จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 660 นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย
ไม่มีแม้แต่รถอย่างนั้นหรือ?
พาสองสาวตากลมเย็นๆ ?
เขาคิดไม่ตกว่าตัวเองแพ้จากตรงไหน!
จะสู้ได้ไหม?
หากไม่เป็นเพราะวันนี้เขาไม่ได้พาบอดี้การ์ดมาด้วย ตนเองจะซมซานแบบนี้หรือ?
เขาออกรถตามไปอย่างอดทนรอไม่ไหวแล้ว!
ทว่า!
วินาทีต่อมา!
ความผลีผลามของเขาที่เต็มอกกลับกลายเป็นความหนักอึ้งทันที!
ฟางเหยียนและอีกสองคน เข้าไปในรถเก๋งธงแดง!
เปรี้ยง!
ฉากนี้ ราวกับฟ้าฟาด หัวใจทั้งดวงของเขาแหลกสลายออกจากกันทันที!
พอนึกถึงว่าตนเองจะให้ฟางเหยียนมาเป็นพ่อบุญธรรม จิตใจของเขาก็อึ้งไปทันที ราวกับถูกฟ้าผ่า อึ้งอยู่กับที่ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
ซูฉางคายเอ่ยขึ้นเตือนทำลายความเงียบ “คุณชายเจิ้ง รีบไปกันเถอะ ไม่อย่างนั้นเจ้าหมอนั่นอาจหนีไปได้นะ!”
เป็นไปไม่ได้!
คนอย่างฟางเหยียนไม่มีทางเป็นคนใหญ่คนโตเช่นนั้นได้ คนใหญ่คนโตยังต้องให้ผู้หญิงซื้อเสื้อผ้าให้อย่างนั้นหรือ? ไม่ถูก น่าจะสืบเนื่องจากฟางฟัง ถึงอย่างไรตระกูลฟางก็เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงกระฉ่อนมาเนิ่นนานในเจียงตู ผู้ที่เข้ามาประจบประแจงตระกูลฟางเยอะถมเถไป เจ้าหมอนั่นจะต้องอาศัยบารมีของฟางฟังอยู่เป็นแน่
ถูกต้อง!
เป็นแบบนั้นแหละ!
เจิ้งชงพูดให้ตัวเองสงบลง จากนั้นก็เหยียบคันเร่งขับออกไป ลืมบาดแผลบนมือไปทั้งหมด
รถGEBERITสามคัน ขับตามรถเก๋งธงแดงอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เจิ้งชงพบว่าทิศทางที่รถเก๋งธงแดงมุ่งไปนั้นคือมหาวิทยาลัย แผนการอันชั่วร้ายก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขาทันที เขาขับรถไปพร้อมโทรศัพท์หาคนอื่นไปด้วย หมายว่าจะต้องฆ่าฟางเหยียนให้ได้
“โผ้จวิน รถมาเซราติคสามคันข้างหลังตามมาตลอดเลย จะทิ้งห่างพวกเขาไหม” คนขับรถเอ่ยถาม
ฟางเหยียนไม่ได้เงยหน้ามองด้วยซ้ำ เอ่ยว่า “ไม่ต้อง ก็แค่พวกกระจอกที่ชอบรนหาเรื่องก็เท่านั้นเอง”
หลังจากพูดจบ ก็ราวกับนึกอะไรออก ล้วงโทรศัพท์ออกมาค้นหาชื่อๆ หนึ่ง จากนั้นก็ส่งข้อความไป จากนั้นก็หลับตางีบอีกครั้ง
“พี่เหยียน จะต้องเป็นพวกเจิ้งชงแน่ๆ” ฟางฟังเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “เป็นที่รู้กันทั่วว่าเจิ้งชงเป็นคนที่ต้องแก้แค้นคนอื่นให้ได้ แต่ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ สติปัญญาแบบนั้นของพวกเขา มีชีวิตรอดมาถึงตอนนี้ได้ยังไง”
เวินหลานที่เดิมทีมีความคิดเป็นศัตรูกับฟางฟังอยู่ เมื่อได้ยินฟางฟังเอ่ยอย่างชัดเจน เธอก็ทราบว่าทันทีว่าฟางเหยียนยังคงเป็นผู้ชายที่ซื่อสัตย์ต่อความรักที่เธอรู้จักคนนั้นอยู่เช่นเคย เมื่อไม่มีอคติแล้ว เวินหลานก็ย่อมละวางความคิดที่เป็นศัตรูลง อยู่ๆ เธอก็พบว่าฟางฟังผู้นี้น่าสนใจดี เพียงแค่ไม่นาน ทั้งสองคนก็กลายเป็นหนึ่งเดียวกันได้แล้ว
“ฟางฟัง เธอไม่รู้อะไรแล้วสินะ มีบางคนชอบแบ่งคนให้เป็นสามหกเก้าระดับ อีกทั้งยิ่งมีคนประจบประแจงยิ่งเยอะ สมองก็จะบั่นทอนลงตามมาด้วย มีคำพูดหนึ่งกล่าวไว้ว่า ยืนอยู่สูงแค่ไหน ก็จะหล่นลงมาน่าเวทนามากเท่านั้น สำหรับคนอย่างเจิ้งชง ไม่ต้องไปแคร์เขาได้เลย”
“ไม่ ฉันไม่ได้แคร์เขาเลย แต่ที่ฉันแคร์ก็คือพี่เหยียน” ฟางฟังยิ้มอย่างอ่อนหวาน เอ่ยต่อว่า “จริงสิ คืนนี้คุณจะต้องไปจากเจียงตูแล้วใช่ไหม?”
“ฉัน?” ตามแผนการของบริษัท เธอจะต้องจากไปหลังจบงานแสดงขอบคุณแฟนคลับจริงๆ ทว่าตอนนี้บริษัทเล่นงานเธอ ไม่มีทางที่จะคิดกลับบริษัทแล้ว แน่นอนว่า หากถอดสัญญากับบริษัทจะทำให้เธอเสียหายไม่น้อย เธอไม่อยากจากเจียงตูไปจริงๆ อย่างน้อยๆ ฟางเหยียนก็อยู่ที่นี่
“ฉัน ฉันยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี” น้ำเสียงของเวินหลานหนักอึ้งขึ้นมา น้ำตาเอ่อ ทำให้คนเห็นใจ “ฉันไม่มีทางกลับบริษัทแล้วละ ไม่งั้นฉันขอไปกับคุณด้วยได้ไหม ฟางเหยียน?”
การกระทำของเวินหลาน อยู่เหนือความคาดหมายของฟางเหยียน ทว่าเวินหลานออกตัวแรงเช่นนี้ เธอมีความประหลาดใจอยู่เล็กน้อย เธอเป็นถึงเทพธิดาในความฝันของชายหนุ่มหลายคนเชียวนะ คิดไม่ถึงว่าจะเข้ามาเอาใจฟางเหยียนเช่นนี้ หากเรื่องนี้ถูกพูดออกไป บางทีพี่เหยียนของตนอาจต้องกลายเป็นศัตรูมหาชนของชายหนุ่มทุกคนเป็นแน่
ทว่าเธอทราบว่า พี่เหยียนไม่มีทางรับปากแน่นอน
เป็นอย่างที่คิด ฟางเหยียนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่ต้อง เรื่องที่บริษัทเธอ เธอไปหาฟางจินหยวนได้”
เวินหลานหุบยิ้ม คำตอบนี้อยู่เหนือความคาดหมายของเธอ
ฟางเหยียนที่แกล้งทำเป็นหลับขมวดคิ้วขึ้นมา จากนั้นก็มองออกไปนอกหน้าต่าง เสียงโครมครามของเครื่องรถยนต์ดังลั่นราวกับสัตว์ประหลาดอย่างไรอย่างนั้น พุ่งเข้ามาทางนี้ ด้วยความรวดเร็ว มาพร้อมพลังแห่งการกวาดล้าง!
จากเสียงเครื่องยนต์ที่เข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น รถยนต์เฟอร์รารี่ที่ราวกับนกไฟพุ่งออกมา จากนั้นก็ขับเลยรถเก๋งธงแดงไปอย่างรวดเร็ว ยังไม่รอให้ทุกคนเรียกสติกลับคืน ก็เห็นรถยนต์เฟอร์รารี่หยุดอย่างกะทันหัน ควันที่ล้อรถเสียดสีกับพื้นถนนตลบอบอวลคลุ้งกระจาย ขณะเดียวกันนี้ รถเฟอร์รารี่ก็ทิ้งรอยเบรกรถสองเส้นยาวๆ เอาไว้
ฟางฟังและเวินหลานเนื่องจากรถเฟอร์รารี่เข้ามาเบรกไว้ข้างหน้า จึงทำให้ศีรษะโขกเข้ากับที่นั่งในรถ ไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแค่ตกใจอย่างรุนแรง และทั้งสองคนต่างก็จับจ้องไปยังรถเฟอร์รารี่อย่างตกใจ
ไม่พูดไม่ได้ว่า สมรรถภาพของรถเก๋งธงแดงนั้นสุดยอดมากจริงๆ หากเป็นรถคันอื่น การที่เบรกรถอย่างกะทันหันภายในระยะทางอันใกล้เพียงนี้ไม่มีทางที่จะทำได้แน่นอน ไม่มีทางที่จะควบคุมระยะห่างได้เลย ระยะห่างจากท้ายรถเฟอร์รารี่ก็เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น ไม่เพียงแต่ต้องเบรกหยุดรถ แถมยังต้องปกป้องความปลอดภัยของคนบนรถด้วย
สีหน้าของฟางเหยียนสงบนิ่งจับจ้องไปยังนอกหน้าต่าง มุมปากยกขึ้นเผยรอยยิ้มอันเย็นชาที่คาดเดาไม่ได้ออก
ดูท่าทางแล้ว บางคนโดนสั่งสอนไปจะไม่สำเหนียก ไม่รู้จักซาบซึ้งในพระคุณก็สามารถปล่อยไปได้ แถมยังคิดที่จะรนหาปัญหาทำให้เรื่องแย่ลงอีก นี่หากไม่ใช่อยู่ที่เมืองหลวงอันเจริญรุ่งเรือง ฟางเหยียนจำต้องทำลายเจิ้งชงทิ้งอย่างไม่ลังเลแน่นอน
เฟอร์รารี่ไม่ใช่การเริ่มต้นและไม่ใช่ที่สิ้นสุด หลังจากที่เข้ามาประชิดให้รถเก๋งธงแดงหยุดแล้ว ด้านหลังของรถเก๋งธงแดงก็มีรถจำนวนหลายคนพุ่งออกมา มีประมาณสิบกว่าคันหลากหลายรุ่น ล้างสนาม ปิดถนน นี่เป็นลูกไม้ของเศรษฐีที่เอาไว้ใช้ข่มขู่ผู้อื่น
ยังดีที่ถนนเส้นนี้ไม่ค่อยมีบ้านเรือน ไม่เช่นนั้นจำต้องทำให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นตามมาเยอะมากเป็นแน่
จากนั้นเสียงแหลมของรถเบรกก็ดังทั่วทั้งพื้นที่ ประตูรถถูกเปิดออกพร้อมกัน มีคนจำนวนมากที่ออกมา หากนับดูคร่าวๆ ก็น่าจะราวร้อยกว่าคน ถนนที่เดิมทีสงบนิ่ง เนื่องจากการมาเยือนของพวกเขา ทำให้เบียดเสียดกันขึ้นมา
เวินหลานเห็นเหตุการณ์นี้แล้ว ก็ตกตะลึงทันที สายตามองเหม่อไปไร้จิตวิญญาณ เธอเสียขวัญเข้าแล้วจริงๆ ชายหนุ่มทั้งหลายเหล่านั้นต่างก็สวมชุดกันกระสุนสีดำ มีกล้ามเป็นมัดๆ โดยเฉพาะชายหนุ่มที่ถืออาวุธอยู่ในมือ มองแวบแรกก็รู้ทันทีว่าไม่ควรเข้าไปมีเรื่องด้วย
เธอไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน เมื่อกวาดสายตาไป เธอก็พบทันทีว่านอกจากเธอผู้เดียวที่กระส่ายกระสับแล้ว ฟางเหยียนกลับสีหน้านิ่งเรียบ ท่าทางไม่สะทกสะท้านอะไร ทำให้เธอรู้สึกว่าตนเองตาลายไปหรือไม่ ใช้มือขยี้ตาอย่างแรงก็พบว่าฟางเหยียนยังคงสงบนิ่งเช่นเคย เธอมีความรู้สึกเหลือเชื่อขึ้นมาทันที
ถ้าหากความสงบนิ่งของฟางเหยียนทำให้เวินหลานไม่เข้าใจยิ่ง เช่นนั้นความสงบนิ่งของฟางฟัง ก็ทำให้เธอมึนงงมากขึ้นกว่าเดิม
ฟางเหยียนเป็นผู้ชาย การเจอเรื่องแบบนี้ แน่นอนว่าย่อมไม่กลัว ทว่าฟางฟังล่ะ? เธอเป็นผู้หญิงนะ หรือเธอไม่รู้ว่าสิ่งที่ชายหนุ่มร่างใหญ่เหล่านั้นถืออยู่ สามารถปลิดชีวิตเธอได้?
ความรู้สึกที่สองพี่น้องให้เธอนั่นก็คือ ชายหนุ่มร่างใหญ่เหล่านั้นไม่ทำให้สะทกสะท้าน ราวกับเป็นลูกแมวที่เชื่องตัวหนึ่ง
ทว่า!
เป็นไปได้หรือ?
แต่ละคนแลดูเหี้ยมโหด ราวกับเป็นนักเลงหัวไม้ แค่เห็นก็คือคนที่ก่อเรื่องโดยไม่คิดชีวิต ‘ประสบการณ์หนาแน่น’ คนโหดเหี้ยมเช่นนี้จะเป็นผู้ที่รังแกได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ? ต่อให้คุณจะเป็นคุณชายตระกูลฟางแล้วจะทำอย่างไรได้? ปิดถนนกวาดล้างสนามเช่นนั้น ต่อให้จะเป็นผู้ที่มีอิทธิพลก็เข้ามาไม่ได้
ถูกต้อง!
เวินหลานเดาถึงผลลัพธ์ที่ย่ำแย่ที่สุดออกแล้ว วันนี้พวกเขาจำต้องจบอยู่ที่นี่เสียแล้ว!
เธอที่สติแตกล้วงโทรศัพท์ออกมา ทว่าคิดไปคิดมาแล้วก็ไม่รู้จะโทรหาผู้ใด สุดท้ายจึงเลือกที่จะโทรแจ้งความ ในขณะที่เธอกำลังจะโทรสายไปนั้น ฟางเหยียนกลับตัดบทเธอ
“เรื่องเล็กน้อยเอง ทำไมต้องไปรบกวนคนอื่นด้วย”
ฟางเหยียนที่สงบนิ่งทำให้เวินหลานอึ้งไป เธอเอ่ยขึ้นอย่างอึ้งๆ “ฟางเหยียน พวกเขามีเป็นร้อยคนเลยนะ? จะ จะเป็นเรื่องเล็กไปได้ยังไง?”
ฟางเหยียนไม่เอ่ยอันใด มองออกไปนอกหน้าต่างก็ไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไรกันอยู่