จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 701 สายลับ
พอเสร็จกิจบนเตียงกันเรียบร้อยแล้ว หลินถงก็นอนหมดแรงบนเตียง เธอเหงื่อไหลย้อยไปทั้งตัว สีหน้าเต็มอิ่มมีความสุข
พอมาดูฟางเหยียนไว้หน้า กลับมีสีหน้าเย็นชา หน้านิ่ง เรื่องบนเตียงเมื่อครู่ ก็เหมือนกับการไปกินข้าวดื่มเหล้าปกติทั่วไปเท่านั้น
ไม่ใช่ว่าเขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เขาเองก็เป็นผู้ชาย ก็ต้องมีความสนใจเป็นธรรมดา เพียงแต่สำหรับตัวหลินถงนั้น เขาไม่ได้มีความรู้สึกที่พิเศษอะไร! ถ้าเปลี่ยนเป็นเย่ชิงหยู่ล่ะก็ เขาคงจะมีอารมณ์ร่วมมากกว่านี้
“ขอบคุณนะ!” หลินถงเหนื่อยหน้าแดงพูดกับฟางเหยียน
ผู้หญิงแปลกๆ คนนี้ มีคนมากมายอยากจะได้ตัวเธอ แต่เธอกลับมารักฟางเหยียนคนเดียว ตอนนี้ก็ได้สมอารมณ์หมาย เธอก็มีแต่ความคิดเดียว นั่นก็คือ อยากจะต่ออีกสักยก
เรื่องแบบนี้เธอไม่กล้าพูดออกมาเอง ดังนั้นก็ได้แต่…….
ทันใดนั้น เธอก็เลยเดินออกไป เข้าไปกอดฟางเหยียนไว้จากทางด้านหลัง
พอสัมผัสได้ว่า ทางด้านหลังมีอะไรนิ่มๆ มาสัมผัส ฟางเหยียนก็ควบคุมจุดที่ร้อนผ่าวของตนเองไว้ แล้วพยายามอดกลั้นมันลงไป มีอะไรกันลึกซึ้งแบบนี้ครั้งเดียวก็พอแล้ว เขาไม่อยากจะต่ออีกรอบ เขาเองก็ไม่ได้ดึงแขนของหลินถงออก ให้เธอกอดอยู่อย่างนั้นแหละ
“ตอนนี้ไปแล้วได้ใช่ไหม?”
ตามหาน้ำไร้หน้าถึงจะเป็นเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เขาไม่อยากมาหลงอยู่ในเรื่องรักๆ ของหญิงชายแบบนี้ เล่นสนุกไร้ประโยชน์!
“ดูเหมือนจะไม่ได้ ตอนนี้ขาของฉันอ่อนแรง จะเดินทางไกลได้อย่างไรกัน!พวกเราค่อยออกเดินกันพรุ่งนี้ตอนเช้าดีไหม?”
หลินถงดูเหมือนจะพูดแบบออดอ้อน เสียงนุ่มนวล ชวนให้สยิว
ฟางเหยียนก็เพิ่งพบว่า หลินถงที่ออดอ้อนแบบนี้แหละ คือปรปักษ์ของผู้ชายอย่างแท้จริง
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าผมมารับคุณ”
ฟางเหยียนพูดไป แล้วก็เตรียมจะกลับ
“ปล่อยผม!” ฟางเหยียนพูดอย่างใช้น้ำเสียงอย่างตักเตือนหลินถงออกไป
“อือ” หลินถงก็เศร้า แล้วก็รีบปล่อยตัวฟางเหยียน จากนั้นสวมชุดนอนลงไปนอนบนเตียง พร้อมถามว่า “เออนี่ฟางเหยียน คุณรวบรวมของล้ำค่าของหลับใหลไว้มากมาย หรือว่าคุณคิดอยากจะรับมือกับเพลิงเสวนงั้นหรือ?”
รับมือกับเพลิงเสวนงั้นหรือ?
ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายได้ประมือกันอย่างเต็มกำลังแล้ว พูดอย่างไม่เกินไปเลยก็คือ ถึงขั้นต้องตายกันไปข้างหนึ่งแล้ว แค้นของพี่น้องทั้งหลายไม่ต้องแก้แค้นแล้วหรือไง? ทิ้งความเป็นส่วนตัวเพื่อเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ ด้วยฐานะนายพลห้าดาวของเขา เขาไม่มีทางให้พวกก่อกรรมทำเข็ญอย่างเพลิงเสวนขยายกว้างขึ้นได้แน่
หรับเพลิงเสวนนั้น ฟางเหยียนคิดเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือ ฆ่าไม่ให้เหลือ!
ต่อให้รวบรวมของล้ำค่าทั้งหยินเหมินทั้งห้าแล้วอย่างไร? จะจัดการกับเพลิงเสวน ต่อให้มีหยินเหมินมากมายก็ช่วยอะไรไม่ได้ การฟื้นกำลังถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ถ้าอาการบาดเจ็บของเขายังไม่ฟื้นตัว เรื่องมากมายก็จะจัดการให้เสร็จไม่ได้ โดยเฉพาะองค์กรเก่าแก่ที่มีมากว่าสองพันปีอย่างเพลิงเสวน ในนั้นจะต้องมีพวกตัวประหลาดที่ไร้คู่ต่อสู้อยู่แน่
ด้วยร่างกายที่บาดเจ็บและเหลือพลังเพียง6ส่วนของเขานี้ ไปรับมือกับพวกตัวประหลาดนั้น คงจะมีแต่ใจแต่ไร้เรี่ยวแรง ไม่เพียงไม่สามารถกวาดล้างองค์กรเก่าแก่พวกนี้ เกรงว่าคงจะต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงชีวิตด้วย
เขากลัวตายงั้นหรือ?
ไม่ใช่!
ตั้งแต่ที่พ่อแม่ถูกฟางจิไว้หน้าหยวนฆ่าตาย ตั้งแต่ที่ตนเองถูกลุงเย่รับเลี้ยงที่ตระกูลฟาง ตั้งแต่ตอนที่ลุงเย่ถูกทำร้าย ตั้งแต่ที่เขาได้กับเย่ชิงหยู่ ตั้งแต่ตอนที่เขาได้เข้ากองทัพ หัวใจของเขาก็ได้ตายด้านไปแล้ว ดั่งที่ว่าเสียใจก็ไม่เท่ากับหัวใจที่ตายด้าน สูญเสียอะไรไปตั้งมากมาย แบกรับอะไรไว้มากมาย เขาได้ปลงกับความเป็นตายไปแล้ว
แต่ความแค้นเป็นสิ่งเดียวที่เขาต้องการจะทำ
เลือดของพี่น้องในสำนักเจ็ดพิฆาต เทียนหม่าและผู้กล้าทุกคนจะต้องไม่เสียเปล่า และพวกเขาก็ไม่ควรถูกลอบทำร้าย จนต้องตายอย่างไม่รู้เรื่องอะไรเลย พวกเขาควรได้สละชีพได้สงคราม แต่ไม่ใช่มาถูก “คนกันเอง” อย่างเพลิงเสวนฆ่าตาย!
เลือดต้องแก้แค้นด้วยเลือด!
แต่ฟางเหยียนยังไม่อาจจะมองชีวิตของพี่น้องเป็นผักปลา ขณะที่เผชิญกับปัญหาของเพลิงเสวน ต่อให้เขาต้องตายก็ไม่เสียดาย เพราะว่าเพลิงเสวนสมควรตาย!
เขาไม่อยากให้การที่ตนเองไม่ทำอะไรแล้ว แล้วให้พี่น้องในกองทัพเสียใจ คนก็เป็นแบบนี้แหละ เมื่อเสียใจก็จะไม่มีความหมายที่จะอยู่ต่อ ต่อให้ต้องใช้กำลังทั้งหมด เขาก็จะต้องแก้แค้นให้ได้!
ดังนั้น การตายนั้น สำหรับเขาแล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัวเลย ยิ่งกว่านั้น คนที่จะยิ้มในตอนท้ายจะต้องเป็นเขาเองแน่นอน
ก่อนที่พลังของเขาที่ฟื้นกลับมา ก็ให้พวกเพลิงเสวนมันได้ใจไปพักหนึ่งก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร เพราะถึงอย่างไรไอ้พวกเพลิงเสวนก็เหมือนกับตั๊กแตนหลังฤดูใบไม้ร่วง ดีใจได้ไม่เท่าไรหรอก
เพราะว่าสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือ ฟางเหยียนเชื่อว่าหลินถงไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่รู้แต่เรื่องบนเตียง ออดอ้อนผู้ชายไปวันๆ ที่หวังอยากจะฟางเหยียนอยู่ต่อ คงจะมีเหตุผลอื่น เหตุผลนั้นก็เดาได้ไม่ยาก คงจะเกี่ยวข้องกับงานของหลินถง และนั้นก็คือการตามหาน้ำไร้หน้า
น้ำไร้หน้าเป็นสิ่งล้ำค่าของสำนักไว้หน้า และตอนที่อู๋หมิกางเกงยีนถูกฆ่านั้น ก็ไม่เคยเอ่ยถึงเลย เพียงพอให้ชี้ชัดว่าน้ำไร้หน้ายังอยู่ในสำนักไร้หน้า หรือไม่ก็ถูกคนอื่นในสำนักไร้หน้าเอาไปแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ก่อนออกเดินทางจะต้องวางแผนให้รอบด้าน ป้องกันการเกิดอะไรผิดปกติ
แม้แต่เพลิงเสวนเองก็สนใจในน้ำไร้หน้าเหมือนกัน อันตรายและความยากลำบากก็มีโดยไม่ต้องพูดถึง สำหรับการกระทำของเพลิงเสวนนั้น จะส่งหลินถงไปคนเดียวไม่ได้
หลินถงยิ้มพูดว่า “งั้นตอนนี้พวกเราก็มาตกลงเรื่องการเดินทางในวันพรุ่งนี้ ดีไหม?”
“ได้ ผมอยากถามหน่อย นอกจากคุณแล้ว ยังมีใครรู้เรื่องสำนักไร้หน้าอีกไหม หรือไม่ก็ นอกจากคนของสำนักไร้หน้าแล้ว ยังมีใครที่สามารถเข้าใกล้น้ำไร้หน้าได้อีก”
หลินถงส่ายหัว “จริงๆ แล้วฉันก็เหมือนกับคนเพิ่งได้รู้เรื่องในสำนักไร้หน้าเท่านั้น มีแต่ตอนที่เจ้าสำนักอู๋หมิงต้องการฉัน ถึงจะเรียกฉันเข้าไป เพราะว่าหน้าที่ของฉันคือสร้างรากฐานให้กับตระกูลถัง ถ้าพวกเราอยากจะตามหาน้ำไร้หน้า ก็จะต้องเริ่มต้นจากสำนักไร้หน้า นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ฉันคิดออก”
พูดถึงจุดนี้ สีหน้าของหลินถงก็ไม่เป็นธรรมชาติ “แต่ฉันรู้สึกว่าเรื่องมันต้องไม่ง่ายแบบนี้แน่ โดยเฉพาะทางฝั่งเพลิงเสวน!”
ฟางเหยียนเองก็เข้าใจที่หลินถงคิด จากการคาดคะเนของเขา เพลิงเสวนคงจะไม่ส่งหลินถงไปตามหาน้ำไร้หน้าคนเดียวแน่ คงจะต้องแอบส่งคนไปคอยจับตาดูด้วย นี่ถึงจะเหมือนความฉลาดแกมโกงของเพลิงเสวน
“ถ้าพวกเพลิงเสวนมันกล้าออกมา จุดจบของพวกมันคือความตาย!”
หลินถงใจเต้น ที่ฟางเหยียนพูดเมื่อครู่นี้ รังสีอาฆาตโชยออกมา เธอจึงนึกขึ้นได้ จริงๆ แล้วฟางเหยียนเป็นคนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นมาก จริงๆ จากการที่ได้ทำความรู้จักมากขึ้น หลอนถงก็ได้เลือกที่จะลืมฟางเหยียนคนเก่าไป ส่วนฟางเหยียนที่ได้อยู่กับเธอสองต่อสองนี้ ถึงจะเป็นความต้องการและความหวังของเธอ เพราะว่าฟางเหยียนในตอนนี้ ถึงจะเป็นคนปกติธรรมดา
“เอาเถอะ เวลานี่ก็ผ่านไปนานแล้ว พวกเราไปกินข้าวเถอะ ดีไหม?”
ฟางเฟยียนไม่ได้ปฏิเสธ ทั้งสองคนออกจากห้องไปพร้อมกัน แต่ว่าตอนที่ออกจากห้องนั้น ฟางเหยียนก็เหลือบๆ มองทางด้านหลัง มุมปากก็แสหยะยิ้มอย่างเย็นชาออกมา
เขาก็มั่นใจได้อย่างหนึ่งว่า เพลิงเสวนจะต้องส่งคนมาจับตาดูหลินถงแน่ แต่หลินถงไม่รู้ตัว ชี้ชัดได้อย่างเดียวว่า คนที่คอยติดตามเธอนั้น มีฝีมือสูงกว่าหลินถง
ฟางเหยียนไม่ได้แหวกหญ้าให้งูตื่น แล้วกำจัดสายลับนั้นไป ที่เขาอยากจะทำก็คือ เอาร่องรอยของตนเองไปบอกกับเพลิงเสวน ให้พวกนั้นเข้ามาอยู่ในแผนของฟางเหยียน ถูกต้อง เขาต้องการที่จะจูงจมูกของพวกเพลิงเสวน ดึงดูดจุดสนใจ และคอยระวังภัยให้กับเทียนขุยได้สืบข่าวจากตระกูลอื่นๆ
สองคนกินข้าวกันเร็วมากแล้ว ก็กลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง
แต่ว่าครั้งนี้ที่เข้ามา ฟางไว้หน้ายียนก็ตรวจสอบข้าวของที่วางในห้องอย่างละเอียด โดยเฉพาะพวกเครื่องดักฟัง หรือกล้องวงจรปิด พวกกล้องวงจรปิดนั้น สำหรับเขามันก็เหมือนของเด็กเล่น ไม่ถือว่าเป็นของดีอะไร ถ้าอยู่ในกองทัพหรือในสำนักเจ็ดพิฆาต พวกนี้ถือว่าเป็นวิชาพื้นฐานที่ต้องเรียนรู้
หลินถงก็มีสีหน้าสงสัย ไม่รู้ว่าฟางเหยียนจะทำอะไร?
“ฟางเหยียน คุณ….”