จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 734 ครอบครัวพังพินาศ
“เป็นเพราะพ่อเก่งไม่ใช่หรือไง? วางกลยุทธ์ จนควบคุมทุกอย่างไว้ได้ เล่นเอาซ่งอู่ฮุยสองพ่อลูกหัวหมุนไปเลยทีเดียว อีกทั้งยังรวบอำนาจทั้งหมดของมันมาได้โดยไม่ต้องนองเลือด พ่อ ทำไมผมถึงรู้สึกว่าพ่อไม่ดีใจล่ะ?”
หลินชื่อส่ายหน้าเล็กน้อย : “ดูเหมือนพวกเราผูกขาดอำนาจไว้ได้แล้ว แต่ยังมีอุปสรรคอยู่อีกสองคน หนึ่งในนั้นก็คือซ่งหยิง ส่วนอีกคน ก็คือเสี่ยวหยู่สาวรับใช้ข้างกายหล่อน!”
ซ่งหยิงเป็นอุปสรรค หลินเทียนเข้าใจได้ดี แต่เสี่ยวหยู่นั้นเขาไม่ค่อยเข้าใจ หล่อนเป็นแค่สาวรับใช้คนหนึ่ง มีอะไรให้น่ากังวล?
“ฉันรู้ว่าแกคิดว่าเสี่ยวหยู่ไม่มีอะไรน่ากังวล แต่แกลืมไปแล้ว ว่าคืนนั้นนอกจากคนเฝ้าประตู ยังมีเสี่ยวหยู่ที่ตื่นกลางดึก ถึงแม้หล่อนจะซ่อนตัวอยู่ในที่มืด เก็บตัวค่อนข้างมิดชิด แต่ก็รับประกันไม่ได้ว่าหล่อนจะปริปากพูดขึ้นมาเมื่อไหร่”
หลินเทียนตกใจขึ้นมาทันที ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมพ่อของตัวเองถึงเป็นกังวล!
เสี่ยวหยู่เป็นเหมือนกับระเบิดเวลานั่นเอง!
แต่คืนนั้น หลินเทียนไม่พบเห็นอะไรนี่นา!
ตอนนี้เขาเพิ่งคิดได้เรื่องหนึ่ง นั่นคือตัวเองสู้พ่อตัวเองไม่ได้จริง ๆ ยังห่างชั้นกับพ่อตัวเองอยู่ไม่น้อยเลย ทันใดนั้น เขาก็คิดอะไรขึ้นมาได้ แล้วเอ่ยพูด : “พ่อครับ เรื่องซ่งอู่ฮุยสองพ่อลูกจะให้เสี่ยวหยู่ลองชั่งน้ำหนักดู ว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด แต่จะทำแบบนี้ไม่ได้ ผมต้องดูแลพ่อแม่ของหล่อนให้ดี ๆ มีเพียงวิธีนี้ หล่อนถึงจะไม่กล้าพูดมาก”
“เทียนเอ๋อร์ แกโตขึ้นมากแล้วจริง ๆ แกเป็นแบบนี้ได้พ่อปลื้มใจมาก” หลินชื่อเหมือนคิดอะไรได้ขึ้นมา “จริงสิ พาคนเฝ้าประตูไปฆ่าปิดปากไกล ๆ หน่อย เพราะมีเพียงคนตายเท่านั้นที่จะเก็บความลับไว้ได้ตลอดไป!”
“ผมเข้าใจแล้วครับพ่อ แล้วซ่งหยิงล่ะจะเอายังไง? จะต้อง……” ขณะที่พูด หลินเทียนได้ลูบคอไปมา
หลินชื่อส่ายหน้า “ตอนนี้ยังกำจัดซ่งหยิงไม่ได้ อย่างน้อยตอนนี้พวกเราจะแตะต้องหล่อนไม่ได้ เพราะหล่อนยังเป็นนายน้อยแห่งสำนักฉิวหลง สามารถควบคุมอำนาจและตำแหน่งที่พวกเราไม่สามารถควบคุมได้ง่าย ๆ ที่จริงสำหรับซ่งหยิง ฉันต้องขอบคุณซ่งอู่ฮุยจริง ๆ เพราะหมอนี่สร้างความทรงจำอันเลวร้ายให้กับซ่งหยิง ทำให้พวกเราได้รับความสะดวกสบายไปโดยปริยาย ไอ้หมอนี่มันยกหินขึ้นมาทุบเท้าตัวเองชัด ๆ”
“ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์นี่คงคิดไม่ถึงหรอกมั้ง ฮ่าฮ่า……”
“เทียนเอ๋อร์ พวกเราต้องครอบครองสำนักฉิวหลงให้ได้ ส่วนซ่งหยิง กักบริเวณหล่อนเพื่อลดอำนาจให้มือหล่อนไปก็พอ รอให้พวกเราควบคุมสำนักฉิวหลงได้อย่างเบ็ดเสร็จแล้ว ค่อยส่งซ่งหยิงให้ไปอยู่กับพ่อแม่ของหล่อน!”
“ฮ่าฮ่า……”
ไม่นาน เจ้าสำนักก็ถูกฝังลงดิน ขบวนแห่ศพได้กลับไปยังห้องหลงเหมิน
ตัดสินความผิดซ่งอู่ฮุยสองพ่อลูก!
ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องการในทันที!
ทั้งสองคนถูกนำตัวมาในสภาพถูกมัดคอมัดมือไขว้หลัง แล้วคุกเข่าหลังตรงอยู่ตรงหน้าซ่งหยิง ซ่งหัวหลินดวงตาเลื่อนลอย เหมือนจิตวิญญาณหายไปแล้วครึ่งหนึ่งไม่มีผิด
ซ่งหยิงนั่งอยู่บนเก้าอี้พับโบราณรูปทรงมังกร สีหน้าดูเคร่งขรึมและเสียใจ จ้องมองไปยังอารองที่คุกเข่าอยู่ด้านล่าง จิตใจสับสนวุ่นวาย
หลินชื่อตวาดด้วยความโมโห : “ซ่งอู่ฮุย แกสมคบคิดกับเพลิงเสวน เจตนาแบกแย่งสำนักฉิวหลง ควรได้รับโทษยังไงห๊ะ!”
ซ่งอู่ฮุยหลับตาลง แล้วพูดเสียงเย็นชา : “คิดจะเล่นงานก็หาข้ออ้างได้เสมอ!”
“บังอาจ ท่าทีของแกมันหมายความว่าไง ตอนนี้ฉันจะบอกแกไว้นะ ซ่งอู่ฮุยไม่ใช่รองเจ้าสำนักผู้สูงส่งอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้แกเป็นคนทรยศที่ทรยศหักหลังสำนัก คนทรยศน่ะเข้าใจไหม!”
“ไอ้โจรหลิน เก็บน้ำลายไว้เถอะ เป็นลูกผู้ชายกันทั้งนั้น ทำอะไรให้มันตรง ๆ ไม่ได้หรือไง?”
“ดีมาก ฉันชอบคนตรง ๆ แบบแก” หลินชื่อก็ไม่อยากพูดมาก จึงได้พูดอย่างดุดันว่า : “แกยอมรับผิดไหม?”
“ไม่ยอมรับ!”
“หาเรื่อง! ใครก็ได้เข้ามานี่ โบยมันหนัก ๆ ห้าสิบครั้ง ดูสิว่ามันจะพูดไหม……”
ซ่งหยิงขัดหลินชื่อขึ้นมาทันที แล้วพูดด้วยเสียงเฉยเมย : “ไม่จำเป็นแล้วล่ะ ผู้อาวุโสใหญ่”
หลินชื่อเอ่ย : “นายน้อย แต่มันไม่มีความหวาดเกรงอะไรเลยนะ ไม่ทุบตีให้หนัก ๆ สักยก มันจะคิดว่ารังแกคุณได้ง่าย”
“อารอง นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะเรียกอาว่าอารอง ในเมื่ออากล้าทำแล้วทำไมถึงไม่กล้ารับล่ะ? ฉันถามอาหน่อย เพลิงเสวนให้อาทำอะไร ฉันคิดว่าไม่น่าจะแค่อยากได้ตำแหน่งเจ้าสำนักแห่งสำนักฉิวหลงหรอกมั้ง”
ซ่งอู่ฮุยหลับตาสนิท “ไม่มีอะไรจะพูด!”
“อา……” ซ่งหยิงตัดสินใจลำบาก จึงขอร้องว่า : “อารอง ผลประโยชน์ที่เพลิงเสวนให้อามันสำคัญกว่าสำนักฉิวหลงงั้นเหรอ? อาทำเพื่อผลประโยชน์ ยอมตายเพื่อปกป้องชื่อเสียงของเพลิงเสวนงั้นเหรอ? อาเลอะเลือนจริง ๆ สำนักฉิวหลงเป็นครอบครัวของพวกเรานะ อาคิดได้ยังไง!”
ครอบครัว!
คำคำนี้ทิ่มแทงเข้าไปในใจของซ่งอู่ฮุยทันที ตอนนี้ มุมตาที่ปิดสนิทของเขามีน้ำตารินไหลออกมาสองข้าง เขาโศกเศร้าเสียใจ เขาไม่ยอม แต่เขาทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว ครอบครัวที่พูดถึง ถูกคนอื่นเข้ามาสร้างความวุ่นวายจนแตกแยกหมดแล้ว ครอบครัวไม่ใช่ครอบครัวอีกแล้ว!
“ซ่งหยิง อารองไม่เคยทำเรื่องน่าละอายต่อใคร!”
“พาตัวออกไป ขังพวกเขาสักสองสามวัน!”
ซ่งหยิงคิดว่าตัวเองพยายามทำดีที่สุดแล้ว อารองหยิ่งยโสเกินไป ขอแค่เขาก้มหัวยอมรับผิด เรื่องทั้งหมดจะจัดการแก้ไขตามความเป็นจริง แต่เขากลับมีทิฐิสูงแบบนี้ ดื้อรั้น! ทำให้เธอผิดหวังเหลือเกิน สอบสวนต่อไป คงไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา!
“นายน้อย ใจเย็นลงหน่อยครับ คุณทำถูกแล้ว ขังเขาไว้สักสองสามวัน เขาคงจะยอมสารภาพความจริง แต่นายน้อย ยังมีอีกเรื่องที่ต้องให้คุณพิจารณา เป็นเรื่องใหญ่เรื่องสำคัญตรงหน้าพวกเราต้องจัดการอย่างเร่งด่วน”
“ผู้อาวุโสใหญ่พูดมาเถอะ”
“เจ้าสำนักถูกจอมพลโผ้จวินฆ่าตายอย่างโหดร้ายทารุณ แค้นนี้ต้องชำระ แต่คำแนะนำของผมก็คือ ทำสงคราม ฆ่าจอมพลโผ้จวินทิ้งซะ” หลินชื่อเงียบไป แล้วเอ่ยพูดเสียงขรึม : “แล้วก็ ได้ยินมาว่าขลุ่ยวิเศษที่เป็นสมบัติของสำนักฉิวหลงอยู่ในมือเขาด้วย!”
อะไรนะ!
หลินชื่อพูดประโยคนี้ออกมา เรียกได้ว่าเป็นเหมือนคลื่นยักษ์ที่ซัดเข้ามา กระแทกโดนใจของทุกคนในที่นั้นอย่างจัง
แก้แค้นยังไงต้องแก้แค้นอยู่แล้ว แต่ขลุ่ยวิเศษดันอยู่ในมือเขาด้วย เรื่องนี้จะยอมได้ยังไงกัน!
ซ่งหยิงแทบจะไม่สงสัยเลย ความแค้นครั้งนี้ไม่อาจอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกันได้ หากไม่ได้แก้แค้น เธอคงสู้หน้าพ่อที่ตายไปแล้วไม่ได้ แต่เธอเองก็รู้ดีว่าจอมพลโผ้จวินนั้น จัดการไม่ได้ง่าย ๆ ต้องวางแผนให้รอบคอบ!
เธอคิด ๆ แล้วเอ่ยถาม : “ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสใหญ่รู้เรื่องเกี่ยวกับจอมพลโผ้จวินมากน้อยแค่ไหน พวกเรามีโอกาสชนะเขาไหม?”
“เขาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ก็แค่อำนาจที่เขามี รวมถึงลูกน้องฝีมือดีที่อยู่ข้างกายเขา สำนักฉิวหลงของพวกเราสามารถต่อกรได้”
“ดี งั้นรายละเอียดต่าง ๆ คุณจัดการแล้วกัน”
“รับทราบ!”
“ผู้อาวุโสใหญ่ ช่วงนี้ลำบากคุณหน่อยนะคะ ฉันรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย ขอพักผ่อนก่อนนะ”
หลินชื่อพยักหน้าเล็กน้อย แล้วสั่งให้พวกเขาแยกย้ายกันทันที ห้องหลงเหมินเหลือเพียงเสี่ยวหยู่กับซ่งหยิงสองคนเท่านั้น
“เสี่ยวหยู่ ฉันทุกข์ใจจังเลย พ่อถูกทำร้ายจนตาย อารองยังสมคบคิดกับคนนอกเพื่อทำลายสำนักฉิวหลงอีก หัวใจฉันแตกสลายหมดแล้ว”
“คุณหนูคะ……” เสี่ยวหยู่จะเอ่ยพูดแต่ก็หยุดไป พอจะพูดออกมาก็กลั้นเอาไว้ไม่ยอมพูดออกมา “ปล่อยวางหน่อยนะคะ ใจคนเราก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ คนที่คุณมองไม่ออกต่างหาก ถึงเป็นคนที่ทำร้ายคุณมากที่สุด!”
เธอหวังเพียงว่า ซ่งหยิงจะเข้าใจความหมายในคำพูดของตัวเอง แต่ดูแล้ว ซ่งหยิงไม่พบถึงความผิดปกติอะไร ได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่คนเดียว
ใช่สิ!
ใครจะรับไหวกันล่ะ!
เจอเรื่องหนักหนาสาหัสพร้อมกันสองเรื่อง ครอบครัวพังพินาศ!
ก่อนหน้านี้พ่อถูกทำร้ายจนตาย ตอนนี้อารองดันมาแก้ปัญหาที่ต้นตอ โดยคิดจะทำให้สำนักฉิวหลงแตกแยก เธอจะแบกรับเรื่องพวกนี้ไหวได้ยังไง ต้องลงโทษคนในครอบครัวเพื่อผดุงคุณธรรมไว้ เพื่อผลประโยชน์ ต้องยอมเสียสละเพื่อประโยชน์ของสำนักฉิวหลง
เพียงแต่มีเรื่องหนึ่งที่น่าเป็นปลื้ม นั่นคือรู้เรื่องนี้ได้เร็ว ถ้าหากรู้ช้ากว่านี้อีกสักนิด ทั้งสำนักฉิวหลงคงได้กลายเป็นหมากของเพลิงเสวนไปแล้ว ซ่งหยิงก็จะกลายเป็นคนบาปของตระกูลซ่า ไม่สามารถเผชิญหน้ากับพ่อกับบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วได้เลย
“คุณหนูคะ อย่าคิดมากเลยนะคะ เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว สุขภาพสำคัญที่สุด คุณหนูต้องรักษาสุขภาพให้ดีนะคะ คุณหนูต้องฮึดสู้ขึ้นมา หากคุณหนูเป็นอะไรไป สำนักฉิวหลงจะไร้ผู้นำนะคะ! ถึงเวลานั้นคุณหนูจะยิ่งรู้สึกผิดต่อพ่อของคุณ!”
ซ่งหยิงสะอึกสะอื้นพลางพยักหน้า