จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 743 บ้องหู
ไม่รอให้ฟางเหยียนเอ่ยปาก หลินชื่อห็ตวาดว่า “ไอ้หนู มึงหมายความว่าไงวะ? พวกมึงอยากจะเจรจาไม่ใช่หรือไง? นี่หรือคือสิ่งที่พวกมึงจะเจรจา? หรือว่าพวกมึงคิดจะยื้อเวลา เพื่อที่จะได้หลบหนีไปง่ายๆ? มึงไม่คิดว่าแบบนี้มันตลกไปหน่อยหรือไงวะ? ฆ่าเจ้าสำนักของสำนักฉิวหลงตาย แล้วคิดจะหนีไปรอดหรือไง? น่าขำสิ้นดี”
“มึงหุบปากไปเลย ไปไหนก็มีแต่มึง คนอย่างกูไม่ชอบพวกหน้าเนื้อใจเสือ ภายนอกทำเป็นพูดดีมีหลักการ แต่ในใจชั่วช้าเข้ากระดูกดำ บอกตามตรงคุยกับมึงหลายไป เปลืองน้ำลายเปล่าๆ ถ้าไม่ใช่เพราะจอมพลโผ้จวินอยากจะปกป้องครอบครัวของคนในสำนักฉิวหลง ตอนนี้มึงยังจะมายืนชูคอพูดอวดเก่งอยู่ตรงนี้ได้อีกหรือ?”
“ไอ้หนู มึงมึนอะไรหรือเปล่า? มึงมาวางอำนาจโชว์ฟอร์มในสำนักฉิวหลงของกูงั้นรึ? ใครให้ความกล้ามึงมาวะ? พูดจาโอหังคิดจะกวาดล้างสำนักฉิวหลงกูหรือไง? กูอยากจะขำ” หลินชื่อโมโหจนขำออกมา “นี่คือการเจรจาของพวกมึงหรือวะ?”
“นี่มึง……”
ฟางเหยียนห้ามเทียนขุยไว้ แล้วก็พูดออกมานิ่งๆ ว่า “เอาเถอะ เทียนขุย จะรับมือกับคนแก่กะล่อนแถไปเรื่อยแบบนี้ ไม่ต้องไปพูดอะไรซับซ้อน ว่ากันว่า จะตีงูให้ตีจุดสำคัญ จะทำงานก็จับจุดที่สำคัญที่สุด ถึงจะสามารถเอาคนแก่กะล่อนแบบนี้ได้อยู่หมัด ดังนั้นจะต้องพูดเปิดอกไปตามตรงให้เห็นผล แบบนี้จะได้พูดโจมตีให้มันไม่ทันได้ตั้งตัว”
หลินชื่อก็ไม่พอใจกับคำพูดของฟางเหยียน แล้วก็พูดออกมาอย่างไม่พอใจว่า “พูดจาดูดีนะมึง อายุเท่านี้ฝีปากไม่เบา กูก็อยากจะดูเหมือนกัน ว่ามึงจะพูดให้เห็นถึงจุดสำคัญเลยได้อย่างไร”
“ดี ใจกล้ากว่าลูกชายคุณเยอะเลย ผมชอบคนคุยง่ายแบบนี้” ต้องบอกว่า สำหรับหลินชื่อนั้น ฟางเหยียนก็ยังถือว่าปฏิบัติดีด้วย อย่างน้อยหลินชื่อยังมีความกล้า ใจสู้ มีแผนการ ให้ความสำคัญกับลูกชายตนเอง ต่อให้ต้องมาเกี่ยวข้องกับอันตรายนี้ด้วย ก็ยังสามารถตอบโต้ออกมาได้อย่างดี ถือว่าเป็นยอดคน
“อย่าพูดมากเลย กูให้เวลาพวกมึงอีกหนึ่งนาที หลังจากผ่านไปหนึ่งนาที กูจะต้องเอาหัวของไอ้พวกชั่วอย่างมึงมาให้ได้ เพื่อเอามาสังเวยให้กับวิญญาณเจ้าสำนักในปรโลก”
“เพลิงเสวนให้คุณมาควบคุมสำนักฉิวหลง มีจุดประสงค์เพื่ออะไร?”
หลินชื่อที่เดิมทียังคงนิ่งๆ อยู่นั้น พอได้ยินคำนี้ ก็ร้อนรนทันที ในเมื่อเป็นถึงจิ้งจอกแก่จอมเจ้าเล่ห์แล้ว สีหน้าอารมณ์ก็สามารถควบคุมได้ดั่งใจนึก เมื่อครู่ก็เล่นเอาเขาตกใจไปไม่น้อย ตอนที่เขามองฟางเหยียนไปนั้น ก็เต็มไปด้วยรังสีการฆ่า!
ถูกต้อง ตอนนี้เข้าไม่อยากจะรอแล้ว!
เขารู้สึกผิดที่ไม่ได้ฟังผู้อาวุโสคนอื่นๆ แล้วไปฆ่าไอ้ผู้ชายคนที่อ้างตัวว่าเป็นจอมพลโผ้จวินคนนี้เสีย!จะต้องมาเสแสร้งทำเป็นพูดอะไรกันทำไม? มันเหมือนกับเป็นการยกหินมาทุ่มใส่เท่าตัวเองแท้ เสียดายจริงๆ
พูดได้ผลจริงๆ พูดได้ถูกจุดเลยทีเดียว!
หลังจากที่สีหน้ากังวลของหลินชื่อถูกเก็บกลับไปแล้วนั้น กลับพบว่าบรรยากาศทั้งหมดเริ่มเบาลงไป โดยเฉพาะแม้แต่ทุกคนในสำนักฉิวหลงมองมาที่เขา ในสายตาก็เผยความตกใจออกมาไม่น้อย
ผู้อาวุโสรองก็ลังเล แล้วถามว่า “ผู้อาวุโสใหญ่ นี่มันเรื่องอะไรกันครับ?”
ผู้อาวุโสรองและผู้อาวุโสสามก็จ้องเข็มงไปยังหลินชื่อ ความหมายนั้นไม่ต้องพูดก็รู้กัน ต่างก็สับสนงงงวย เลยอยากจะถามว่าเรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่!
ฟลินชื่อก็ทำท่านิ่งตั้งมั่น แต่ในใจก็ได้ร้อนรนเกินจะทน!
จิ้งจอกเจ้าเล่ห์มีหรือจะยอมเผยธาตุแท้ออกมาง่ายๆ !
“ผู้อาวุโสทุกท่าน คำพูดของมันพวกคุณก็เชื่อด้วยหรือ?” หลินชื่อแกล้งทำเป็นตั้งมั่น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ว่า “พวกคุณอย่าไปหลงกลของมันเชียวนะ แผนของมันก็คือทำลายขวัญกำลังใจกองทัพ ทำลายความเชื่อมั่นภายในใจพวกเรา ให้พวกเราสงสัยกันเอง พวกคุณอย่าลืมไปนะว่า มันคือไอ้คนชั่วที่ฆ่าเจ้าสำนักของเราตาย!”
คำพูดเดียว ก็สามารถคลายความสงสัยของทุกคนได้ในพริบตา
ผู้อาวุโสทั้งสามคนก็พยักหน้าเบาๆ คิดๆ ดูก็จริงอยู่!
สำนักฉิวหลงยกกำลังมาทั้งหมด แล้วพวกฟางเหยียนล่ะ? มีแค่สองคน ได้เห็นภาพกองกำลังมากมายแบบนี้ คงจะตกใจจนปอดแหกไปแล้ว ดังนั้นที่พูดออกมาแบบนี้ ก็เพื่อจะทำให้สำนักฉิวหลงแตกแยกกันเอง แล้วหาผลประโยชน์จากเรื่องนี้ จากนั้นก็จะหนีไปได้อย่างปลอดถัย!
แผนดีจริงๆ !
เอาทุกคนมาหลอกเล่นเหมือนลิง!
ความโกรธก็พุ่งขึ้นมาอีกครั้ง!
ทุกคนจ้องมองไปยังฝั่งฟางเหยียนทั้งสองคนด้วยความโกรธ จนแทบอยากจะฆ่าเขาเสียให้ตาย คำพูดเดียวก็เกือบจะหลอกทุกคนให้ติดกับดัก ใครจะทนไหว!
พอรู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ ฟางเหยียนกับเทียนขุยก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่เหมินถงและเสี่ยวหยู่กลับตกใจจนตัวสั่น พวกเขารู้ว่ากำลังที่แท้จริงของสำนักฉิวหลง โดยเฉพาะยกกำลังทั้งหมดออกมาแบบนี้ คนนอกสองคนจะรับไหวงั้นหรือ? ถึงแม้จะสามารถควบคุมตัวของหลินเทียนไว้ได้แล้ว แต่นี่มันทั้งสำนักฉิวหลงเลยนะ!
เหมินถงถึงกับทนไม่ไหว พูดออกมาเสียงต่ำๆว่า “หรือว่า……พวกเราไปกันดีไหม?”
เสี่ยวหยู่ก็พูดเห็นด้วยขึ้นมา “ตอนนี้ทั้งสำนักฉิวหลงอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อาวุโสใหญ่ พวกเราฟังเขาเถอะ พอช่วยเจ้าสำนักออกมาได้แล้ว พวกเราค่อยลดอำนาจของผู้อาวุโสใหญ่ลง จะใช้ไม้แข็งเอาชนะไม่ได้”
เห็นได้ชัดว่า เทียนขุยและฟางเหยียนก็ไม่ได้ฟังเข้าหูไป นี่ก็เลยทำให้เหมินถงและเสี่ยวหยู่ร้อนใจมาก จนแทบอยากจะพูดเกลี้ยกล่อมออกไป แต่กลับถูกเทียนขุยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงรำคาญว่า “เอ็งสองคนพูดมากกันจริง ขี้ขลาดหรือไง? ตอนที่จะตายไม่เห็นพวกเอ็งสองคนขี้ขลาดแบบนี้เลย”
สองคนก็ทำตัวไม่ถูก อับอายเหลือทน
บรรยากาศตึงเครียดไม่ลด
แต่ฟางเหยียนก็เอ่ยปากออกมา
“ไม่เลวเลย ไม่นานก็สามารถควบคุมสถานการณ์ที่เกือบจะแย่ไปได้ ถือว่าไม่ผิดต่อ แผนการอันล้ำลึกของคุณ”
“คำพูดคนชั่วจะมาหลอกทุกคนได้อย่างไรกัน? ข่าวลือจะถูกสยบด้วยคนฉลาด มึงคิดว่าแผนการเล็กน้อยของมึง จะสามารถรบกวนจิตใจที่ภักดีของเหล่าคนเก่งในสำนักฉิวหลงของกูได้งั้นหรือ? คิดว่ากูเป็นเด็กสามขวบหรือไง? ดูตัวมึงเองเสียบ้าง!”
ฟางเหยียนแสยะยิ้มออกมา “ข่าวลือถูกสยบด้วยคนฉลาด คำพูดนี้ผมเห็นด้วย”
ถูกคนอื่นชื่นชมถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ในใจหลินชื่อเหมือนรู้สึกว่าถูกด่ากลับมา เขาจ้องมองฟางเหยียน แล้วตะโกนไปว่า “ไอ้หนู มึงจะเล่นอะไรกันแน่วะ?”
“ก็ได้ ต่อจากนี้ก็ให้เหมินถงและเสี่ยวหยู่มาพูดเองก็แล้วกัน”
พอสิ้นเสียงของฟางเยียน ทุกสายตาก็จับจ้องไปยังตัวของเหมินถงและเสี่ยวหยู่ก็เหมือนกับแบกหนามไว้ที่หลัง ไม่เป็นตัวของตัวเอง
จนถึงตอนนี้ หลินชื่อก็เพิ่งพบว่าตั้งแต่แรกฟางเหยียนไม่ได้กลัวอะไรเลย แต่ใช้หลินเทียนมาทำเบี่บงเบนความสนใจเขา ทำให้เขาติดกับดัก ตั้งแต่ต้นจนจบฟางเหยียนไม่ได้เกรงกลัวอะไรต่อสำนักฉิวหลงเลย ตั้งแต่แรกเขาแค่อยากจะให้เหมินถงและเสี่ยวหยู่ได้พูดความจริงออกมา แต่ตัวเขาเองกลับหลงกล เพียงเพราะอยากจะช่วยลูกชายตนเอง
สายไปแล้ว ทุกอย่างมันสายไปแล้ว!
ถ้าฟังคำของผู้อาวุโสทั้งหลายตั้งแต่แรก ตอนนี้ก็คงไม่บานปลายแบบนี้ เขาเสียดาย เสียดายจริงๆ เพราะความหยิ่งยโสของตนเอง เพราะความโง่ของตนเอง เพราะความอวดเก่งของตนเอง ทำให้ทุกอย่างนี้มันเกิดขึ้น
เข้ารู้สึกเสียดาย!
เสียดายจริงๆ !
แต่ในโลกนี้จะมีอะไรที่เรียกเสียดาย!
พอนึกถึงว่าทุกอย่างอยู่ในกำมือของเขาแล้วนั้น แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องนี้ และเรื่องนี้ก็เป็นเพราะผู้ชายที่แอบอ้างว่าเป็นจอมพลโผ้จวิน ก็เลยทำให้เขาแพ้ยกกระดาน!
ไม่!
ความไม่ยอม ความโกรธ พลุ่งพล่านอยู่ในตัวเขา ทำให้หลินชื่อเผยสีหน้าอำมหิตออกมา!
“ฆ่าพวกมันเสีย!”
นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเขา เพราะถ้าเหมินถงและเสี่ยวหยู่พูดอะไรออกมา เขาก็จะอยู่ในจุดที่ช่วยเหลืออะไรตัวเองไม่ได้อีก กว่าจะได้อำนาจมาอย่างยากลำบาก ไม่นานก็จะหายไปในพริบตา
ดังนั้น นี่คือโอกาสสุดท้ายของเขา!
ขอเพียงเขาฆ่าสองคนนั้น แล้วก็จัดการยัดเยียดโทษให้กับเหมินถงกับเสี่ยวหยู่จากนั้นจัดการเสีย แค่นี้เขาก็สามารถนั่งอยู่ในอำนาจยิ่งใหญ่ในสำนักฉิวหลงได้อย่างมั่นคงแล้ว
แต่ว่าไม่มีใครลงมือบุกเข้าไปเลย!
“พวกเอ็งทำอะไรกัน ทำไมยังไม่ลงมือ? พวกนั้นคือคนชั่วที่ฆ่าเจ้าสำนักเชียวนะ!หรือว่าพวกเอ็งอยากให้ไอ้พวกชั่วนั้นลอยนวลไปได้ แล้วยังมาอวดเบ่งต่อหน้าพวกเอ็งหรือไง? ความแค้นนี้พวกเอ็งทนกันได้อย่างไร!”
คนทั้งสำนักฉิวหลงก็มีสีหน้าแหยๆ ทำไมถึงได้เปลี่ยนใจเร็วขนาดนี้? เมื่อครู่ยังทำท่าเหมือนถือไพ่เหนือกว่าอยู่เลย ทำไมตอนนี้ร้อนรนเหมือนหมาจะกระโดดกำแพงหนีอย่างนั้นล่ะ? ไหนเข้าบอกว่าจะฆ่าไอ้จอมพลโผ้จวินสองคนนั้นไม่ใช่หรือไง? ทำไมกลับคำเร็วแบบนี้?
นี่มันเรียกว่าอะไร โฉมหน้าที่แท้จริงถูกเปิดเผยต่อหน้าทุกคน เหมือนตบหน้าเข้าเต็มๆ !
ที่โดนตบหน้านี้ ไม่ใช่หน้าของเขาหลินชื่อที่เป็นผู้อาวุโสใหญ่ แต่เป็นหน้าเป็นตาของทั้งสำนักฉิวหลง!
หลินชื่อสามารถเสียหน้านี้ไปได้ แต่ทุกคนในสำนักฉิวหลงไม่อยากจะถูกตบบ้องหู ทั้งๆ ที่ยังไม่ลงมือสู้อะไรเลย ด้านกำลังใจของกองทัพคงจะถูกทำลายลงไปไม่น้อย!
ผู้อาวุโสรองลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ผู้อาวุโสใหญ่ หน้าแก่ๆ ของคุณยังเจ็บอยู่ไหม?”