จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 667 การข่มขู่ของจักรพรรดิชิงตี้
จักรพรรดิชิงตี้ตัวสั่น เธอตกใจจริง ก้มหน้าไปไม่กล้ามองฟางเหยียน ความน่ากลัวของผู้ชายคนนี้ เธอเคยเจอมาก่อน ด้านนอกดูเหมือนจะอ่อนโยนมาก แบบลมพัดก็ล้มได้ แต่เขากลับมีความลึกซึ้งยากจะหยั่งถึง ทำให้เธอไม่กล้าทำผิดไปอีก
บางคนภายนอกไม่โอหัง แต่มีพลังมากกว่าที่คาดคิด คนที่ไม่เผยสีหน้าแบบนี้ ถึงจะเป็นคนร้ายของจริง!
จุดที่สำคัญที่สุดก็คือ ฟางเหยียนสามารถจัดการกับเธอได้อย่างง่ายๆ
แค่จุดนี้ จักรพรรดิชิงตี้ก็ไม่กล้าแล้ว
“คุณสามีคะ อย่าโมโหไปสิคะ ฉันไม่พูดแล้วก็ได้ โอเคไหมคะ? อย่าโกรธเลยนะ บอกตามตรง ฉันมาช่วยคุณจริงๆ แต่ว่าตอนนี้มีคนเยอะ เลยไม่สะดวกที่จะอธิบาย คุณจะต้องไปยังที่ที่มีคนน้อยกับฉัน” นิ่งไปไม่นาน จักรพรรดิชิงตี้ก็ยิ้มร้ายๆ “ดีที่สุดไปกับฉันสองต่อสองเท่านั้น!”
“ไม่ได้!”
“พี่เหยียนมันมาหลอกพี่นะ!”
เวินหลานและฟางฟังส่งเสียงออกมาพร้อมกัน ต่างมีสีหน้ากังวล ใช้หัวแม่เท้าคิดก็ยังรู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้คิดจะทำอะไร เพราะว่าผู้หญิงมักจะมองผู้หญิงด้วยกันออก พวกเธอรู้ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่
จักรพรรดิชิงตี้ก็ส่งเสียงไม่พอใจออกมา แล้วพูดออดอ้อน “คุณสามี เรื่องนี้มันเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ใจของคุณนะ ทางที่ดีคุณต้องคิดหน่อยนะ”
ความบริสุทธิ์ใจงั้นหรือ?
ฟางเหยียนหัวเราะในจมูก เขาเป็นถึงเทพแห่งสงครามที่มีเกียรติยศสูงส่ง ยังจะต้องมาแสดงความบริสุทธิ์ของตนเองอีกงั้นหรือ? ทั้งประเทศหวามีใครกล้าใส่ร้ายป้ายสีเขาบ้าง? ใครจะกล้าคิดร้ายกับเขา? ต่อให้เป็นผู้นำประเทศตอนนี้ก็คงไม่กล้าเล่นงานเขาง่ายๆ หรอก การมีอยู่ของเขา เป็นการขับเคลื่อนอนาคตของทั้งประเทศหวา
เป็นขุนนางสำคัญของประเทศใครจะกล้าใส่ร้าย?
ไม่อยากมีชีวิตอยู่หรือไงกัน?
จักรพรรดิชิงตี้มองออกว่าฟางเหยียนไม่สนใจ แล้วก็ค่อยๆ พูดคนคนหนึ่งออกมา “เทียนขุย!”
พอได้ยินชื่อนี้ ฟางเหยียนก็สะดุ้ง สีหน้าที่นิ่งๆ เริ่มมีสีหน้าออกมาบ้าง
“คุณสามี ตอนนี้ลองพิจารณาดูได้หรือยังคะ?” จักรพรรดิชิงตี้ยิ้มหวาน ถ้าสังเกตรอยยิ้มของเธอดีๆ จะเห็นว่ารอยยิ้มของเธอแฝงความกลัวอยู่ด้วย ตอนนี้ชายคนนี้เผยสีหน้าออกมานั้น ก็คือตอนที่เธอใจเสียที่สุด
“ได้!”
หลังจากฟางเหยียนพูดคำนี้ออกมา ก็หันไปมองเจิ้งชง มุมปากก็จะยิ้มไม่ยิ้มออกมา รอยยิ้มนี้ทำให้เจิ้งชงสั่น ไม่รู้ทำไม เขาก็รู้สึกว่าใจคอไม่ค่อยดี
ไม่ใช่กลัวๆ เท่านั้น แต่ยิ่งรู้สึกไม่ปลอดภัย ราวกับที่จ้องเขามานั้น ไม่ใช่สายตา แต่เป็นยมบาลที่จะมาตัดสินความเป็นตายของเขา ถูกดวงตาคู่นั้นจับจ้อง ทำให้เขาขนลุกไปทั้งตัว
พอนึกที่ตนถูกดูถูกมานานขนาดนี้แล้ว ไม่ง่ายกว่าจะมีโอกาสได้แก้แค้น แต่ไม่คิดว่าเขาจะกลับถูกสายตาของฟางเหยียนข่มขู่เสียได้
ว่ากันว่า ทนมาได้ขนาดนี้แล้ว ทำไมจะทนทำต่อไปอีกไม่ได้!
มีคนมากมายอยู่ที่นี่ ยังจะต้องกลัวอะไรอีก?
ถ้าไม่ฟันฟางเหยียนให้ตาย ใจของเขาจะสงบได้อย่างไร!
“ฟางเหยียน กูทนมึงมานานแล้ว!และให้เวลามึงมามากพอแล้ว ตอนนี้จะเป้นเวลาที่กูทำลายมึงทุกสิ่งทุกอย่าง!” เจิ้งชงตวาดไปอย่างโหดเหี้ยม “วางใจเถอะ วันนี้ในปีหน้า เดี๋ยวกูจะมาจุดธูปไหวหลุดศพมึงเอง ส่วนผู้หญิงของมึงเดี๋ยวกูช่วยดูแลเอง มึงไปอย่างสบายเถอะ!”
ฟางเหยียนก็หัวเราะ รอยยิ้มเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก บรรยากาศรอบๆ เหมือนจะถูกบีบไว้ ไม่เพียงเท่านั้น บรรยากาศที่บีบตัวก็รีบลดตัวลงอย่างรวดเร็ว ค่อยๆ เยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆ
คนทั้งหมดก็ตัวสั่นไปอีก จักรพรรดิชิงตี้ที่อยู่ใกล้สุดยิ่งตัวสั่น สายตาก็จับจ้องไปยังฟางเหยียน ใจของเธอสั่นขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนว่าเขาจะร้ายอีกแล้ว ถึงแม้นี่มันไม่ต่างอะไรกับการมาเอาหนังเสือ อันตรายเกินจะบรรยาย แต่อยู่กับคนเก่งก็เหมือนอยู่กับเสือ เธอไม่มีทางเลือก
ฟางเหยียนยิ่งโหด สำหรับเธอแล้วก็ยิ่งมีผลดี เธอก็ได้ถามใจตนเองว่า ฟางเหยียนจะเก่งแค่ไหนกัน? คำตอบนี้คงจะต้องให้เธอไปหาเอง เพราะถึงอย่างไรตอนนี้ก็ยังเรื่องที่สำคัญกว่าไปทำก่อน
พี่เปียวก็มีสีหน้าดูไม่จืดอย่างมาก เคยเห็นคนรนหาที่ตายมาเยอะ แต่ไม่เคยเห็นคนรนหาที่ตายแบบโง่ๆ แบบนี้ คนสายตาดีก็จะมองออก ว่าท่านฟางไม่อยากจะเอาเรื่องเขา แต่ไอ้หมอนั่นไม่เข้าใจก็แล้วไป แต่ยังคิดร้ายตอบกลับไปอีก นี่มันจะต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย?
โดยปกติแล้วเรื่องแบบนี้ พี่เปียวชอบที่จะไปดู เพราะถึงอย่างไรดูเรื่องสนุกก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร ถึงแม้เจิ้งชงจะไม่เป็นภัยต่อตำแหน่งของพี่เปียว แต่พลังของตระกูลเจิ้งก็ไม่น้อย ถ้าทั้งตระกูลเจิ้งยกกำลังมันจัดการกับพี่เปียวจริงๆ พี่เปียวก็แย่เหมือนกัน
แต่ว่าตอนนี้ เขาจะต้องรักษาอำนาจไว้ จะต้องทำอะไรบ้าง ต่อให้ตระกูลเจิ้งยกกำลังมาทั้งหมด เขาก็ไม่เสียดาย เพราะว่าเขาไม่ใช่เจิ้งชง ที่เอาแต่คุยโวโอ้อวด เขารู้ว่าท่านฟางไม่ใช่คนธรรมดา
ผัวะ!
พี่เปียวตบไปที่หน้าเจิ้งชง หน้าของเจิ้งชงก็บวมขึ้นมาอีกครั้ง บวมเป็นหัวหมู
“นี่………มึง…มึงกล้าตบกูงั้นหรือ!” เจิ้งชงอึ้งไปหลายวินาที เอามือกุมหน้าที่บวมแล้วจ้องมองไปยังพี่เปียว สายตาเต็มไปความโกรธ ตะโกนออกมาว่า “มึงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วไงวะ เดี๋ยวกูจะโทรหาพ่อกู ให้มากำจัดพวกมึงให้หมด!”
“เหอะๆ ……..” พี่เปียวหัวเราะ ปกติเขาจะไม่หัวเราะ นอกเสียจากอดไม่ได้ เขาอดไม่ได้จริงๆ !เคยเห็นพวกล้มเหลวไม่เอาไหน แต่ไม่เยแย่แบบนี้มาก่อน การตอบสนองของเจิ้งชงก็อยู่ความคิดของพี่เปียว ไม่อย่างนั้นเขาเหมาะกับคำว่าไอ้ล้มเหลวได้อย่างไรล่ะ? ตระกูลกระจอกๆ มาโจมตีพี่เปียวสุดกำลัง เรื่องนี้มันจัดการง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ เขาไม่กลัวหรอก
“เจิ้งชง มึงก็ยังเป็นคนมีสมองนะ น่าจะรู้ว่าใครควรหาเรื่อง ใครไม่ควรไปหาเรื่อง และดูเหมือนว่าตอนนี้การขอโทษก็คงจะลบล้างการกระทำชั่วๆ ของมึงไม่ได้แล้วล่ะ ดังนั้น……” พี่เปียวก็รีบหยิบมีดพกออกมา แล้วก็ไปจี้ยังลำคอของเขาอย่างรวดเร็วพอได้เห็นความรู้สึกเย็นๆ ที่ลำคอ เจิ้งชงก็เพิ่งตั้งสติขึ้นมาได้ จากนั้นก็ร้อนรนทำอะไรไม่ถูก จนไม่กล้าหายใจออกมาแรง พี่เปียวก็หัวเราะ “จะกำจัดกูงั้นหรือ? มึงคิดว่ากูมีดไม่ไหวแล้วหรือไงวะ?”
“พี่เปียว ท่านเปียว ท่านปู่ ปล่อย ปล่อยผมไปเถอะ” เจิ้งชงกังวลจนปากสั่น พูดออมาไม่รู้เรื่อง แต่เขาก็ยังร้องขอชีวิต
พี่เปียวก็มองเขานิ่งๆ พี่เปียวโกรธจริงๆ “มึงคิดว่ามึงเป็นใครวะ? ถึงกล้ามาหาเรื่องท่านฟางได้?ท่านฟาง?เขาก็ไม่อยากจะเอาเรื่องกลับมึง แต่มึงก็ยังจะโชว์เก่งอยู่ได้ ตอนนี้รักษาชีวิตไม่ได้ เริ่มกลัวแล้วสิ? เหอะ!”
ฟางเหยียนมีน้ำเสียงเย็นๆ จนทำให้คนเย็นเข้าไปถึงกระดูก “เอาตัวมา!”
“เอ๊ะ ไอ้ผู้ชายบ้านี่! ไม่มีความกล้าเลยหรือไง เมื่อครู่ยังอวดเก่งอยู่เลยไม่ใช่หรือไง? ตอนนี้มายอมรับผิดมันจะมีประโยชน์อะไร? ขายขี้หน้ามาก” จักรพรรดิชิงตี้ก็เดินบีบจมูกหลีกทางไป ไม่อยากจะหันไปมองเจิ้งชงที่ฉี่ราดพื้นไปแล้ว แต่ว่ากลิ่นฉี่มันก็แรงฉุนจมูก ดังนั้นเธอก็เลยตัดสินใจขึ้นรถรถหงฉีไป
คนขับรถก็ตั้งท่าเพื่อป้องกันจักรพรรดิชิงตี้ จักรพรรดิชิงตี้ก็ยิ้มเบาๆ แล้วก็นั่งที่เบาะข้างคนขับอย่างสบายใจ แล้วก็หยิบแป้งพับออกมาเติมหน้าอย่างกับไม่มีคนอื่นอยู่
ฟางเหยียนพูดไปนิ่งๆ ว่า “คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ”
คนขับรถก็ไม่ได้รอช้า คนเป็นทหาร ไม่มีคำว่ายอมแพ้ แต่ในเมื่อฟางเหยียนเอ่ยปากแล้ว ต่อให้ในใจไม่กลัว เขาก็ได้แต่ยอมไป แต่เขาก็ยังจับจ้องผู้หญิงคนนี้ทุกท่วงท่า พอเติมหน้าไปสักพัก จักรพรรดิชิงตี้ก็หันมา คนขับรถก็เกือบจะชักปืนออกมา!
จักรพรรดิชิงตี้ก็มองท่าทางของคนขับรถ แล้วพูดด้วยสีหน้านิ่งๆ ว่า “สามีของฉันพูดถูกต้อง ต่อให้คุณเป็นทหารหน่วยฝึกพิเศษที่ปลดออกมาแล้ว ตอนที่คุณชักผืนออกมานั้น คุณก็ได้กลายเป็นศพไปแล้วล่ะ มีชีวิตอยู่ดีๆ ไม่ดีหรือไง? เออนี่ แม่ของคุณไม่ได้บอกไว้หรือไง ว่ามาจ้องผู้หญิงแบบนี้มันไม่มีมารยาท?”
คนขับรถกลับถูกหาว่าถูกปลดประจำการแล้วงั้นหรือ?