จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 674 วุ่นวาย วุ่นวายครั้งใหญ่
รูม่านตาของฟางเหยียนหดตัว แรงอาฆาตเต็มเปี่ยม ปีศาจฆ่าคน แล้วยังเป็นทหารอีกด้วย!
สิ่งที่ทำให้เขาช็อกที่สุกคือ คนนั้นยังเรียกตัวเองว่าเป็นลูกน้องของจอมพลโผ้จวิน ทุกสิ่งที่ทำล้วนเพราะฟังคำสั่งของจอมพลโผ้จวิน!
เป็นไปได้ยังไงกัน!
ไม่ว่าจะเป็นพรรคพวกของสำนักเจ็ดพิฆาตหรือพี่น้องของกองทัพที่ออกมา ใครมันจะบ้าคลั่งได้ขนาดนี้? สังหารผู้คน สังหารผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ นี่เป็นข้อห้ามของกองทัพ นี่จะถูกส่งไปลานประหาร สุดท้ายก็ถูกตัดหัว!
การสังหารที่บ้าคลั่งแบบนี้ จะเป็นคำสั่งของฟางเหยียนได้อย่างไรกัน!เขารักประชาชนของตนเองจะแย่ แล้วจะปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาสังหารคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ได้อย่างไรกัน?
พูดเป็นเล่นอะไรกัน!
แรงอาฆาตในตาของเขายิ่งอยู่ยิ่งมากขึ้น ไม่ว่าใครให้ทำ ก็เป็นคนทรยศ ปีศาจฆ่าคนที่เป็นทหารนี้ ได้ถูกหมายหัวแล้ว
จักรพรรดิชิงตี้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าฟางเหยียน ก็อดที่จะตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้
ใช่ กลัวสุดขีด
ความเหี้ยมโหดของฟางเหยียนเหมือนกับลายน้ำที่กระจายตัวออก อากาศรอบๆตัวจู่ๆก็ลดลงหลายองศา เหมือนกับถูกคนโยนลงไปในรูน้ำแข็ง หมดหนทางและอ่อนแอ จักรพรรดิชิงตี้รับรู้ได้ถึงการข่มขู่ กดจนเธอทรมานมาก
ทันใดนั้น เขาก็นึกออกเรื่องหนึ่ง
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลโจวที่ดินแดนตะวันตก ที่ตระกูลโจวปรากฏคนที่ปลอมตัวเป็นจอมพลโผ้จวินของเขา แต่ถูกเขาสังหารในงานทันที และที่เขาปลอมตัวเป็นฟางเหยียนมีเพียงเหตุผลเดียว นั่นก็คือหวังว่าตระกูลโจวแห่งดินแดนตะวันตกอยู่ในอาณัติของเขา พูดง่ายๆคือ นี่คือเพลิงเสวนจงใจใช้ชื่อของฟางเหยียน ขยายอำนาจของตัวเอง!
หรือ……เพลิงเสวนได้ใช้วิธีการเดิมอีกแล้ว?
ใส่ร้ายป้ายสี?
นี่เป็นวิธีต่ำช้าไม่ใช่เหรอ?
เพลิงเสวนยังคงไม่ได้เล่ห์ก็เอาด้วยกล!
ไม่สิ!
เพลิงเสวนยังไม่งั่งถึงขั้นใช้ชื่อของจอมพลโผ้จวินมาใส่ร้ายป้ายสีเขา เพราะบทเรียนครั้งที่แล้วทำให้พวกเขาเสียหายใหญ่หลวง อย่างน้อยตอนนี้พวกเขาก็ไม่กล้าเหิมเกริม
ไม่ใช่เพลิงเสวน?
หรือจะเป็นคนของกองทัพจริงๆ?
ช่างเหอะ!
คิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิดแล้ว ถึงตอนนั้นให้เทียนหลังสืบเอาก็ได้
ฟางเหยียนเก็บความเหี้ยมโหด มองออกไปยังท้องนานอกหน้าต่าง แล้วเดินออกไป
จักรพรรดิชิงตี้เพิ่งรู้สึกตัว จึงรีบไล่ตามไป “ที่รักคะ สายตาเมื่อกี๊ของคุณทำให้ฉันกลัวมาก ราวกับจะฆ่าคนได้”
ฟางเหยียนไม่ได้ตอบเธอ เดินไปที่สะพานไม้โดยตรง มองลำธารที่ไหลมาช้าๆ ค่อยๆหลับตาลง ฟังอะไรบางอย่าง ไม่นาน เสียงสัตว์ร้องเจื้อยแจ้ว ข้างๆหู สิ่งรอบข้างๆเปลี่ยนไป จากเสียงน้ำไหลดังเข้าไปในโสตประสาท ใบหน้าของฟางเหยียนปรากฏเป็นความปรารถนาอันแรงกล้า
ตอนนี้เขาเหมือนกับผู้เฒ่าที่ตกปลาอย่างไรอย่างนั้น เชยชมความงามของธรรมชาติอย่างสงบ เขาลืมไปแล้ว ว่านานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้อยู่กับธรรมชาติ ยังจำที่อาจารย์ของตนพูดไว้ได้ สภาพจิตใจ จิตใจสงบ สิ้นสุดของใจ ตอนนั้นเขาก็เข้าใจความหมายของสามคำนี้แล้ว จิตใจสงบลง จึงจะไปถึงสภาพจิตใจ เมื่อถึงสภาพจิตใจก็เป็นจุดสิ้นสุดของใจ หัวใจใหญ่ขนาดไหน ความสามารถก็มากขนาดนั้น นี่เป็น‘ใจสามดวง’ที่อาจารย์ของเขาให้เขาไว้ก่อนไป
เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ทำให้จิตใจของเขาไม่สามารถสงบลงได้ ไม่ได้ถามใจของตัวเองเลยเสียด้วยซ้ำ ว่าจะสำเร็จได้อย่างเร็วมั้ย แต่ฟางเหยียนที่ตอนนี้ปลีกเวลาออกมา จู่ๆก็พบว่าในใจของเขาราวกับหุนหันพลันแล่นขึ้นมา ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาเลือกที่จะอยู่ในป่าลึก เข้าใกล้ธรรมชาติ บรรเทาในใจที่หุนหันพลันแล่นของตัวเอง
เขาไม่ใช่เถาหยวนหมิง ไม่สามารถกลับไปสู่ความคิดสูงส่งที่เด็ดเบญจมาศดาดาษรั้วเบื้องบูรพา แล้วแหงนหน้าพินิจถิ่นทักษิณได้ และเขาก็ไม่ใช่จูตุนหรู ที่จะดื่มเหล้าทุกวัน มองดูดอกไม้บาน เต้นรำรื่นรมย์ โดยไม่คิดอะไรได้ เขาเพียงแค่ศรัทธาว่าธรรมชาติคืนกลับมาอย่างมีความหมายที่แท้จริง อยากจะบอกว่าฉันใดให้ใครฟังกลับลืมถ้อยความ ฟางเหยียนได้เคลิบเคลิ้มเหมือนพระแก่ชันษาก็มิปราณ นี่ทำให้จักรพรรดิชิงตี้ไม่เข้าใจ แววตาที่เหมือนน้ำคู่หนึ่งมองไปที่เขา ถ้านี่เป็นครั้งแรกครั้งที่สองของฟางเหยียน เธอจะไม่รู้สึกประหลาดใจเลย แต่วันนี้เป็นวันที่สามแล้ว
เมื่อสองวันก่อน เขาก็นั่งเงียบๆที่สะพานไม้ พอนั่งก็ปาเข้าไปหลายชั่วโมง หลายครั้งที่หมกมุ่นจนลืมกิน ราวกับทั้งตัวได้รวมกับธรรมชาติเข้าด้วยกัน ไม่มีทางแยกจากกันได้
นั่งเงียบๆแบบนี้มีประโยชน์อะไร?
หรือเขากำลังฝึกฝนวิชา?
ในหัวของจักรพรรดิชิงตี้มีปัญหามากมายที่ไม่ได้รับการแก้ไข และทุกครั้งที่ฟางเหยียนนั่งเงียบๆ ดูเหมือนว่าเธอจะรำคาญไม่พอใจมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร บ้านพักในป่าลึก ชายหญิงนอนร่วมห้องกันตามลำพัง หรือเขาไม่มีความคิดอะไรเลยงั้นเหรอ?
จักรพรรดิชิงตี้มองดูตัวเองด้วยจิตใต้สำนึก กล่าวอย่างผิดหวังว่า “ฉันแย่ขนาดนี้เลยเหรอ? ไม่มีค่าให้เขามองแม้แต่น้อยเลยเหรอ?”
ในขณะที่เธอกำลังจิตใจวุ่นวายอยู่นั้น จู่ๆฟางเหยียนก็ยืนขึ้น “ไป!”
“ไปไหน?” จักรพรรดิชิงตี้ชะงักไป เพิ่งพบว่าฟางเหยียนได้เดินไปไกลมากแล้ว ไล่ตามไปอย่างสบายๆ ถามอย่างร้อนรนว่า “ที่รักคะ พวกเราจะไปไหนกัน?”
“เอาคำว่าพวกออก” ฟางเหยียนกล่าวอย่างนิ่งสงบ สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
จักรพรรดิชิงตี้ได้สติกลับมา ฟางเหยียนจะทิ้งเธออีกแล้ว “คุณจะทิ้งฉันอีกแล้ว ไม่ได้!”
“ผมไม่มีเวลาไร้สาระกับคุณ คุณจะทำอะไรก็ไปทำเถอะ”
พูดจบ เดินไปจากบ้านพักอย่างเร็ว
มีคำพูดที่มักกล่าวกันว่า “ใจเย็นสักหน่อย ถอยสักก้าวก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น!”
เมื่อคำพูดนี้มาตกที่ฟางเหยียน กลายเป็นว่า ถอยสักก้าวยิ่งอยู่ยิ่งโมโห!
หลังจากขึ้นรถแล้ว คนขับรถเหยียบคันเร่งออกไป รถเก๋งหงฉีขยับบนถนนที่เส้นทางเล็กเต็มไปด้วยโคลน คนขับรถจึงได้ถามว่า “จอมพลครับ เราจะไปไหนกันครับ?”
“หนานหลิง!”
หนานหลิง!
รีสอร์ทหยูฉวน!
ช่วงนี้ รีสอร์ทหยูฉวนถูกโจมตีน้อยใหญ่หลายสิบครั้ง ทุกการโจมตีล้วนโจมตีรวดเร็วอุดหูไม่ทันไปที่ประตูใหญ่ของรีสอร์ทหยูฉวน ต้านทานพลังไม่ไหว โหดเหี้ยมทารุณ ถ้าไม่ใช่เหอวี่เฉวียนปกครองเอง รีสอร์ทหยูฉวนถูกทำลายไปนานแล้ว
รีสอร์ทหยูฉวนอาศัยข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ที่ดี ขวางผู้รุกรานไว้ด้านนอกเขาทุกครั้ง แต่ก็ทุ่มเทไปหนักหน่วง คนที่ตายก็เพิ่มมากขึ้นทุกวัน น่าเวทนาเกินกว่าจะดูได้เสียจริงๆ
นี่ไม่ใช่ ถึงวันนี้ ศพที่อยู่หน้าประตูของรีสอร์ทหยูฉวนสะสมเป็นกองภูเขาไปนานแล้ว ด้วยเหตุนี้คนจำนวนไม่น้อยต้องทุพพลภาพ แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ ยังคงไม่สามารถอยู่เหนือกองทัพของการโจมตีของผู้รุกรานได้ พลังมากขึ้นไปอีก แอบมีร่องรอยของช่องประตูใหญ่
พวกเขาประครองลมหายใจไว้ได้ ที่พึ่งพาได้ที่สุดก็คือประตูใหญ่ของรีสอร์ทหยูฉวน ถ้าประตูใหญ่ถูกเปิดออกแล้ว สิ่งที่รอพวกเขาก็ทีเพียงความตายทางเดียวเท่านั้น!
“ผู้อาวุโสเหอ การโจมตีของวันนี้รุนแรงกว่าเมื่อก่อนแล้วครับ เกรงว่าพวกเราจะต้านทานไว้ไม่อยู่แล้ว คนที่ไม่รู้ที่มาพวกนี้ราวกับว่ารวมเข้าด้วยกันแล้ว ทั้งหมดล้วนฟังคำสั่งชายฉกรรจ์ที่สูงใหญ่คนเดียว แล้ว แล้วก็ คนนี้เหมือนจะคุ้นตาอยู่นะครับ เหมือนกับจะเป็นปีศาจฆ่าคนที่ชื่อเสียงโด่งดังในช่วงนี้”
เหอวี่เฉวียนมองคนสนิทที่เต็มไปด้วยเลือด ใบหน้าชราภาพที่เต็มไปด้วยริ้วรอยพร้อมด้วยความโศกเศร้า ในมือถือลูกประคำที่เต็มไปด้วยเลือด เพียงพอที่จะดูออกว่าช่วงนี้รีสอร์ทหยูฉวนถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงขนาดไหน
เหอวี่เฉวียนนั่งบนเก้าอี้ไต้ซือ เอาลูกประคำที่อยู่ในมือ ครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าว “ปีศาจฆ่าคนฝีมือไร้คนต้านทาน การมาของเขา เกรงว่าพวกเราจะเอาไว้ไม่อยู่
“ผู้อาวุโสเหอ งั้นพวกเราควรจะทำยังไง? หรือมองดูพวกเขาบุกฆ่าเข้ามาโดยไม่ทำอะไรงั้นเหรอครับ?”
“สู้จนถึงนาทีสุดท้าย!”
พูดจบ จู่ๆลูกประคำในมือของเหอวี่เฉวียนก็แตก ตกลงกับพื้นดังแต๊กๆๆๆ ตกใจจนคนที่อยู่ตรงหน้าตัวสั่น ลูกประคำแตกไม่ใช่ลางอะไรที่ดีเลยนะ! โดยเฉพาะตัวของเหอวี่เฉวียนเอง หน้าตาถมึงทึงสุดขีด