จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 638 ตระกูลฟาง จบสิ้นแล้ว
ถอย?
หากคำพูดนี้ออกมาจากปากของผู้อื่น เป็นใครก็เชื่อ ทว่าคำพูดนี้กลับออกมาจากปากของเทพธิดา ช่างเป็นครั้งแรกที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่ใดมาก่อนเสียจริง
เทพธิดาคือใคร!
สตรีผู้หยิ่งยโสไม่มองสิ่งอื่นอยู่ในสายตาแถมยังเผด็จการอีกด้วย เหตุใดจึงเป็นเทพธิดา บนมือของเธอไม่รู้ว่าแปดเปื้อนเลือดสดๆ ของยอดฝีมือระดับต้าซี่มานับกี่คนแล้ว ความสามารถของเธอถือได้ว่าเป็นที่ประจักษ์สายตาผู้คน เธอไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว เรียกได้ว่าเป็นนายพลที่ได้ครอบครองชัยชนะบ่อยครั้ง
สตรีที่ราวกับเทพธิดา คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะยอมแพ้เสียได้!
ทว่าเมื่อเรียกสติกลับคืนมาได้ ทั้งสี่คนต่างก็ถอนหายใจโล่งอกราวยกภูเขาออกจากอก ความกล้าหาญแข็งแกร่งและความน่ากลัวของขวังซือ ก็ทำให้พวกเขาปวดหัวยกใหญ่เช่นกัน โจมตีอย่างไรก็ไม่ตายไม่ว่า แต่คาดไม่ถึงว่ายังทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บด้วย ผู้ใดจะทนได้?
“แต่ว่าก่อนที่จะถอย ก็ควรที่จะทำให้ตระกูลฟางชดใช้ด้วยการถูก‘สังหารทั้งโคตร’เอามาสังเวยให้กับดวงวิญญาณของนักเบญจธาตุที่อยู่บนสวรรค์เสียก่อน!”
เทพธิดายังคงเป็นเทพธิดาผู้นั้น ที่ปณิธานบริสุทธิ์ ศีลธรรมสูงส่งแถมยังเผด็จการอีกด้วย!
อีกทั้งบัดนี้ หญิงหน้ากากพยัคฆ์ได้ทำการปรับเปลี่ยน ในเมื่อทั้งห้าคนก็ยังไม่สามารถที่จะจัดการขวังซือได้ จึงส่งหม่างเทียนออกไป และเป้าหมายคือครอบครัวตระกูลฟาง ครานี้ พวกเขาจำต้องทำการสังหารจนราบคาบ!
หม่างเทียนและซื่อนวี่ออกจากสนามรบอีกครา จากนั้นก็เดินออกจากพายุทอร์นาโด ทันใดนั้นใบหน้าชราของฟางจินหยวนจึงปรากฏเป็นความตึงเครียดที่ไม่เคยมีมาก่อน ขวังซือแข็งแกร่งมาก ทั้งห้าคนนั้นก็ยังทำอันใดเขาไม่ได้ ทว่าตั้งแต่ที่หม่างเทียนและซื่อนวี่เดินออกมา เช่นนั้นแสดงว่าความโล่งใจชั่วคราวของตระกูลฟางนั้น กำลังจะถูกดึงเข้าไปอยู่ในการเข่นฆ่าป่าเถื่อนอันเหี้ยมโหดอีกครั้ง!
โครม!
เสียงดังสั่นสะเทือนดังขึ้นมากระทบหูของผู้คน
ขวังซือ หญิงหน้ากากพยัคฆ์และอีกสามคนเผชิญหน้ากัน จ้องพร้อมตะครุบดั่งพญาเสือ หุบเหวที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นโผล่ออกมาหลายหลุม ทำให้เรือนตระกูลฟางที่เดิมทีกำแพงถล่มพังทลาย ยิ่งดูย่อยยับยิ่งขึ้นกว่าเดิม
สี่คนนั้นยังไม่ได้ลงมือ ร่างกายก็เต็มไปด้วยรอยบาดแผลอันน่าตกใจเสียแล้ว ทว่าหญิงหน้ากากพยัคฆ์กลับลงมือแล้ว และเป็นอย่างที่เธอคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ พวกเขารับมือกับขวังซือไม่ได้ ทว่าการเข่นฆ่าคนธรรมดานั้นก็ยังคงเป็นเรื่องที่ง่ายราวกับหั่นผักหั่นปลาโดยสิ้นเชิง เธอทำการหลอกล่อ หันหน้ามุ่งเข้าไปหาครอบครัวตระกูลฟางทันที ในเวลานี้ ราวกับว่าอากาศที่อยู่ทั้งสี่ด้านต่างก็หยุดนิ่งไปแล้ว!
ขวังซือแข็งแกร่งมาก สามารถต้านทานหญิงหน้ากากพยัคฆ์ได้ ทว่าคนในตระกูลฟางกลับไม่ใช่ขวังซือ และหลังจากวินาทีที่เธอลงมือ สี่คนข้างหลังก็ลงมือเช่นกัน
ภายในเวลาชั่วพริบตา เสียงร้องโหยหวนดังกึกก้อง รุนแรงจนน่าตกใจยิ่งนัก เรือนเก่าตระกูลฟางตลบอบอวลไปด้วยความน่ากลัวแห่งความตาย
ในช่วงเวลาที่หญิงสาวลงมือนั้น ขวังซือก็ได้ตอบสนอง ใช้ร่างกายต้านทานเธอเอาไว้ อีกทั้งเธอกลับจงใจหลอกล่อให้ขวังซือวิ่งตามมา เพื่อให้เวลามากยิ่งขึ้นแก่ลูกน้องตนเอง ให้พวกเขาสังหารคนตระกูลฟางให้ราบคาบ
ไม่สามารถที่จะแยกร่างทำหลายอย่างได้ มีความตั้งใจกลับไร้ซึ่งกำลัง
ขวังซือทำได้เพียงลดจำนวนความเสียหายของตระกูลฟางลงเท่านั้น ทว่าแม้นจะทำเช่นนี้ การล้อมวงเข้ามาเข่นฆ่าของสี่คนนั้น ก็ทำให้ครอบครัวตระกูลฟางตกอยู่ในความหวาดผวาจนถึงขีดสุด นอกจากความหวาดผวาแล้ว ความผิดหวังก็ปกคลุมภายในจิตใจทุกคนราวกับหมอกควัน!
ทุกคนต่างก็ทราบดีว่า หากปล่อยให้ทั้งสี่คนเข่นฆ่าต่อเช่นนี้ เกรงว่าตระกูลฟางก็คงต้องจบเห่เป็นแน่!
ฟางจินหยวนน้ำตาคลอเบ้า ผู้คนรอบข้างล้วนล้มลงทีละคนๆ ทำให้หัวใจของเขาแหลกสลายตามไปด้วย เขาเงยหน้าตะโกนขึ้นสู่ท้องนภา “ฉันเป็นอาชญากรของตระกูลฟางแท้ๆ เป็นอาชญากร!”
“พ่อ ครอบครัวเราจบสิ้นแล้ว จบสิ้นแล้วจริงๆ !”
“พี่ใหญ่ เสี่ยวเหมี่ยวจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ พี่จะต้องอดทนไว้นะ ต่อให้พวกเราจะต้องตาย ก็ต้องตายไปพร้อมกัน”
ความสิ้นหวัง ปกคลุมอยู่ภายในจิตใจของทุกคน
ฟางไห่อิงเองก็เช่นกัน เธอทราบดีว่าตระกูลฟางจบสิ้นแล้ว อีกทั้งอาจไร้ซึ่งผู้รอดชีวิตอีกด้วย ความตายมิน่ากลัว ที่น่ากลัวก็คือการที่มองเห็นครอบครัวของตนเองล้มตายลงต่อหน้าต่อตาตนเอง ความรู้สึกไร้ความสามารถที่ต้อยต่ำอ่อนแอ หมดหนทางนั้น ทำให้เจ็บปวดใจเสียเหลือเกิน
การเข่นฆ่ายังคงดำเนินต่อไป!
—
ภายนอกเรือนตระกูลฟาง ราวกับเป็นสวนสนุกอย่างไรอย่างนั้น ผู้คนชุกชุม ต่างก็ชะเง้อสุดคอพยายามมองออกไปให้ไกลที่สุด
“เฮ้อ ตระกูลฟางน่าเวทนาจนไม่กล้ามองเลย ไม่รู้ว่าไปทำให้ใครไม่พอใจมากันแน่ ทั้งฟ้าร้องทั้งฟ้าผ่า แถมยังมีพายุทอร์นาโดพัดเข้ามาอีก พิลึกเกินไปแล้ว!”
“ใครนะ ฉันจำได้ว่าครั้งที่แล้วมีคนบอกว่าที่ตระกูลฟางมีมังกรตัวจริง ออกมาให้ฉันดูหน้าหน่อยซิ ฉันจะฆ่าแกให้ตาย ถ้ามีมังกรจริงๆ ยังทำลายเรือนของตระกูลฟางได้เหรอ? แกไม่เห็นภาพอันน่าเวทนาข้างในเรือนตระกูลฟางนั่น เหมือนกับถูกระเบิดโจมตีอย่างนั้นแหละ เละเทะไปหมด ไม่รุ่งโรจน์เหมือนเมื่อก่อนเลย”
“เป็นมังกรตัวจริงหรือไม่ฉันไม่รู้ เมื่อกี้ฉันปีนกำแพงมองไปดู ใจเกือบจะหล่นลงตาตุ่ม ที่พื้นบ้านตระกูลฟางเต็มไปด้วยร่างศพ เลือดนองจนจะเป็นแม่น้ำ โดยเฉพาะตอนนี้มีเสียงต่อสู้กันดังกึกก้อง เกรงว่าผ่านวันนี้ไปแล้ว ก็คงจะไม่มีตระกูลฟางแล้วแหละ”
“ตระกูลฟางไปมีเรื่องกับใครมากันแน่นะ? การชดเชยน่ากลัวเกินไปแล้วมั้งเนี่ย!”
“……”
และไม่ไกลจากตรงนั้น รถเก๋งธงแดงกำลังขับเคลื่อนเข้ามาอย่างช้าๆ บีบแตรก็ไม่สามารถขับไล่ผู้คนออกไปได้ ไม่มีทางเลือก รถเก๋งธงแดงจึงทำได้แค่จอดรถ
“โผ้จวิน เรื่องแบบนี้ อันที่จริงท่านไม่ควรมาด้วยตัวเองเลย ฟางจินหยวนปีกกล้าขาแข็งมาก คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าใช้ข่าวการแต่งงานของฟางเหมี่ยวและตงฟางหยุนเอ๋อร์ หลอกคุณนายว่าเป็นเรื่องแต่งงานของท่าน ทำให้คุณนายต้องเข้าใจผิดกับท่านอย่างรุนแรง คนตีสองหน้าแบบนี้ ตายไปก็ไม่น่าเสียดายหรอก”
“ตาแก่นั่นเอาคำพูดของฉันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าไม่สั่งสอนให้จำหลาบจำบ้าง เกรงว่าก็คงจะจำเรื่องนี้ได้ยาก”
เมื่อลูกน้องได้ยินคำพูดนี้ ก็สัมผัสได้ถึงลมอันเย็นยะเยือกกระทบเข้ามา และโอบล้อมร่างกายเอาไว้โดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว เมื่อสักครู่นี้เอง อยู่ๆ เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงอำมหิตบีบรัดเข้ามาใกล้ แรงอำมหิตนี้สามารถฆ่าทุกสรรพสิ่งได้!
ชายหนุ่มผู้นี้เพิ่งจะมาขับรถให้กับฟางเหยียนจากสำนักเจ็ดพิฆาต เมื่อก่อนเขาเพียงแค่ศรัทธานับถือฟางเหยียน ไม่เคยได้เจอหน้ากันสักครั้ง
“โผ้จวิน ทางข้างหน้าติดน่ะ เลยขับรถต่อไปไม่ได้ ให้ผมใช้วิธีไล่คนพวกนั้นไปไหม”
“ไม่ต้อง ฉันจะลงรถไปดูเอง”
สิ้นเสียง ไม่ทันรอให้เจ้าหมอนั่นตอบสนองกลับ เขาก็ลงรถไปทันที และคนขับรถก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าแผ่นหลังของตัวเองได้เปียกปอนทั่วแล้ว จากนั้นรู้ตัวอีกทีก็ฟื้นคืนสติกลับมาได้ โผ้จวินสมกับที่เป็นโผ้จวินเสียจริง พิเศษยิ่งกว่าคนปกติขนานแท้ การได้อยู่ข้างกายเขามีความกดดันรุนแรงเกินไปจริงๆ
ถูกต้อง!
ผู้ที่ลงมานั่นก็คือฟางเหยียน อีกทั้งจุดประสงค์ที่เขามาที่เรือนตระกูลฟางวันนี้มีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือมาหาเรื่อง!
ฟางจินหยวนปีกกล้าขาแข็งขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คิดไม่ถึงว่าจะกล้าใช้ข่าวสารที่ไม่ถูกต้องและอื่นๆ มาทำให้ฟางเหยียนและเย่ชิงหยู่แตกคอกัน เมื่อถามถึงสาเหตุ ก็คงจะเป็นการที่ฟางจินหยวนเคยชินแล้วกับการที่ดูหมิ่นผู้น้อย แม้เย่ชิงหยู่จะหน้าตาสละสลวย มีความเป็นกุลสตรี ทว่าเธอเกิดมาต้อยต่ำ จึงไม่เหมาะที่จะเกี่ยวดองกัน เมื่ออยู่กับฟางเหยียน คงเป็นการแปดเปื้อนมลทินให้แก่ฟางเหยียน แม้กระทั่งทั้งตระกูลฟาง
ยกตัวอย่างเช่นการแต่งงานของฟางเหมี่ยว ตระกูลตงฟาง ซึ่งไม่เป็นรองให้กับตระกูลฟางเลย
เย่ชิงหยู่คือใคร ภรรยาของเขา สตรีที่เขาต้องการปกป้องไปตลอดชีวิต สตรีที่เขาติดค้างมากที่สุด เขาได้สาบานไว้แล้วว่าจะปกป้องเธอไปตลอดชีวิต แต่กลับถูกฟางจินหยวนขัดขวางเรื่อยมา หมายที่จะจับพวกเขาแยกจากกัน ความโกรธเคืองนี้เขาปล่อยไปไม่ได้ เขาสาบานว่าจะทำให้ฟางจินหยวนรวมถึงผู้ที่คิดจะกรอกหูเย่ชิงหยู่ ไม่ได้รับผลประโยชน์อันใดเลย
โดยเฉพาะฟางจินหยวน ผู้นำตระกูลที่คิดว่าตนเองเป็นใหญ่ในตระกูลฟาง ดังนั้นวันนี้เขาจึงได้มา
ครั้นเดินไปไม่กี่ก้าว หัวคิ้วของเขาก็ต้องขมวดขึ้นมา ตระกูลฟางมีร่องรอยของแรงคลื่นของพลังภายในอันแรงกล้าอยู่! ประกอบกับน้ำเสียงการถกเถียงกันของคนรอบข้าง เขาจึงค่อยๆ เข้าใจขึ้นมา
ว่าเหตุใดที่นี่จึงมีผู้คนอยู่มากมายเพียงนี้
ตระกูลฟางถูกศัตรูบุกรุกเข้ามาเข่นฆ่าถึงบ้าน!
เขายิ้มอย่างเยือกเย็น พร้อมเดินเบียดเสียดเข้าไป
การเข่นฆ่ายังคงดำเนินอยู่!
ผู้ที่ยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้ นอกจากฟางจินหยวนก็ไม่มีผู้ใดแล้ว!
ผู้ที่อกสั่นขวัญเสียก็ส่วนหนึ่ง ตกใจจนฉี่ราดก็ยังมีไม่น้อย แม้แต่ฟางไห่อิงเองก็ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด มองเห็นเนื้อหนังของเธอจริงๆ น้อยมาก ที่เหลือก็คือเหล่าสตรีของตระกูลฟาง
ส่วนขวังซือก็ราวกับเป็นลิงไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น เขาถูกหญิงหน้ากากพยัคฆ์หลอกล่อไปทางนั้นทีทางนี้ที แทบจะจนปัญญาที่จะดูแลปกป้องคนตระกูลฟาง สิ่งที่เขาสามารถทำได้นั่นก็คือปกป้องฟางจินหยวน ส่วนคนอื่นเขาจนปัญญาจริงๆ !
ตระกูลฟาง ได้เดินทางมาถึงความอับจนหนทางแล้ว จบสิ้นแล้ว!