จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 705 หนูซวง
ก๊อกๆๆ
พอเสียงดังขึ้นหลายครั้ง ในกระท่อมก็มีแสงไฟสว่างขึ้นเล็กน้อย ในขณะเดียวกันก็มีเสียงพูดอย่างสงสัยของหญิงแก่
“ตาแก่เอ้ย ดึกขนาดนี้ยังมีใครมาเคาะประตูอีกล่ะน่ะ รีบไปดูหน่อยซิ”
หลังจากชายแก่ตอบรับ แสงไฟในกระท่อมก็สว่างขึ้นกว่าเดิม ประตูไม้แง้มออกเป็นเสียง ในช่องว่างเห็นเป็นหน้าแก่ๆ คนหนึ่ง ถามออกมาอย่างระวังตัวว่า “ใครล่ะเนี่ย”
“ปู่จาง หนูเองค่ะ หนูซวงเองค่ะ” หลินถงยิ้มหวานตอบไป
“หนูซวงงั้นหรือ?” ชายแก่เปิดประตูกว้างขึ้น แล้วก็ตะโกนเข้าไปในบ้านอย่างดีใจว่า “ยัยแก่เอ้ย มาดูเร็วใครมา?”
“ฉันไม่ได้หูหนวกเสียหน่อย จะตะโกนเสียงดังทำไมกัน?” หญิงแก่ก็ดีใจอย่างเห็นได้ชัด เดินขากะเผลกมาที่ประตู แล้วหัวเราะพูดว่า “หนูซวง ดึกขนาดนี้แล้ว หิวไหมจ๊ะ? เดี๋ยวย่าไปทำอะไรให้กินนะ”
หลินถงก็ซาบซึ้ง ดวงตาเป็นประกาย คนแก่สองคนที่ไม่ได้เป็นญาติอะไรกัน แต่สนิทกันยิ่งกว่าญาติเสียอีก มักจะรักและดูแลเขาอย่างเรียบง่ายแบบนี้ตลอด
“เอ๊ะ พ่อหนุ่มคนนี้คงจะเป็นแฟนของหนูใช่ไหมจ๊ะ?” หญิงแก่ทำตาหยีถามออกมา
“ย่าคะ เขาชื่อฟางเหยียน เป็น เอ่อเป็น………”
“เอาเถอะ เข้ามาคุยกันข้างใน ข้างนอกลมแรง เดี๋ยวจะหนาวเอา ตาแก่เอ้ย รีบไปก่อไฟ หนูซวงคงจะหิวมาแน่” หญิงแก่จูงมือหลินภงกับฟางเหยียน แล้วก็เรียกตาแก่ไปด้วย
ตาแก่ก็เหมือนจะดีใจมาก หันมามองพวกฟางเหยียน แล้วก็เข้าห้องครัวไป
“อื้ม พ่อหนุ่มคนนี้ รูปร่างสูงใหญ่ หนูซวงช่างตาถึงจริงๆ เลยนะ ย่าถามหน่อยนะ ดึกดื่นแบบนี้พวกหนูขึ้นเขามาทำอะไรกัน?”
“ย่าคะ ก็คิดถึงย่าไงล่ะคะ?” หลินถงจับมือหญิงแก่อย่างสนิทสนม แล้วก็แกล้งพูดอ้อนว่า “หรือว่าย่าไม่อยากเจอหนูแล้ว?”
“ฮ่าๆ ……ยัยหนูซวงคนนี้ รู้จักแกล้งย่าจริงๆ เลยนะ” พูดถึงจุดนี้ หญิงแก่ก็เหมือนจะคิดอะไรออก รอยยิ้มค้างอยู่บนใบหน้า “ยัยหนู3คนนี้ ก็ไม่ได้ลงเขามานานแล้ว ย่าก็ขาแข้งไม่ค่อยดี ไปหาพวกเธอไม่ได้ ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเธออยู่สุขสบายดีหรือเปล่า?”
บรรยากาศเริ่มกร่อย หลินถงยิ้มกร่อยๆ พูดไปว่า “ย่าคะ พวกเธอสบายดี แต่ว่าต้องออกไปที่ห่างไกล อีกนานกว่าจะกลับ”
ฟางเหยียนพบว่า หลินถงในตอนนี้ถึงจะเป็นตัวหลินถงจริงๆ
“เอ้อ แล้วพ่อหนุ่มคนนี้ทำงานที่ไหนล่ะ”
ตอนกำลังถาม ชายแก่ก็ยกบะหมี่ร้อนๆ 2ถ้วยเข้ามา เดินไปพูดไปว่า “มาแล้ว บะหมี่คลุกมันหมูที่หนูซวงชอบมาแล้ว รีบกินตอนร้อนๆ”
กลิ่นควันไฟ เรียบง่ายไม่หรูหรา นี่ก็คือชีวิตที่เรียบง่ายของชาวบ้านบนเขา
หลังจากกินบะหมี่แล้ว หลินถงก็ลากหญิงแก่ไปคุยกันเรื่องทั่วไป ส่วนชายแก่ก็จ้องมองฟางเหยียนอยู่หลายครั้ง คิ้วก็ขมวดขึ้นลงหลายครั้ง
ฟางเหยียนก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติของชายแก่ แต่ก็ยังมีท่าทางสบายๆ โดยไม่สนใจการจับจ้องของชายแก่แม้แต่น้อย แล้วก็ตั้งใจหลินถงคุยกับหญิงแก่ไป ตอนกำลังฟังอยู่นั้น เขาก็พบว่าหญิงแก่คุยอะไรออกมาเรื่องหนึ่ง ทำให้เขาสนใจ
จนอดไม่ได้ที่จะพูดแทรกขึ้นมา “คุณย่าครับ ช่วงนี้มีคนเอาศพคนออกไปงั้นหรือครับ?”
หญิงแก่ก็อึ้ง แล้วก็ส่ายหัวเบาๆ “พ่อหนุ่มฟังผิดแล้วล่ะ ย่าจะพูดได้อย่างไรว่ามีคนเอาศพคนออกไป? ย่าน่าจะพูดว่า บันไดหิน พวกนั้นมันเอาบันไดหินออกไป”
บันไดหินงั้นหรือ?
ฟางเหยียนก็หันไปมองหลินถง หลินถงก็ส่ายหัว ด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ เธอรู้แน่นอนว่าฟางเหยียนต้องการจะถามอะไร แต่เธอไม่รู้ว่าน้ำไร้หน้ามีรูปร่างเป็นอย่างไรจริงๆ
หญิงแก่ก็พูดถึงบันไดหินต่อ ว่าเป็นก้อนหินธรรมดา ฟางเหยียนกลับรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ แต่ว่าหญิงแก่ไม่คิดจะพูดให้ละเอียด ฟางเหยียนก็ไม่ได้ถามอะไรมาก
ช่วงเวลาแห่งความสุขมันช่างผ่านไปเร็วจริงๆ แต่หญิงแก่เหมือนจะยังมีอะไรที่พูดออกมาไม่หมด จนกระทั่งหลับกันไป ก็ยังเห็นว่าพวกเธอสองคนยังคุยกันอยู่ แต่ฟางเหยียนหลับใหลนอนกับชายแก่ ทั้งสองคนก็ไม่มีอะไรที่คุยกัน เงียบกันไปทั้งคู่ ไม่มีการคุยอะไรกันเลย ถามคำตอบคำกันไปเท่านั้น
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เสียงหัวเราะในกระท่อมก็เงียบลง ชายแก่จึงค่อยๆ พูดออกมาเสียงต่ำๆ ว่า “ไอ้หนุ่ม ปู่รู้ว่าเอ็งไม่ใช่คนธรรมดา ถึงแม้ชีวิตอย่างตาแก่อย่างปู่จะไม่เคยออกจากเขาลูกนี้เลย แต่ก็เคยเห็นคนเก่งมาไม่น้อย แต่ว่าเอ็งทำเอาปู่มองไม่ออกจริงๆ แต่ปู่อยากจะบอกเอ็งไว้อย่างหนึ่ง รีบออกไปจากสถานที่ที่มีความวุ่นวายแบบนี้เสีย”
สถานที่ที่มีความวุ่นวายงั้นหรือ?
ฟางเหยียนกำลังจะถามรายละเอียด ว่าหมายความว่าอย่างไรกันแน่ แต่ก็พบว่าชายแก่ได้นอนหลับไปแล้ว
คืนนั้นก็เงียบไปไม่ได้คุยอะไรกันอีก
เช้าวันต่อว่า
ในเขาเริ่มมีแสงสว่างขึ้นมา แสงอาทิตย์สาดส่องป่าทึบเข้ามาในกระท่อม ส่องเข้ามาที่ข้างใบหน้าของฟางเหยียน เป็นแสงขุ่นมัวเล็กน้อย พอขนตากระดิก ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น แต่กลับพบว่าหลินถงกำลังยิ้มจ้องมองเขาอยู่
“ไอ้หมูจอมขี้เกียจ รีบตื่นเลย จะว่าไป ท่าทางคุณนอนหลับก็น่ารักเหมือนกันนะ”
ฟางเหยียนไม่สนใจ ยังคงมีท่าทางสบายๆ ไม่สนใจโลกเหมือนเดิม แม้แต่สีหน้าก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน หลินถงก็ส่ายหน้าเบาๆ หมอนี่ก็ยังคงมีสีหน้าท่าทางที่เย็นชาเหมือนเดิมเลยนะ
ฟางเหยียนมองข้ามท่าทางผิดหวังของหลินถงไป แล้วถามว่า “ผมอยากจะคุยอะไรกับคุณหน่อย…….”
“เรื่องบันไดหินใช่ไหม?” หลินถงพูดตัดบทฟางเหยียน แล้วยิ้มพูดว่า “ฉันว่าแล้วว่าคุณจะถามฉันเรื่องนี้ แต่คุณวางใจเถอะ ปู่จางได้ออกไปตามหาคนที่มาขนย้านบันไดหินแล้ว”
ตอนที่กำลังคุยกันนั้น หญิงแก่ก็ยิ้มเดินเข้ามา “คนในเขากินข้าวเช้ากันเร็ว รีบมากินกันดีกว่า”
จนกระทั่งหินข้าวเช้าเสร็จ ตาแก่จางก็ยังไม่กลับมา อาศัยจังหวะที่หญิงแก่ไปล้างจาน หลินถงก็เลยไปหาฟางเหยียน แล้วพูดเสียงต่ำว่า “ฟางเหยียน คุณว่าปู่จางจะเป็นอะไรไหม?”
ฟางเหยียนก็กังวลเหมือนกัน พวกเขามาที่นี่ เพลิงเสวนจะต้องให้คนติดตามมาแน่ การฆ่าคนปิดปาก พวกเพลิงเสวนชอบทำ
“ไม่มีข่าวอะไร ก็ถือว่าเป็นข่าวดี”
ใบหน้าเรียวๆ ของหลินถง เผยความกังวลออกมา แล้วบ่นว่า “หวังว่าจะเป็นแบบนั้น”
ในตอนนั้นเอง มีหมาชาวบ้านตัวหนึ่งวิ่งเลือดเต็มตัวเข้ามา วิ่งไปเห่าไป
“โฮ่งๆๆ ……”
“เจ้าแดงรึ?” หญิงแก่เห็นหมาเห่า ก็เลยรีบออกมาจากครัว พอเห็นเจ้าแดงมีเลือดไปทั้งตัว ก็ตกใจ แต่หลินถงตาไวมือไว ก็เลยช่วยพยุงหญิงแก่ไว้ หญิงแก่จึงไม่ล้มลงพื้น “ย่าคะ ไม่ต้องรีบร้อนนะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
ถูกหลินถงกอดอยู่ หญิงแก่จึงค่อยๆ คลายกังวล แล้วก็ค่อยๆ พูดว่า “เจ้าแดงเป็นหมาที่พวกเราเลี้ยงไว้ไม่นานนี้ แต่ว่าสามวันก่อน เจ้าแดงได้หายตัวไป ปู่จางของหนูไปตามหามันอยู่นาน ไม่คิดว่าวันนี้มันจะกลับมาแล้ว”
ตกใจกันหมดเลย!
ไม่ใช่สิ!
ฟางเหยียนสังเกตเห็นรอยเลือดบนตัวของเจ้าแดง สำหรับเขานั้น จะเลือดคนหรือเลือดของสัตว์ เขาสามารถแยกแยะได้ชัดเจน อย่าคิดว่าเป็นสีแดงเหมือนกัน แต่จริงๆ แล้วมันต่างกันมาก เลือดของคนจะมีกลิ่นคาวมาก แต่เลือดของสัตว์จะมีกลิ่นคาวอ่อนๆ เท่านั้น
พอหลินถงพาหญิงแก่ไปพัก หางเฟยียนก็นั่งยองลง สำรวจรอยเลือดบนตัวของเจ้าแดง หลังจากชี้ชัดแล้วว่าเป็นเลือดของคน ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย บนตัวเจ้าแดงไม่มีรอยแผล แล้วทำไมมันมีเลือดไปทั้งตัว? แถมเลือดนี้ยังไม่แห้งด้วย เห็นได้ชัดว่าเพิ่งเปื้อนเลือดได้ไม่นานนี้
หลังจากหลินถงเดินออกมาจากกระท่อม ก็มองไปยังเจ้าแดง “ฟางเหยียน บนตัวเจ้าแดงเป็นเลือดคนใช่ไหม?”
ฟางเหยียนพยักหน้า “เรื่องมันชักเริ่มสนุกขึ้นเรื่อยๆ แล้ว”
“หมายความว่าไง?” หลินถงไม่เข้าใจ ก็เลยถามอย่างสงสัย