จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 721 ต้องไปอยู่บนจุดสูงสุด
“ฝีมือดีไร้คู่แข่ง? ”อู๋จี๋หัวเราะเยาะ“ฉันนึกว่าแกจะหลบซ่อนไปได้นานถึงเท่าไหร่กัน! ”
พูดจบอู๋จี๋ก็พร้อมลงมือ!
ชายคนนั้นอ้อนวอนขอความเมตตาในทันที “ท่านผู้อาวุโส โปรดเมตตาข้าด้วยเถอะ ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อร้องขอความตาย แต่ข้ามาที่นี่เพื่อบอกเรื่องบางเรื่องกับท่านผู้อาวุโส เป็นเรื่องสำคัญที่ว่าผู้อาวุโสจะแก้แค้นได้หรือไม่ได้นั้นเอง”
“อะไรนะ?” อู๋จี๋ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยความสงสัย “พูดมา!”
ใช่แล้ว คนที่ปรากฏตัวที่นี่ก็คือหยินฮว่า!
ตั้งแต่สาขาขององค์กรนินจาถูกทำลายพวกเขาก็รีบจัดการวางแผนและตรวจสอบในทันที และหลังจากยืนยันว่าบุคคลนี้ยังอยู่ที่สำนักไร้หน้าเขาก็รีบเดินทางมาในทันที เดิมทีเขาต้องการปรากฏตัวโดยตรง แต่พบว่ามีผู้มีฝีมือสูงสองคนปรากฏขึ้นทีละคน เขาจึงทำได้เพียงรอจนถึงตอนนี้
แต่เมื่อเขาเห็นอู๋จี๋ก่อเหตุสังหารปรมาจารย์ด้วยสองตาของตัวเขาเอง เขาก็รู้สึกเพียงว่าหัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบจะกระเด็นออกมา!
แข็งแกร่ง!
ช่างแข็งแกร่งอะไรเยี่ยงนี้!
อย่างที่ทราบกันดีว่าในประเทศหวามีนินจาระดับปรมาจารย์เพียงสี่คนเท่านั้น แต่เขาสามารถฆ่านินจาระดับปรมาจารย์ได้อย่างง่ายดาย บุคคลอันตรายนี้จะปล่อยให้มันลอยหน้าลอยตาไม่ได้!
พลังอำนาจที่น่าเกรงขามหายไปในทันที หยินฮว่าจัดแต่งทรงผมและเสื้อผ้าของเขาให้เรียบร้อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ว่า “ท่านผู้อาวุโสได้สังหารบางส่วนขององค์กรนินจา ข้าเพียงแค่ต้องการรู้สิ่งหนึ่งนั่นก็คือสาเหตุที่สำนักไร้หน้าก่อเหตุสังหาร เผอิญข้าได้ไปรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นพอดี”
ปัง!
หยินฮว่าโดนเตะกระเด็นออกไปสามเมตร
เขาลุกขึ้นแล้วถามอย่างงุนงง “ท่านผู้อาวุโส ท่านทำอะไร?”
“ข้าไม่ได้ต้องการมาฟังเองพูดเรื่องไร้สาระ!”อู๋จี๋กล่าวอย่างเลือดเย็น“ถ้ามีครั้งหน้าอีกแกตายแน่!”
หยินฮว่าเช็ดเลือดจากมุมปาก “ท่านผู้อาวุโส คนที่ทำลายสำนักไร้หน้าของท่านคือคนที่ชื่อว่า
ฟางเหยียน! ”
“ฟางเหยียน?” อู๋จี๋พยายามนึกชื่อนี้ในใจ แต่หลังจากนึกคิดอยู่นาน เขาก็ทำได้เพียงส่ายหัว เขาจำไม่ได้ว่ามีผู้นำสูงสุดชื่อนี้เมื่อร้อยปีที่แล้ว
หยินฮว่าสังเกตเห็นความอยากรู้ของอู๋จี๋ จึงไม่กล้าพูดอ้อม ย้อนยอก รีบชี้บอกตัวตนของเขาคนนั้นโดยตรง “เขาเป็นจอมพลทหารสูงสุดที่ปกป้องดินแดนของประเทศหวา จอมพลแห่งการทำลาย!”
แม้ว่าเขาจะอยู่อย่างสันโดษมาร้อยปีและละเว้นเรื่องทางโลกแล้ว แต่อู๋จี๋ก็พอจะรู้ว่าบุคคลที่สามารถเป็นจอมพลสูงสุดได้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เมื่อครุ่นคิดสักพักอู๋จี๋ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมในเมื่อเขาเป็นถึงจอมพลสูงสุดที่ปกป้องแผ่นดิน ถึงยังต้องทำลายสำนักไร้หน้าได้พังพินาศย่อยยับขนาดนี้? สำนักไร้หน้าก็สืบทอดกันมากว่าพันปีแล้ว และยังอยู่ภายใต้การคุ้มครองของประเทศหวาอีกด้วย
เขารู้สึกสงสัยอยู่ในใจ!
ใช่แล้ว!
สำนักไร้หน้าไม่ใช่องค์กรชั่วร้ายซะหน่อย ต่อให้มีการต่อสู้กันภายใน แต่สำหรับเรื่องของประเทศชาติแล้วพวกเขาไม่เกี่ยงงอนในเรื่องที่ควรกระทำ คนที่มีทรัพย์สินก็ลงทุนในด้านทรัพย์สินไป ส่วนคนที่มีพละกำลังก็ลงทุนในส่วนนี้ไป
หยินฮว่าดูออกว่าอู๋จี๋ไม่เชื่อในคำพูดของตน จึงต้องพูดเสี้ยมต่อไปว่า “ท่านผู้อาวุโส เหตุผลหลักที่สำนักไร้หน้าถูกทำลายก็เพราะว่าภริยาของจอมพลท่านนี้ถูกกลั่นแกล้ง คนที่กลั่นแกล้งเธอก็คือแก๊งซินหงครับ จอมพลโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแทนภริยาของเขา เขาจึงไม่ลังเลเลยที่จะกำจัดแก๊งซินหงในเมืองจินโจว และด้วยเหตุนี้สำนักไร้หน้าจึงถูกกำจัดไปด้วยครับ!”
“ดังนั้นสำนักไร้หน้าจึงถูกทำลายพังพินาศย่อยยับ!”
ทันใดนั้นไฟแห่งความโกรธลุกโชนขึ้นในใจของอู๋จี๋ รังสีแห่งความสังหารแผ่ซ่านไปทั้งตัวของเขา!
ฆ่าทำลายเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว!
จอมพลคนนี้ช่างโอหังคลั่งอำนาจยิ่งนัก!
หยินฮว่ารู้ดีว่าไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมกับคนที่แกร่งกล้าประเภทนี้ ความตรงประเด็น
เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
“ท่านผู้อาวุโส ข้ามาจากองค์กรสัตว์เพลิงครับ!”
เมื่อกล่าวถึงองค์กรสัตว์เพลิง อู๋จี๋ได้ขมวดคิ้วเล็กน้อย!
เขารู้จักองค์กรสัตว์เพลิงดีอยู่แล้ว!
ร้อยปีที่แล้วเขาได้ไปที่องค์กรสัตว์เพลิงเพื่อกำจัดผู้นำองค์กรของเขา และสามารถเข้าควบคุมสำนักไร้หน้าได้สำเร็จ แต่เขากลับถูกคนอื่นตัดหน้ามาแย่งชิงไป ทำให้เขาอับอายขายหน้าไปทั่วสารทิศ ในเวลานั้นเขารู้ดีว่าความแข็งแกร่งเท่านั้นที่เป็นตัวแทนของทุกสิ่ง!
มันคือลมเปลี่ยนทิศ!
ไม่น่าเชื่อว่าความอัปยศเมื่อร้อยปีที่แล้วจะเป็นผลดีในอีกร้อยปีต่อมา!
นี่คือประโยชน์ของความแข็งแกร่ง!
“แม้ว่าท่านผู้อาวุโสจะมีพรสวรรค์ในการต่อสู้ มีความสามารถทำลายล้างภูเขาและแม่น้ำได้ แต่ก็ไม่สามารถต่อสู้ได้เพียงลำพังได้ และเท่าที่ข้ารู้ตอนนี้ท่านผู้อาวุโสอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก” เมื่อพูดถึงตรงนี้หยินฮว่าตระหนักถึงบางอย่างจึงรีบเปลี่ยนคำพูดในทันที “แน่นอนว่าท่านผู้อาวุโสทั้งฉลาดและกล้าหาญ ไม่มีศัตรูในยุคปัจจุบัน ท่านจะไปกลัวได้อย่างไรใช่ไหมครับ? แต่สองมือก็ยากที่จะเอาชนะสี่มือ ทางองค์กรสัตว์เพลิงของเราก็พร้อมที่จะยินดีอำนวยความสะดวกแก่ท่านผู้อาวุโส พวกเรามีศัตรูคนเดียว ได้โปรดรับไปพิจารณาด้วยเถอะครับ”
“ขอโทษนะ เจ้าอ่อนแอเกินไป!”
หยินฮว่า“……”
คำพูดนี้ทำเอาหยินฮว่าอยากกระทืบเขาในทันที!
“ท่านผู้อาวุโส ไม่ลองฟังคำที่ข้าจะพูดต่อไปนี้เหรอครับ” หยินฮว่าพยายามสงบสติอารมณ์ข้างในใจไม่ให้แสดงออกมาทางสีหน้า
“ในความเป็นจริงนอกจากฟางเหยียนจะเกิดบันดาลโทสะเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียวแล้ว เขายังเป็นปีศาจที่น่ารังเกียจอีกด้วยครับ เพื่อที่จะได้สมบัติล้ำค่าของสำนักลึกลับ เขาไม่ลังเลเลยที่จะทำลายอีกสองสักนัก ที่แรกคือสำนักเทียนซือ ส่วนอีกที่คือสำนักไร้หน้า ตอนนี้ตราประทับเทียนซือของสำนักเทียนซืออยู่ในมือเขาแล้วครับ และตอนนี้เขากำลังตามหาน้ำไร้หน้าของสำนักไร้หน้าอยู่ครับ ”
“แน่นอนว่าองค์กรสัตว์เพลิงของพวกเรายังต้องเล่นละครเป็นพิพากษาในเรื่องนี้ด้วย แต่เราจะยับยั้งจอมพลผู้มีอำนาจได้อย่างไร? พวกเราต้องรวมแรงรวมใจกันถึงจะกำจัดปีศาจตนนี้ได้”
หยินฮว่ายังพูดเสริมไปอีกว่า “เท่าที่ข้ารู้มาก็คือ จอมพลหน้าเลือดได้น้ำไร้หน้าไปครอบครองแล้ว ท่านผู้อาวุโสต้องการก่อตั้งสำนักไร้หน้าขึ้นมาใหม่แล้วจะปล่อยให้สมบัติอันล้ำค่าไปอยู่ในมือคนอื่นงั้นหรือครับ?”
“อะไรนะ? น้ำไร้หน้าอยู่กับมันเหรอ?” อู๋จี๋ผงะไปครู่หนึ่งแล้วก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
รอยยิ้มนี้ทำให้หยินฮว่าได้กลิ่นของ กลอุบายสกัดกั้นแผนชั่วร้าย
“ท่านผู้อาวุโส ข้าต้องการจะบอกท่านว่าเขาได้สมบัติล้ำค่าไปแล้วสองสำนักจากทั้งห้าสำนัก อีกสามสำนักนั้นไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ รวมทั้งองค์กรสัตว์เพลิงของข้าก็นั่งไม่ติดที่แล้ว!”
“เพราะน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า ข้าคิดว่าท่านคงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ใช่ไหม?”
“เจ้าต้องการให้ข้าจัดการกับฟางเหยียนงั้นเหรอ?”
“ไม่ ไม่ ไม่!” หยินฮว่าส่ายหัว “ท่านผู้อาวุโส ผู้น้อยอย่างข้าจะกล้าสั่งท่านได้อย่างไร ข้าเพียงแค่เสียดายที่น้ำไร้หน้าไปอยู่ในมือของเขา และรู้สึกว่ามันไม่คุ้มแทนท่านผู้อาวุโสเท่านั้นเอง”
“ใครบอกว่าน้ำไร้หน้าอยู่ในมือของเขา?”
ว่าไงนะ?
มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!
สิ่งที่อู๋จี๋พูด แน่นอนว่าฟางเหยียนไม่ได้น้ำไร้หน้าไปครอบครอง แล้วทำไมฟางเหยียนถึงโอ้อวดไปทั่วว่าได้น้ำไร้หน้าไปครอบครองแล้ว?
หยินฮว่าถามอย่างไม่แน่ใจ “ท่านผู้อาวุโส หหมายความว่าน้ำไร้หน้ายังไม่ไปไหนงั้นหรือ?”
อู๋จี๋ยิ้มเยาะแล้วชี้ไปที่หัวใจของตัวเอง “แทบจะไม่มีใครคาดถึง ของล้ำค่าของสำนักไร้หน้าที่ไม่ได้เปิดเผยให้คนทั่วไปได้รับรู้จะเป็นแค่หัวใจหนึ่งดวง ข้าได้ขัดเกลาหัวใจนี้มาเป็นเวลาร้อยปีแล้ว ถึงได้ควักหัวใจของตัวเองทิ้งแล้วแทนด้วยมัน ฮ่าฮ่าฮ่า…… ”
“อะไรนะ!” หยินฮว่ารู้สึกอึ้งมาก!
น้ำไร้หน้าคือหัวใจหนึ่งดวง!
นี่มันอะไรกัน!
เป็นไปได้ยังไง!
แต่ท่าทางของอู๋จี๋ก็ดูจริงจัง ดูไม่ใช่เรื่องโกหก!
“ท่านผู้อาวุโส สิ่งที่ท่านพูดเป็นความจริงหรอกหรือ?”
“ข้าจะหลอกผู้อ่อนอาวุโสอย่างเจ้าไปทำไม” อู๋จี๋หัวเราะเยาะ “เจ้าก็ไม่ต้องพูดเกลี้ยกล่อมข้าให้เปลืองแรงหรอก ข้าไม่ได้สนใจหรอกว่าจะได้ผลประโยชน์จากเรื่องนี้หรือไม่ แต่ในเมื่อเจ้ามาที่นี่พร้อมจุดประสงค์ พวกเจ้าอยากให้ข้าจัดการฟางเหยียน ข้าสามารถรับปากจะจัดการให้ได้ แต่อยากบอกว่าผลประโยชน์คือสิ่งที่มีตลอดไป!”
“ดังนั้นความจริงใจขององค์กรสัตว์เพลิงจะมีมากน้อยเท่าไหร่ ก็ต้องดูว่าข้าจะถูกล่อใจได้หรือไม่!”
การเจรจาเงื่อนไขอย่างโจ่งแจ้ง!
อู๋จี๋เขามีความสามารถเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว!
การสังหารนินจาระดับปรมาจารย์คือสิ่งที่ทำผู้คนรู้จักชื่อของเขา และยังเป็นการเตือนองค์กรสัตว์เพลิงอีกด้วย อู๋จี๋ไม่ใช่ขยะที่ถูกดูหมิ่นเหยียดหยามเหมือนเมื่อร้อยปีก่อน วันนี้เขากลับมาอย่างพระราชา นอกจากการแก้แค้นก็คือการแก้แค้น!
ไม่ว่าจะเป็นการแก้แค้นสำนักไร้หน้าหรือความเกลียดชังความอัปยศในตอนนั้น เขาต้องชนะ!
หยินฮว่า ไม่รู้จะตอบอย่างไร
ชายคนนี้คุยโวไม่น้อยเลย สิงโตคำรามยากจะหลีกเลี่ยง
“ข้าไม่ใช่คนไร้เหตุผล มาพูดถึงคุณค่าทางจิตใจของข้ากันดีกว่า”
หยินฮว่าถอนหายใจแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เชิญท่านผู้อาวุโสพูดได้เลยครับ”
“ต้องขึ้นไปอยู่ไปจุดสูงสุด!”