จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 668 พ่อของเขาโทรมา!
ผู้หญิงคนนี้ทำอะไรแข็งกร้าวไปหน่อย โฉ่งฉ่างไปหน่อย!
คนขับรถก็พูดอะไรไม่ออก เขากลับถูกคนอื่นมาดูถูก ถ้าตำแหน่งของเขาถูกเปิดเผยออกไป ก็ทำให้หลายคนสะดุ้งได้เหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้ เขากลับถูกผู้หญิงคนหนึ่งพูดดูถูกเสียใจไม่เหลือชิ้นดี ทนไม่ได้ จะทนไม่ได้
ตอนที่ปืนพกของเขาเล็งไปทางหัวของจักรพรรดิชิงตี้แล้วนั้น ก็มีเสียงร้องเจ็บปวดดังออกมา ปืนในมือก็ร่วงหล่นลงไปในรถ เขาเพิ่งเห็นว่าที่ง่ามมือตนเองมีเลือดไหลไม่หยุด พอเห็นก็ตกใจเหงื่อตก ส่วนในใจก็อดคิดไม่ได้ว่า “เธอ เธอลงมือได้อย่างไรกัน? ไว ไวมาก”
“ถ้าไม่ได้เห็นว่าคุณเป็นคนขับรถของสามีฉันล่ะก็ ตอนนี้คุณคงกลายเป็นศพไปแล้ว ดังนั้นทางที่ดีอย่าลงไม้ลงมือมั่วๆ เข้าใจไหม?”
คนขับรถหันหน้าหนีอย่างไม่พอใจ โดยไม่กล้ากันไปมองฟางเหยียน อับอายไปทั้งใบหน้า จนอยากจะมุดแผ่นดินหนี
ขู่ให้กลัวดีกว่าฆ่า!
นี่มันทำให้เขาเจ็บปวดมากกว่าฆ่าเขาเสียอีก
เหมือนกับการโดนดูถูกเหยียดหยามอย่างมาก
“ชื่อเจิ้งชงใช่ไหม?”
ฟางเหยียนพูดเสียงเบา ในน้ำเสียงมีความเย้ยมองต่ำอยู่ด้วย ไม่ใช่แค่เจิ้งชงเท่านั้นที่รู้สึกว่ามีพลังอะไรบางอย่างบีบอัดเข้ามา แม้แต่พี่เปียวเองก็ยังรู้สึกว่าหายใจลำบากขึ้น ความรู้สึกแบบนี้เหมือนมีภูเขามาทับไว้ ทำให้อึดอัดมาก
หมูที่ตายไม่กลัวโดนน้ำร้อนลวก เจิ้งชงแสดงออกมาตามสำนวนนี้ออกมาหมด
เขาไม่ได้ร้องขอชีวิต กลับกันยังคงโอหังด่าออกมาว่า “มึงเรียกกูทำไมว่ะ? กูจะบอกให้นะ ทางที่ดีมึงปล่อยกูไปดีกว่า ไม่อย่างนั้นล่ะก็ เดี๋ยวมึงจะไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะร้องไห้”
ฝ่ามือฟาดลงไป เสียงดังดี
ผัวะ!
“เฮือก……”
เจิ้งชงก็ร้องอย่างกับหมูโดนเชือด กระเด็นออกไปเป็นเมตร ไม่เท่านั้น พี่เปียวเองก็โดนไปด้วย ต้องถอยออกไปหลายก้าว ถึงจะยืนได้มั่นคง ในสายตาก็สงสัย ว่าฝ่ามือนี้จะแรงมากแค่ไหนกันนะ?
ในท้องฟ้ายามค่ำมืด มีแต่เสียงร้องโอดโอยของเจิ้งชง ร้องได้อย่างโอดครวญมาก
คนก็เงียบกันหมด ทุกคนเห็นชัดเจนว่าเจิ้งชงโดนอะไรไป
ในขณะเดียวกันนั้น ในหัวของทุกคนก็เหลือความสงสัยอย่างหนึ่งว่า ฟางเหยียนที่นั่งอยู่ในรถนั้นเป็นคนหรือเปล่า? ตบไปฝ่ามือเดียวก็เล่นเอาเจิ้งชงกระเด็นลอยออกไป ยังไม่ต้องพูดถึงร่างกายของเขาที่ผอมจนลมจะพัดปลิวได้ เขาซ้ำยังนั่งอยู่ในรถอีกด้วย แขนขาไม่สามารถยื่นออกมาได้ แถมเจิ้งชงก็หนักกว่า90กิโล จะถูกตบตัวปลิวไปได้อย่างไรกัน?
ปลิวไปก็พอว่า แม้แต่คนตัวใหญ่ๆ อย่างก็ยังต้องถอยออกไปหลายก้าว นี่มันยังเป็นพลังของมนุษย์ที่เขามีกันอีกหรือนี่?
ตอนที่มีความคิดนี้ออกมานั้น ในใจของทุกคนก็เย็นวาบๆ
ถูกต้อง!
คนมือเปื้อนเลือดอย่างพวกเขา กลัวเข้าให้แล้ว!
การรังแกคนที่อ่อนแอกว่า แต่ยอมให้กับคนที่เก่งกว่า เป็นหลักการของพวกเขาอยู่แล้ว ดังนั้นจึงบอกได้ว่าทำไมตอนที่พี่เปียวปรากฏตัวออกมานั้น พวกเขาถึงได้รู้สึกกลัว แต่พอตอนนี้ ฟางเหยียนซัดเจิ้งชงกระเด็นออกไปในฝ่ามือเดียว คนโหดแบบนี้ ต่อให้ในมือพวกเขามีอาวุธ ในใจก็เกิดความกลัวจนไม่อยากจะสู้แล้ว
นี่คือคนที่ไหนกัน เป็นปีศาจชัดๆ ตอนที่มองไปยังรถหงฉี ในใจของทุกคนก็บังเกิดความกลัว ความกลัวแบบนี้มันผุดออกมาจากวิญญาณ ราวกับสายตาคู่นั้นมันจะสามารถฆ่าคนได้เลย
ทุกคนถึงจะได้สติกันขึ้นมา คนขับรถของเขาเก่งเสียขนาดนั้น คนที่นั่งอยู่ในรถจะแย่กว่าได้งั้นหรือ? ในขณะเดียวกันนั้น ทุกคนก็เข้าใจขึ้นมาได้ วันนี้ได้ทำเรื่องทำลายอาชีพตนเองไปแล้วแท้ๆ ถ้าถูกเจิ้งชงหลอกให้มาตาย ไม่เพียงต้องมารองรับความโมโหของชายคนนั้น แถมยังถูกพี่เปียวหมายหัวไว้อีก ช่างเป็นการพาตนเองมาทางตันแท้ๆ เลย
พวกเขาเกลียดเจิ้งชงมาก จนอยากจะไประบายใส่เจิ้งชง!
คนเก่งอยู่ที่นี่ยังไม่รู้จักหลีกทางทำตัวดีๆ ยังจะมาบ้าคลั่งรนหาที่ตายข้างๆ นรกอเวจีอีก รนหาที่ตายจริงๆ
แต่ประโยคหลังจากนั้นของเจิ้งชง ทำให้ใจของทุกคนในเหตุหารณ์หมดหวัง พวกเขารู้ดี ถ้าอยากจะมีชีวิตรอดได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นในวันพรุ่งนี้ คงจะเป็นไปไม่ได้แล้ว!
“ไอ้ฟางเหยียน กู กูจะฆ่ามึง!” เจิ้งชงพยายามดิ้นรนลุกขึ้นมา เดินเป๋ไปหลายก้าว แล้วตัวก็ล้มลงไปอีก แล้วเสียงก็เงียบตามไป จากนั้นก็หายใจอย่างแรง ตอนที่หายใจก็ยังไม่วายส่งสัญญาณออกคำสั่งให้คนอื่น “ทุกคนบุกไปเลย ฆ่าพวกมัน!”
เจิ้งชงพูดจบ พี่เปียวก็เข้ามาขวางด้านหน้าของทุกคนไว้ มีท่าทางที่เป็นเหมือนผู้กล้าขวางศัตรูนับหมื่นไว้ ส่วนคนต่อหน้าเขาไม่ขยับอะไรเลย ยืนมองหน้ากันไปมา
ฟางเหยียนคนเดียวก็สยบคนนับร้อยได้ นี่ไม่ใช่เรื่องตลก และไม่มีใครกล้ามองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องตลก เพราะถึงอย่างไรชีวิตของตนเองสำคัญที่สุด ออกมาเป็นจิ๊กโก๋นอกจากเรื่องคุณธรรมแล้ว ที่เหลือก็คือต้องรักษาชีวิตของตนเองไว้ให้ได้
พวกเขาไม่กล้าขยับกันจริงๆ พยายามอดกลั้นไว้อย่างมาก คนที่ดีใจที่สุดตอนนี้ก็คือพี่เปียว พอเห็นว่าไม่มีใครกล้าขยับ เขาก็กลอกตา แล้วก็เขาไปจับตัวของเจิ้งชงราวกับหยิบศพหมาตายตัวหนึ่งไปโยนไว้ข้างรถหงฉี
“ท่านฟาง เรื่องนี้ไม่ต้องให้ท่านลำบากหรอกครับ เดี๋ยวให้ผมจัดการเอง”
อยู่ในตำแหน่งแบบพี่เปียว เรื่องการประจบสอพลอถือว่าทำอย่างไรถนัดมากทีเดียว เขารู้ว่าตอนนี้ฟางเหยียนมีธุระต้องจัดการ ไม่อยากจะมาเสียเวลากับเจิ้งชง ดังนั้นเขาเลยออกตัวว่าจะจัดการให้
ฟางเหยียนก็ไม่ได้พูดอะไร พี่เปียวก็ยกตัวของเจิ้งชงขึ้นมาอย่างรู้งาน แล้วตบหน้าลงไปหลายครั้ง เจิ้งชงที่สลบไสลก็ฟื้นขึ้นมา พอเห็นฟางเหยียน ก็อึ้งๆ เขาทำไมถึงยังมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อีก? ไม่ใช่ถูกสับจนเละเป็นโจ๊กไปแล้วหรือไง? พอเขาหันหัวไป พี่เปียวก็ตบเข้ามาที่ใบหน้าอีก
ผัวะ!
เจิ้งชงเลือดกบปาก ในขณะเดียวกัน ฟันก็หลุดออกมาด้วย
เจิ้งชงเจ็บจนพูดไม่ออก ได้แต่จ้องเขม็งไปที่พี่เปียว อยากจะถลกหนังและสับพี่เปียวให้เป็นหมื่นๆ ชิ้น
“มึงเชื่อไหม ถ้ากูโทรศัพท์ออกไป ก็จะทำให้ความโอหังอวดเก่งของมึงสลายไปจนสิ้น?”
เจิ้งชงก็ขำ ขำจนเนื้อใบหน้าเกร็งเป็นตะคริว เขาเจ็บปวดเหงื่อก็เลยไหล แต่หว่างคิ้วยังเผยให้เห็นถึงความโอหังที่ยังหลงเหลืออยู่ โดยเฉพาะสายตาที่เผยความไม่พอใจออกมา โดยไม่สนใจว่าคำพูดของฟางเหยียนจะเป็นจริงหรือเท็จ
เขามีนิสัยโอหังแบบนี้อยู่แล้ว ตระกูลเจิ้งอยู่เจียงตู ถือว่าเป็นตระกูลระดับกลาง มีชื่อเสียงอยู่ มีกิจการที่ต่อสู้มามากมาย จะกลัวกลับแค่ประโยคเดียวงั้นหรือ? พูดเล่นหรือเปล่า? แม้แต่ผู้นำตระกูลฟาง ฟางจินหยวนก็ไม่กล้าพูดออกหรอกมั้ง? ยิ่งไม่ต้องพูดไอ้หน้าอ่อนที่ถูกประคบประหงมเลี้ยงดูมาแบบนี้หรอก
ช่างไม่รู้ตำแหน่งของตนเองบ้างเลย!
ต่อให้ต้องใจฟางฟัง แล้วมีเวินหลานมาอยู่ข้างๆ แล้วก็มีสาวสวยดั่งนางฟ้าคนนี้คอยปกป้อง แล้วจะอย่างไร? ก็ยังเปลี่ยนแปลง “สวะ” ที่เกาะผู้หญิงกินไม่ได้หรอก คำพูดของ “สวะ” จะเป็นความจริงได้หรือ? พูดตามตรง เจิ้งชงก็รอคอยเหมือนกัน ว่าไอ้ “สวะ” คนนี้จะทำให้ตระกูลเจิ้งสูญหายไปได้อย่างไร!
ฟางเหยียนก็ไม่อยากจะไปสนใจด้วย ก็หยิบโทรศัพท์ออกมาคุยสองสามคำ แล้ววางสายไป
ในใจของเจิ้งชงนี่นะ คิดว่าตัวเองเก่งตัวเองดัง ทำท่าวางมาด เวทีรางวัลออสก้าต้องให้รางวัลแล้วล่ะ!แต่ความตื่นเต้นในปากของเขาสืบเนื่องต่อไปได้ไม่นาน โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วก็บ่นๆ ว่า “ดึกดื่นแบบนี้ ใครมันยังจะโทรหากูอีกวะ!”
พอมองชัดแล้ว คำด่าก็หยุดลงทันที คิ้วก็ขมวดขึ้นมา
คือพ่อของเขาเอง!
เป็นเขาได้อย่างไรกัน?
เขาคิดจนหัวแทบแตกก็คิดไม่ออก พ่อที่ไม่เคยเป็นห่วงตนเอง ทำถึงมาโทรหาเขาดึกดื่นได้ แถมยังเป็นเวลาแบบนี้อีกด้วย ทันใดนั้น ในใจของเขาก็กระตุก ลางสังหรณ์ไม่ดีก็ขึ้นมาในหัว แล้วก็มองไปยังฟางเหยียน จากนั้นรีบกันหลับมา ไม่มีทางจะเป็นฟางเหยียนได้
ถ้าเป็นฟางเหยียนจริงๆ เขาก็จะกินโทรศัพท์เข้าไปเลย!
พอปรับการหายใจได้ ก็หายใจเข้าลึกๆ ยังไม่ทันได้เอ่ยปากออกมา ทางสายโทรศัพท์ฝั่งนั้นก็ตะโกนออกมา
“ไอ้ลูกหมา มึงไปก่อเรื่องวุ่นวายอะไรด้านนอกวะ กิจการที่กูสร้างมาอย่างยากลำบาก ถูกมึงทำลายหมดเลย ถ้ามึงไม่ได้คนอื่นยกโทษให้ล่ะก็ มึงกับกูก็ตัดความเป็นพ่อลูกกัน ไม่สิ กูจะฆ่ามึงเสีย!”
โทรศัพท์ร่วงลงพื้น เขาตัวสั่นระริก อ้าปากค้างมองไปยังฟางเหยียน