางในการสังหารแก เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว!
ทว่า!
หลังจากที่ขวังซือเข้ามาแล้วนั้น สีหน้าของนักเบญจธาตุก็ตึงเครียดขึ้นมาเรื่อยๆ เนื่องจากไม่มีภาพที่ว่าผิวหนังภายนอกแตกยับเหมือนเมื่อก่อนแต่อย่างใด และไม่มีเสียงโครมครามของฟ้าผ่าเสียงดัง ความผิดปกติของขวังซือนี้พิลึกเกินไปแล้ว ทุกคนล้วนแล้วแต่คิดว่าตนเองตาลายไป เจ้าหมอนี่ราวกับจงใจที่จะเผยแผ่นหลังออกมา ปล่อยให้ฟ้าผ่ากระหน่ำใส่ตามใจชอบ เขากลับไม่สนใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ในทางกลับกันเขาดันเดินเล่นอยู่ในค่ายกลเบญจธาตุ!
ถูกต้อง เดินเล่นจริงๆ !
ทว่าสีหน้าของหญิงหน้ากากพยัคฆ์กลับตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ ความสามารถในการป้องกันตัวของขวังซือช่างน่ากลัวเกินจะบรรยาย ฟ้าผ่าที่กระหน่ำลงมาราวกับเป็นการเกาผิวที่คันให้เขา และจัดการขนส่วนเกินที่เป็นปัญหาหลายปีของเขาอย่างไรอย่างนั้น ทว่าบัดนี้ขนบนร่างกายของเขานั้นเมื่อสะท้อนกับแสงของฟ้าผ่าแล้ว กลับแลดูสว่างสดใสยิ่งขึ้น มันวาวและเรียงสลวย ราวกับขอทานที่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ครั้นอยู่ๆ ก็มีผู้อื่นมาจับแต่งตัวให้ดูดีขึ้นอย่างไรอย่างนั้น
สิ่งนี้กลับไม่นับว่าทำให้เธอตกใจนัก ครั้นการ ‘เดินเล่น’อยู่ในค่ายกลเบญจธาตุของขวังซือ สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจจากเธอเสียมากกว่า ในสายตาของผู้อื่นเป็นการเดินเล่น ทว่าในสายตาของเธอนั้นมิใช่ เจ้าหมอนี่น่าจะตามหาตากลที่อยู่ในค่ายกลเบญจธาตุอยู่!
เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอก็ตกตะลึงจนเหงื่อไหลท่วมร่าง นึกอยากจะเอ่ยตักเตือนอีกคราว แต่กลับพบว่าไม่ทันเสียแล้ว
ราวกับว่าขวังซือเจอตำแหน่งของตากลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาสาวเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เข้าไปใกล้ชายหนุ่มตำแหน่งโลหะ ชายหนุ่มผู้นั้นสีหน้าถอดสีทันควัน ครั้นไม่รอให้เขาตอบสนองได้ ขวังซือกลับเดินสามก้าวไปด้านขวา มาอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มตำแหน่งน้ำ ทว่าเขากลับไม่ได้หยุดอยู่ตรงนั้น แต่ใช้วิธีการเดิมในการมาอยู่ข้างกายชายหนุ่มตำแหน่งไฟ ลำดับต่อมาก็มาอยู่ข้างกายชายหนุ่มตำแหน่งไม้ เมื่อมาถึงตรงนี้แล้วนั้น เขาก็กระทืบเท้าอย่างแรง ส่งผลให้ทั้งข่ายอาคมสั่นสะเทือนอย่างแรง
และในเวลานี้เอง เฟิงหัวก็ทลายลงมา มาพร้อมกับพลังแห่งการทำลายล้างที่ไร้ขีดจำกัด จากนั้นก็กระทบเข้าแผ่นหลังของขวังซืออย่างแรง
โครม!
ร่างกายของขวังซือสั่นสะเทือนอย่างแรง หลังจากแรงสั่นสะเทือนสิ้นสุดลง ร่างกายก็โซเซเล็กน้อย เซถอยไปด้านหลังหลายก้าว ราวกับคนเมาสุราอย่างไรอย่างนั้น ทว่า!
หลังจากที่เขาเสียหลักถอยหลังมาแล้วนั้น ในใจของหญิงหน้ากากพยัคฆ์พร้อมทั้งนักเบญจธาตุล้วนกลัดกลุ้มขึ้นมาทันที!
มองผิวเผินราวกับเป็นการเดินถอยเสียหลักอย่างไม่มีหลักการ ทว่าความเป็นจริงแล้วเขากำลังเข้าประชิดชายหนุ่มตำแหน่งดินอย่างช้าๆ ต่างหาก ใบหน้าของชายผู้นั้นตกตะลึง ไม่แพ้กับตอนที่โคลัมบัสค้นพบทวีปใหม่ โดยเฉพาะปากที่อ้ากว้างของเขา สามารถใส่ไข่ไก่ลงไปสามฟองได้เลย!
ในเวลานี้นั้น ภายในใจของเขามีลางสังหรณ์ที่ไม่เป็นมงคลเกิดขึ้นฉับพลัน เขาคิดที่จะหนีแล้ว!
ความคิดนี้เพิ่งจะเกิดขึ้นไม่กี่วินาที ใบหน้าเกรี้ยวกราด ดวงตาสีแดงก่ำก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขาทันทีทันใด ในขณะที่เขายังไม่ทันได้ตอบสนอง อยู่ๆ ก็รู้สึกว่าคอรัดแน่น สมองก็รู้สึกว่างเปล่า จากนั้นก็มีเสียงแควกดังขึ้นมา ศีรษะของชายหนุ่มตำแหน่งดิน หักลง จบชีวิตไปในทันที!
ในเมื่อเป็นข่ายอาคม เช่นนั้นจำต้องมีตากล และสิ่งสำคัญในการจัดการข่ายอาคมได้นั้นก็คือต้องหาว่าตากลอยู่ที่ใด ต่อให้จะเป็นค่ายกลเบญจธาตุก็ไม่มีข้อยกเว้น
สำหรับการที่ชายหนุ่มตำแหน่งดินเป็นตากล สืบเนื่องจากตำแหน่งอันพิเศษของตระกูลฟาง ตระกูลฟางนั้นเป็นครอบครัวตระกูลระดับสูงสุดในประเทศหวา มีดวงแห่งความมั่งคั่ง ร่ำรวยเงินทอง ทว่าในสถานการณ์จริง สิ่งที่ขาดมากที่สุดก็คือดิน สำหรับแบบแปลนอันพิสดารเช่นนี้ สิ่งที่อ่อนแอแน่นอนว่าจะต้องเป็นชายหนุ่มตำแหน่งดิน และเมื่อสังหารเขาแล้ว ข่ายอาคมก็กลับตารปัดขึ้นมายกใหญ่!
ดังที่กล่าวว่า แตะต้องสิ่งที่เล็กนิดเดียวแต่ส่งผลกระทบทั้งหมด หลังจากที่ชายหนุ่มตำแหน่งดินสิ้นลมแล้วนั้น เฟิงหัวก็ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ พลังกลืนกินย้อนกลับอันแข็งแกร่งนั้น ได้กลืนกินสี่ชายหนุ่มที่เหลืออย่างต่อเนื่อง ฟ้าผ่าร่าง เลือกพุ่งกระฉูดออกจากปากและจมูก!
การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้หญิงหน้ากากพยัคฆ์ตกตะลึงจนสีหน้าถอดสี เธออยากที่จะออกไปจากตรงนี้ ทว่ากลับเห็นภาพเบื้องหน้าที่ทำให้เธอต้องตกตะลึงตาค้าง พูดไม่ออกยิ่งกว่าเดิม
ภาพเบื้องหน้า ขวังซือราวกับเป็นรถถังคันหนึ่ง พุ่งเป็นแนวยาวชนกระแทก ทุกย่างก้าวส่งผลให้เกิดเป็นแรงสั่นสะเทือนพื้นพสุธา อีกทั้งในมือยังถือดาบฟันไปทั่วสถานที่ที่ไปถึง ราวกับว่าผู้คนเหล่านี้ที่อยู่เบื้องหน้าเขานั้นมิใช่มนุษย์ แต่เป็นแตงโมที่กำลังจะถูกหั่นอย่างไรอย่างนั้น พื้นที่ที่ถึงนั้นล้วนเป็นวิญญาณเร่ร่อน ที่ทั้งดุร้ายและน่าหวาดกลัว ที่ตายเนื่องจากถูกระเบิดศีรษะ
ภายในเวลาชั่วพริบตานั้น ขวังซือหยุดการกระทำลง จากนั้นหันลำตัวไปจ้องหญิงหน้ากากพยัคฆ์ด้วยความสนอกสนใจ พร้อมฉีกปากยิ้มขึ้น
ขณะเดียวกันนี้ ความมืดมิดที่ปกคลุมเรือนตระกูลฟางอยู่นั้นก็ค่อยๆ สลายไปอย่างช้าๆ เสียงฟ้าร้องก็แผ่วลง ลมที่พัดอยู่และเริ่มเลือนรางหายไป เผยให้เห็นถึงร่างกายอันกำยำสูงใหญ่ราวกับภูเขาไท่ซานของขวังซือ อีกทั้งเบื้องหน้าของเขา มีร่างห้าร่างนอนแน่นิ่งกระจัดกระจายอยู่บนพื้น ตายอย่างราบคาบ!
เงียบสงัด!
บริเวณรอบๆ เงียบสงัดเสียจนน่ากลัว ราวกับจะสามารถได้ยินเสียงคนทั้งหมดหายใจได้
เวลาต่อมาท้องฟ้าเริ่มที่จะสว่างสดใสขึ้นมาอย่างช้าๆ ผู้คนจึงเรียกสติตัวเองกลับคืนมาได้ราวกับเพิ่งตื่นจากความฝัน!
ขวังซือชนะแล้ว
เทพองครักษ์ประจำตระกูลฟางได้จัดการนักเบญจธาตุเรียบ!
นิ่งเงียบไปสักพัก ผู้คนตระกูลฟางจึงกระโดดโลดเต้นกันอย่างตื่นเต้นดีใจ ความตื่นเต้น ภาคภูมิใจ รวมไปถึงความปีติยินดีอบอวลอยู่ภายในใจของผู้คนตระกูลฟาง มีเทพหนึ่งรุ่น รุ่นต่อๆ ไปก็ล้วนคือเทพทั้งนั้น
อีกทั้งขวังซือ ก็เป็นสัตว์ในตำนานประจำเรือนตระกูลฟาง ได้พิสูจน์ตนอีกคราแล้ว!
ทั้งห้าคนนั้นเสียชีวิตในน้ำมือของขวังซือไปเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็จำต้องทนไม่ได้ โดยเฉพาะหญิงหน้ากากพยัคฆ์ ร่างกายของเธอสั่นเทาขึ้นมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเธอจะประเมินความสามารถอันน่ากลัวที่แท้จริงของสัตว์ประหลาดที่อยู่เบื้องหน้าตนนี้ต่ำไปเล็กน้อย! เธอได้ประจักษ์กับตาตนเองแล้วว่าขวังซือสังหารนักเบญจธาตุอย่างรุนแรงป่าเถื่อนอย่างไร ในมือถือดาบขึ้นมา และฟันไปอย่างไม่ลังเลราวกับหั่นผักหั่นปลาอย่างไรอย่างนั้น!
โดยเฉพาะสายตาสีแดงก่ำคู่นั้นของขวังซือ ราวกับเป็นดวงวิญญาณ กำลังจับจ้องมายังเธอ ทำให้เธอรู้สึกไม่ชอบใจเป็นอย่างยิ่ง!
ความฮึกเหิมของตระกูลฟางถูกดันให้อยู่จุดสูงสุดอีกครา ทุกคนต่างก็รู้สึกโล่งใจพร้อมภาคภูมิใจขึ้นมากันยกใหญ่ แม้แต่ฟางจินหยวนเองก็ฉีกยิ้มขึ้นมาเช่นเดียวกัน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พร้อมเอ่ยว่า “ท่าน ดูจากท่าทางนี้ของท่านแล้วเหมือนโกรธมากเลยนะ?”
“นี่แกกำลังยั่วยุฉันอยู่งั้นเหรอ?” หญิงหน้ากากพยัคฆ์ก้าวเท้าหนักแน่นมาข้างหน้า จากนั้นก็มีแรงลมลอยไปยังฟางจินหยวน ส่งผลให้เขาสีหน้าถอดสี ขวัญเสียเป็นอย่างยิ่ง และในขณะที่ลมนั้นใกล้จะมาถึงตัวฟางจินหยวน ก็ถูกขัดขวางทำให้สลายไปทั้งหมด จากนั้นขวังซือก็ปรากฏร่างอยู่เบื้องหน้าของผู้คน
ขวังซือในเวลานี้ มีขนที่เงางามสีสันสดใส เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ถือว่าดูดีขึ้นมาก
ฟางจินหยวนปลื้มใจยกใหญ่ แค่ดูเช่นนี้ก็ทราบแล้วว่า ขวังซือแข็งแกร่งมากกว่าเมื่อก่อนอยู่มาก!