จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 744 ข่าวลวง อันต่อไป
พอพูดออกไป ทั้งหมดก็ตกใจตามกัน!
นี่ผู้อาวุโสรองกำลังรอยเกลือบนแผลของผู้อาวุโสใหญ่เพื่อตอกย้ำความขายหน้า!
จะตบหน้ามันไม่น่ากลัว แต่ที่น่ากลัวก็คือ คนรอบข้างก็มาเตือนอีก ให้รู้ว่าตัวเองดูถูกตบหน้าจนอับอาย เมื่อเทียบกับการถูกตบหน้าแล้ว มันช่างเป็นการสะเทือนจิตใจเป็นสองเท่า!
หลินชื่อพูดด้วยสีหน้าโกรธเบาๆ “ผู้อาวุโสรอง นี่คุณหมายความว่าอย่างไร? จะซ้ำเติมผมงั้นหรือไง!”
“เปล่า…..” ผู้อาวุโสรองพูดคำว่า “เปล่า” ออกมาสามครั้งรวด แล้วพูดอย่างเกรงใจว่า “ผู้อาวุโสใหญ่ ผมไม่ได้ตั้งใจจะซ้ำเติมคุณ เพียงแต่ผมคิดว่าควรจะฟังเสียหน่อยว่าพวกมันจะคุยอะไร เพราะถึงอย่างไรลูกผู้ชายพูดไปแล้วจะคืนคำไม่ได้ แถมคุณยังเป็นคนรับปากตอบตกลงไปเองด้วย”
พูดถึงจุดนี้ ผู้อาวุโสรองก็พูดเสียงต่ำลงว่า “เรามีกำลังมากพอ ไอ้หมอนั่นมันหนีไม่พ้นหรอก แต่ว่าคุณมั่นใจได้หรือว่าภายใต้การกดดันของสำนักฉิวหลงเรา พวกมันจะไม่ทำเรื่องอะไรที่เอาตัวรอดงั้นหรือ? เพราะถึงอย่างไรหลินเทียนก็ยังอยู่ในมือของพวกมัน!”
หลินชื่ออยากจะซัดผู้อาวุโสรองให้ตายในฝ่ามือเดียว ไอ้หมอนี่ชอบพูดถึงจุดอ่อนของคนอื่นจริงๆ !
“ดังนั้น พวกเราก็ฟังมันเสียหน่อยว่ามันจะพูดอะไร? เพราะถึงอย่างไรเหมินถงและเสี่ยวหยู่อาจจะเป็นพวกเดียวกับมันก็ได้?”
คนในสับสน คนนอกมองได้ชัดแจ้ง ผู้อาวุโสรองพูดเตือนสติได้ดี ไม่นานก็สมารถทำลายความสับสนใจของหลินชื่อได้ทันที!
ผู้อาวุโสรองเอ่ยถึงหลินเทียน ก็ยังไม่สามารถทำให้หลินชื่อเผยสีหน้าออกมาได้ แต่พอพูดถึงสองคนนั้นอาจจะเป็นพวกเดียวกัน สองมือที่กำแน่นของเขา ก็คลายออก แผนการบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัวเขา!
นั่นน่ะสิ!
หลินชื่อพบว่า หลังจากที่เจอกับผู้ชายที่อ้างว่าตัวเองเป็นจอมพลโผ้จวิน เขาก็ถูกจูงจมูกตลอดเวลา เรียกได้ว่าแต่ก้าวล้วนเป็นแผน แต่ละก้าวล้วนเป็นกับดัก เหมือนกับต่อหน้าคนคนนี้นั้น แผนการทั้งหมดของหลินชื่อ ก็ถูกเขามองออกทั้งหมด โดยไม่มีวี่แววว่าจะชนะได้เลย
คนคนนี้ถ้าไม่ใช่จอมพลโผ้จวิน ก็คงจะเป็นคนเก่งไม่เบา อย่างน้อยหลินชื่อก็ชื่นชมอยู่บ้าง ประสบการณ์ในอายุเพียงแค่20กว่าปี กลับมีแผนการที่ล้ำลึกซับซ้อนแบบนี้ จุดนี้หลินชื่อยังขาดประสบการณ์อีกมาก
แต่คนคนนี้ทำได้แล้ว ไม่เพียงทำได้ แถมยังหลอกเขาจนหัวปั่นไปหมด!
เล่นกับเหยี่ยว สักวันก็ถูกเหยี่ยวจิกตาบอด!
เกือบจะหลงกลไปเสียแล้ว!
โชคดี ที่คนมาเตือนสติไว้
หลินชื่อพยักหน้า แล้วพูดไม่เผยสีหน้าว่า “ผู้อาวุโสรองพูดถูกต้อง ถ้าพวกมันเป็นพวกเดียวกันขึ้นมาล่ะ?”
รอยยิ้มของผู้อาวุโสรองก็หยุดลง คำพูดประโยคหลังทำให้เขาฟังแล้วเข้าใจได้ยาก แต่หลินชื่อก็ไม่ได้จะอธิบาย
หลินชื่อยิ้มเย็น แล้วก็กลับมาเป็นท่าทางที่ตั้งมั่นเหมือนเดิม พร้อมพูดว่า “งั้นกูก็อยากจะลองฟังดูซิ ว่าไอ้สองคนนั้นอยากจะพูดอะไร!”
สายตาก็จับจ้องไปที่ตัวของเสี่ยวหยู่และเหมินถงอีกครั้ง สองคนนั้นก็รู้สึกกดดันมากขึ้น จนไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไร
พอเห็นว่าทั้งสองคนนั้นไม่ยอมพูด อารมณ์ร้อนของเทียนขุยก็ระเบิดออกมา แล้วพูดไปอย่างโหดๆ ว่า “จะว่าพวกเอ็งขี้ขลาด ก็สงสารคำว่าขี้ขลาดที่ต้องมาใช้กับพวกเอ็ง เคยเห็นคนขี้ขลาดมาก็เยอะ แต่ไม่เคยเห็นใครขี้ขลาดแบบพวกเอ็ง น่าโมโหจริง ตอนนั้นก็ไม่ควรจะช่วยพวกเอ็งออกมาเลย ให้พวกเอ็งตายไปเสียก็ดีแล้วเชียว”
สองคนนั้นตัวสั่นอีกครั้ง สายตาก้มลงมองต่ำ ลำตัวก็โค้งลงไม่น้อย
ฟางเหยียนก็พูดนิ่งๆ ว่า “เทียนขุย อารมณ์คุณก็ยังร้อนเหมือนเดิมเลยนะ”
“จอมพลโผ้จวิน ผมรู้สึกโมโหแทนคุณนะครับ ก็เห็นอยู่ว่าสามารถใช้กำลังจัดการได้ แต่คุณกลับจะใช้การเจรจา!”
ฟางเหยียนก็เอือมระอา เทียนขุยพูดแบบนี้………..
เขาก็ไม่สนใจเทียนขุยอีก แล้วหันไปพูดกับสองคนนั้นว่า “เอ็งสองคนพูดไปเลย ไม่มีใครกล้าทำอะไรพวกเอ็งหรอก”
เสี่ยวหยู่ก็หน้าเสีย ฟังอะไรไม่เข้าใจทั้งนั้น แต่เหมินถงกลับนิ่งไม่น้อย แต่ก็ยังไม่กล้าเอ่ยปากพูด
“คิดถึงพ่อของเอ็งสิ คิดถึงสำนักฉิวหลงที่เอ็งใช้ชีวิตมา20กว่าปี ทำไมจะต้องมาจบลงแบบนี้ และพวกเอ็งก็จะเป็นคนผิดของสำนักฉิวหลง คำว่า มีเกียรติเสียเกียรติไปด้วยกัน มันเป็นภาระและหน้าที่ของเอ็งที่ต้องทำ เพราะว่าเอ็งเป็นคนที่รู้จักบุญคุณ!”
คำว่า มีเกียรติเสียเกียรติไปด้วยกัน ได้ทะลุกำแพงในใจของเหมินถงไปได้ ทำให้เขาสั่นระริกราวกับถูกสายฟ้าฟาด นั่นน่ะสิ เขาเองก็เป็นคนของสำนักฉิวหลง มีเกียรติและเสียเกียรติไปด้วยกัน จุดนี้เขาก็พอจะเข้าใจได้!
เขาไม่อยากกลายเป็นคนบาป ยิ่งไม่อยากให้สำนักฉิวหลงมาล่มสลายในมือตนเอง!
“ผมจะพูด!” เหมินถงก็เงยหน้าขึ้นมาทันที สายตาจับจ้องไปที่หลินชื่อ แล้วเอาเรื่องที่รู้พูดออกมาทั้งหมดโดยไม่ผิดพลาด
คนทั้งหมดก็ผงะ!
ยิ่งกว่านั้นคืออึ้งไป!
คนทั้งสำนักฉิวหลงอึ้งกันไปหมด!
ก่อนหน้านี้เหมินถงพูดเพื่อทำลายรองเจ้าสำนักของสำนักฉิวหลง และตอนนี้ก็ได้พูดเพื่อทำลายผู้อาวุโสใหญ่เหมือนกัน!
เหมือนกันแต่ต่างสถานการณ์!
พวกเขาล้วนอึ้งไป!
ประโยคเดียวก็สามารถเปรียบเปรยในใจของพวกเขาได้ มันช่างเป็นเรื่องจริงอย่างแท้จริง
อึ้งแล้วอึ้งอีกอึ้งไปหมด อึ้งหมดจดคือมึงและคือกู ให้ชื่อกลอนนี้ สีหน้าอึ้งกิมกี่!
สรุปว่าควรจะเชื่อใครกันแน่?
นี่คือข้อสงสัยที่เกิดขึ้นในใจของทุกคนในเหตุการณ์
เหมินถงพูดจบ ก็ไม่สนใจสายตาที่สงสัยของทุกคน แล้วก็ก้มหน้ากลับไปมากกว่าเดิม
ถึงแม้ข่าวนี้จะรุนแรง แต่ทำให้ทุกคนในสำนักฉิวหลงค่อนข้างนิ่งไป ถึงแม้จะสงสัยบ้าง แต่ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากถามความจริง เพราะถึงอย่างไรตอนนี้ที่ต้องล้ม ก็คือหลินชื่อผู้อาวุโสใหญ่!
หลินชื่อเป็นใครหน้าไหนกัน!
สำนักฉิวหลงต้องเป็นของเขา ใครมาต่อว่า ไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือไง?
“ฮ่าๆๆ ……….” หลังจากหลินชื่อหัวเราะลั่น ก็จ้องมองไปยังฟางเหยียน “นี่ก็คือแผนเด็กเล่นที่มึงจะเอามาปั่นหัวทุกคนงั้นหรือ? กูเคยบอกแล้วว่า ข่าวลือมันจะถูกสยบด้วยคนฉลาด สำนักฉิวหลงของพวกกูไม่ใช่กระจอกๆ !”
“ไอ้หนู ต้องบอกเลยว่า กูนั้นยอมมึงจริงๆ อายุแค่นี้ก็คิดแผนการขนาดนี้ได้ แต่มึงคงจะลืมอะไรไปบางจุดนะ คนกลับกลอกมันเชื่อถือไม่ได้ มันเคยพูดล้มทำลายรองเจ้าสำนักไปแล้ว และตอนนี้มันยังจะใส่ร้ายกูอีกงั้นหรือ? มึงไม่คิดว่ามันน่าขำมากหรือไงวะ?”
“เมื่อครู่กูยังชมมึงอยู่เลย ตอนนี้ดูเหมือนว่า มึงจะโง่เขลาเบาปัญญาจริงๆ ถูกคนอื่นเขาหลอกจนหัวปั่นก็ไม่ว่า แต่ยังคิดจะใช้มันมาใส่ร้ายให้กูเสื่อมเสียอีก? บอกตามตรง กูรู้สึกว่ามึงนี่น่าอนาถจริงๆ เลย!”
ฟางเหยียนก็ไม่ได้หัวเสียอะไร แต่กลับพูดตอบไปนิ่งๆ ว่า “ช่างเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ไม่ยอมเผยไต๋จริงๆ เลย พูดสองสามคำก็ทำเอาเรื่องทั้งหมดกลับตาลปัตรได้หมด มีทั้งพยานวัตถุทั้งพยานบุคคล ก็ยังจะเถียงไปข้างๆ คูๆ กลับขาวเป็นดำ”
“ต้องบอกเลยว่า ยอมรับในความนิ่งและกล้าของคุณจริงๆ ถูกเปิดโปงแล้วยังมีจิตใจที่นิ่งอยู่แบบนี้ได้อีก ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ แต่ว่ามันก็ไม่สำคัญแล้ว เพราะว่าเดี๋ยวคุณก็จะตายแล้วล่ะ!”
“ผู้อาวุโสใหญ่มั่นใจตัวเองขนาดนั้นเลยหรือไง?”
“พวกเราคอยดูก็แล้วกัน!”
“จอมพลโผ้จวินครับ ลงมือเลยเถอะ ไอ้จิ้งจอกแก่ตัวนี้ให้ตายก้คงไม่ยอมรับ ผมคันมือจะแย่แล้ว!”
“เทียนขุย เรื่องมันยังไม่ถึงขั้นที่ต้องชักดาบออกมาสู้ ยังไม่ถึงขั้นนั้น”
เทียนขุยก็ไม่ทน แต่เขาก็ยังคงเดาเหตุผลที่ฟางเหยียนยังไม่ลงมือ จะต้องเป็นเพราะว่าซ่งหยิงแน่ๆ มิตรภาพที่ซ่งหยิงมีต่อจอมพลโผ้จวิน เทียนขุยก็พอจะรู้บ้าง หรืออาจจะเป็นเพราะว่า จอมพลโผ้จวินเริ่มมีใจคิดอะไรอย่างอื่น
แต่เขากลับลืมไปว่า ที่ฟางเหยียนทำแบบนี้ก็เพราะไม่อยากให้ใครต้องปวดใจ ความพ่ายแพ้ของหยินเหมินที่เหลือทั้งสามล้วนมีเหตุมีผลทั้งนั้น แต่สำหรับสำนักฉิวหลง ฟางเหยียนมีบุญคุณต่อกันอยู่ ได้ขลุ่ยวิเศษของฉู่หยางมา ก็ต้องรับกรรมไว้ ในเมื่อเป็นกรรมดี แล้วจะสร้างให้เป็นกรรมชั่วทำไมกัน?
แน่นอน ฟางเหยียนไม่อยากอธิบายเรื่องพวกนี้ เลยทำให้เทียนขุยคาดเดาอะไรไปเรื่อย
พอเห็นว่าฟางเหยียนไม่อยากสนใจเขา เทียนขุยก็มองไปยังเสี่ยวหยู่ แล้วก็พูดแบบไม่ดีด้วยว่า “ไอ้นั่นมันก็พูดไปแล้ว เธอก็อยากจะตายไปพร้มกับความลับหรือไง? ห้ะ!”
พอตวาดไป ก็เล่นเอาเสี่ยวหยู่สะดุ้ง แล้วตัวสั่นมากกว่าเดิม
สำหรับทั้งสองคน เสี่ยวหยู่ไม่กล้าหาเรื่องด้วย แล้วก็เอาเรื่องทั้งหมดที่ได้ยินคืนนั้นพูดออกมา!
พูดจบ คนทั้งสำนักฉิวหลงก็เงียบเป็นเป่าสาก!
ถ้าที่เหมินถงพูดออกมา เหมือนกับระเบิดลูกเล็กๆ เท่านั้น แต่ที่เสี่ยวหยู่พูดออกมานั้น เป็นเหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางใจของทุกคน!
เสี่ยวหยู่พูดไม่ต่างอะไรกับเหมินถงเลย แต่เรื่องที่ลอบฆ่าเจ้าสำนักซ่งหยิงนั้น ข่าวนี้ทำเอาทุกคนในเหตุการณ์ผงะไปตามกัน!
ผู้อาวุโสใหญ่ได้กักขังเจ้าสำนักซ่งหยิงไว้ เพื่อยึดเอาอำนาจของเจ้าสำนักซ่งหยิง!
นี่มันเป็นข่าวใหญ่มากเลยทีเดียว!
ทันใดนั้น สายตาของทุกคนก็กระจายกันไปทั่ว ตอนที่มองไปยังหลินชื่อ สายตาล้วนเต็มไปด้วยความสงสัย
แต่หลินชื่อก็ทำท่าเหมือนไม่ได้ทำอย่างนั้น แล้วยิ้มออกมานิ่งๆ “ข่าวปลอม พูดเรื่องต่อไปเลย พูดต่อไป!