จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 761 ท่านปรมาจารย์แห่งตระกูลโจว
โจวปินคางสามารถเป็นตัวแทนท่านปรมาจารย์แห่งตระกูลโจวได้หรือ?
ไม่ได้!
อย่าว่าแต่เขาเลย เกรงว่าผู้ใดก็ตามล้วนไม่สามารถเป็นตัวแทนท่านปรมาจารย์แห่งตระกูลโจวได้เลย ท่านปรมาจารย์มีตำแหน่งอยู่เหนือกว่าผู้นำตระกูล ขอเพียงเขาต้องการ ทั้งตระกูลโจวก็มาอยู่ในกำมือของเขาได้ ทว่าหลายปีมานี้ เขาไม่มีเจตนาที่จะจัดการเรื่องเล็กน้อยภายในตระกูลแล้ว ต้องการเพียงไขว่คว้าเส้นทางของนินจาอย่างสงบสุข เป็นผู้บ้าคลั่งในวรยุทธอย่างแท้จริง
ทว่าเขามิใช่ผู้บ้าคลั่งในวรยุทธที่ไม่สนใจเรื่องอันใดเลย ขอเพียงตระกูลโจวได้เผชิญกับสถานการณ์ที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เขาก็จะออกหน้าเข้าไปปกป้อง ช่วยเหลือตระกูลโจวจากเรื่องเดือดร้อนต่างๆ นอกจากที่เขาจะเป็นท่านปรมาจารย์แห่งตระกูลโจวแล้ว ก็ยังเป็นเทพพิทักษ์ของตระกูลโจวอีกด้วย มีเขาอยู่ ตระกูลโจวมีแต่จะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผู้ใดจะสามารถมาเป็นตัวแทนได้?
ไม่มีผู้ใดสามารถถูกขนานนามเป็นท่านปรมาจารย์ได้ และยิ่งไม่มีผู้ใดที่จะสามารถจำกัดการกระทำทุกประการของท่านปรมาจารย์ได้!
เพียงคำพูดเดียว ก็ทำให้โจวปินคางตกอยู่ในความกระส่ายกระสับได้ ไร้ซึ่งความสงบนิ่งสุขุมเช่นเมื่อก่อน
ฟางเหยียนกลับเป็นผู้ที่ปกติจะเงียบๆ ครั้นพอทำอะไรขึ้นมา ก็สามารถทำให้ผู้คนตกตะลึงได้
เทียนขุยต้องสยบจนต้องก้มหัวลำตัวแนบพื้น วินาทีนั้นอยู่ๆ เขาก็นึกถึงสำนักฉิวหลงในเมื่อก่อนขึ้นมา ผู้อาวุโสใหญ่หลินชื่อตั้งใจว่าจะไม่ยอมรับใดๆ ทั้งสิ้น คำพูดหนึ่งที่โผ้จวินเคยเอ่ยไว้ ตีงูให้ตายต้องตีที่เจ็ดนิ้วนับจากหัว จี้ถูกจุดสำคัญจึงจะทำให้คนตื่นตระหนกได้ และจะเผยจุดอ่อนออกมาเอง!
ความตื่นตระหนกของโจวปินคาง ไม่ได้เสแสร้งแต่อย่างใด ต่างก็ถูกคนสามคนมองเห็นทั้งนั้น
เขาครุ่นคิดสักพัก ค่อยเอ่ยขึ้น: “จอมพลพูดก็ถูก ผมไม่สามารถเป็นตัวแทนท่านปรมาจารย์ได้ แต่ผมสามารถเป็นตัวแทนให้ทั้งตระกูลโจวได้ ท่านปรมาจารย์ไม่มีทางที่จะทำเรื่องที่ทำลายผลประโยชน์ของตระกูลได้แน่นอน”
“กะล่อนปลิ้นปล้อน!” ชิงตี้เอ่ยอย่างไม่พอใจ: “นายเป็นตัวแทนทุกคนได้ แต่มีเพียงอย่างเดียวคือเป็นตัวแทนเฒ่าประหลาดตระกูลโจวไม่ได้ อีกอย่างการกระทำทุกอย่างของเขา นายรู้แน่ชัดจริงเหรอ?”
โจวปินคางเป็นใบ้ พูดไม่ออกขึ้นมาอีกครา
แม้ว่าท่านปรมาจารย์จะซ่อนตัวอยู่ในป่าเขาที่อยู่ห่างไกลไม่ค่อยออกมาเจอผู้คน ไม่เข้าใจเรื่องทางโลก ครั้นกลับไม่มีผู้ใดที่จะสามารถขัดขวางการเดินหน้าของเขาได้เลย การที่โจวปินคางเอ่ยถามเองโดยที่ไม่ละอายใดๆ ก็ทำให้宵小แห่งตระกูลโจวตกตะลึงเช่นกัน ท่านปรมาจารย์กลับไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเขา แม้ว่าเขาจะไม่เคยปรากฏตัวออกมา ทว่าใครจะไปรู้ว่าตอนนี้ท่านปรมาจารย์กำลังทำอะไรอยู่?
เขาไม่รู้ว่าควรจะอธิบายอย่างไร
เขาได้แสดงท่าทีของตนออกไปแล้ว ทว่าก็ไม่สามารถเป็นตัวแทนท่านปรมาจารย์ได้อยู่ดี!
หากเป็นอย่างที่จอมพลโผ้จวินเอ่ยจริงๆ ท่านปรามาจารย์คบค้าสมาคมกับเพลิงเสวน โดยที่พวกเขาไม่ทราบสถานการณ์ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถควบคุมได้เช่นกัน โดยเฉพาะตัวตนอันอ่อนไหวง่ายของหญิงสาวคนนี้ เธอเป็นถึงคนของเพลิงเสวนเชียว หรือว่าเธอจะปรักปรำผิดอย่างนั้นหรือ?
เขาไม่กล้าคิดต่อไป
ถ้าหากท่านปรมาจารย์ทำเรื่องที่ผิดต่อประเทศจริงๆ เขาเองก็คงทำได้เพียงยอมให้ความร่วมมืออย่างฝืนใจ ถึงอย่างไรพลังอำนาจของท่านปรมาจารย์ก็ไม่มีผู้ใดต้านทานได้ และไม่มีผู้ใดกล้าขัดขืน เวลานั้น เขาคงทำได้เพียงเป็นศัตรูกับจอมพลโผ้จวินอย่างจำยอมเสียแล้ว
นั่นเพียงเพราะท่านปรมาจารย์คือเทพพิทักษ์แห่งตระกูลโจว!
เรื่องนี้ควรทำเช่นไรดีกันแน่!
โดยเฉพาะคนจากเพลิงเสวนผู้นั้นได้ยืนยันแล้วว่าท่านปรมาจารย์กระทำผิด ความไม่เชื่อของเขาตั้งแต่แรกก็กลายเป็นสงสัยขึ้นมาเสียแล้ว จริงสิ หากจอมพลโผ้จวินไม่มีหลักฐาน เขาจะมาด้วยตนเองได้อย่างไร? ในเมื่อมาแล้ว เช่นนั้นก็เป็นการพิสูจน์แล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว
สิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัวที่สุดก็คือ นึกไม่ถึงว่าเขาจะไม่ทราบพฤติกรรมของท่านปรมาจารย์เลย ไม่กระจ่างโดยสิ้นเชิง!
หรือว่าท่านปรมาจารย์จะยืนอยู่ฝ่ายเพลิงเสวนแล้ว คบค้าสมาคมกับเพลิงเสวนอย่างสนิทชิดเชื้อกันจริงๆ ! หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาผลักทั้งตระกูลโจวไปสู่เส้นทางที่ไม่มีทางฟื้นตัวอีกตลอดไป ทำลายทั้งตระกูลโจวอย่างราบคาบ!
“ท่านปรมาจารย์นะ ท่านปรมาจารย์ ท่านกำลังทำอะไรอยู่กันแน่!” โจวปินคางรู้สึกไม่พอใจเต็มอก และมีน้ำโหเล็กน้อย
ฟางเหยียนเห็นสีหน้าของเขาทั้งหมด จึงเอ่ยขึ้นมาน้ำเสียงราบเรียบ: “ผู้นำตระกูลโจว ตอนนี้แม้แต่คุณก็ไม่เชื่อใช่ไหม? พูดมาตรงๆ เถอะ อยากตายหรืออยากมีชีวิตอยู่ ?”
โครม!
โจวปินคางที่เดิมทีก็ตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูกอยู่แล้ว ยิ่งตกใจขึ้นยกใหญ่ราวกับถูกฟ้าผ่ากระทบเข้าอย่างไรอย่างนั้น
คำพูดนี้ของฟางเหยียน เป็นการแจ้งให้โจวปินคางทราบเป็นครั้งสุดท้ายอย่างไม่ต้องสงสัย!
เห็นได้ชัดว่า นี่คือผลสรุปว่าจะอยู่หรือรอด รอเพียงแต่ดูท่าทีของโจวปินคางเท่านั้น!
ทว่าโจวปินคางถือว่าอัดอั้นตันใจอยู่ ผีสางทราบดีว่าเขาควรจะเลือกทางไหน เขาเพียงแค่สงสัยว่าท่านปรมาจารย์จะมีความเกี่ยวพันกับเพลิงเสวนเท่านั้น เหตุใดจึงกลายเป็นจริงไปได้?
ภายในความอัดอั้นตันใจก็มีความหวาดกลัวและขัดแย้งอยู่ด้วย
บัดนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจประโยคหนึ่งเสียที!
จะไปสวรรค์หรือนรกล้วนขึ้นอยู่กับร่างกาย คำพูดและจิตใจของคนผู้นั้น!
จอมพลโผ้จวิน ไม่ให้เส้นทางรอดชีวิตแก่เขาเลยชัดๆ !
ทางเลือกของเขาทุกประการ ล้วนจะทำให้ตระกูลโจวไปสู่เส้นทางที่ไม่มีทางฟื้นตัวได้อีกตลอดไปทั้งนั้น!
คิดไปคิดมาก็จริง ผู้ที่เคยเกี่ยวพันกับเพลิงเสวน ล้วนจะต้องกลายมาเป็นวิญญาณใต้ดาบของโผ้จวินทั้งนั้น เพราะสำหรับการรับมือกับเพลิงเสวน เขาไม่เคยอ่อนข้อให้แม้แต่ครั้งเดียว มีแต่เจอใครก็สังหารทิ้ง จนกว่าจะสังหารจนสิ้นซาก เรียกได้ว่าเป็นวิธีการเหี้ยมโหดโดยแท้จริง ทำให้ผู้ใดที่ได้ยินต้องเกรงกลัว จนสีหน้าถอดสี
หรือว่าตระกูลโจวจะต้องมาสิ้นสุดลง ในมือของเขา โจวปินคางจริงๆ น่ะหรือ?
ฟางเหยียนเอ่ยขึ้น น้ำเสียงเย็นชากว่าเดิม “เป็นอะไรไป? เลือกยากมากเลยเหรอ?”
สิ้นเสียงนี้ อุณหภูมิภายในห้องรับแขกก็ลดลงหลายองศาทันที โจวปินคางรับรู้ได้ว่ามีลมเย็นๆ กำลังบีบเขาอยู่ ทำให้เขาตัวสั่นเทาขึ้นมาโดยควบคุมไม่ได้ และไม่ได้มีเพียงเขาเท่านั้นที่ตัวสั่น เทียนขุยและชิงตี้ก็เงียบ ไม่กล้าเอ่ยอันใดเช่นกัน
ทุกคนต่างก็ชัดเจนดีว่า จอมพลโผ้จวินกำลังโมโหแล้ว!
เมื่อเทพแห่งสงครามโมโหขึ้นมา เลือดนองกระจายทั่วทิศ!
ตระกูลโจวแย่แล้ว!
เทียนขุยก็กระเหี้ยนกระหือรือ ทำให้โผ้จวินโมโหได้ถึงเพียงนี้ได้ ตระกูลโจวสมควรตาย!
โจวปินคางเอ่ยขึ้น น้ำเสียงสั่นเครือ : “จอมพล ระงับความโกรธด้วยเถิดๆ ทางเลือกนี้มันเลือกยากจริงๆ ”
เทียนขุยตบโต๊ะยืนขึ้น จากนั้นก็เอ่ยกับโจวปินคางด้วยความเกรี้ยวกราด: “ร่วมมือกับเพลิงเสวน โทษหนักถึงขั้นตาย!”
โจวปินคางร่างกายสั่นเทาอีกครั้ง เขาตกใจขวัญเสียจริงๆ
“ไม่ ไม่ ไม่ ได้โปรดให้โอกาสผมสักครั้งเถอะนะ ให้ผมได้ไปเจอกับท่านปรมาจารย์ นี่น่าจะเป็นการเข้าใจผิด จริงๆ นะ ผมไม่เชื่อว่าท่านปรมาจารย์จะทำเรื่องที่เลอะเลือนได้ถึงเพียงนี้ ท่านจอมพลได้โปรดให้โอกาสผมสักครั้งเถอะ”
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าโจวปินคางเลือกที่จะเชื่อท่านปรมาจารย์และยืนอยู่ข้างท่านปรมาจารย์ ในช่วงเวลาสุดท้าย
ตั้งแต่เริ่มจนจบ ล้วนเป็นการสงสัยและคาดเดา การคาดเดาจะกลายมาเป็นหลักฐานสุดท้ายได้อย่างไร
ชิงตี้ทนไม่ได้แล้ว!
“จิ้งจอกเฒ่าคิดจะเผ่นหนีงั้นเหรอ? จะบอกอะไรให้นะโจวปินคาง ในเมื่อฉันแสดงตัวตัวออกมาแล้ว แกคิดว่าตอนนี้แกยังจะหนีรอดออกไปได้งั้นเหรอ? ที่รัก ลงมือเลยเถอะ คนแบบนี้พูดไปก็เปลืองน้ำลายเปล่า เสียเวลาจริงๆ นี่เขากำลังสิ้นเปลืองความเมตตาของคุณ ฉันคิดว่าเราไม่ควรจะทำแบบนี้เลย ที่รัก ถ้าคุณไม่ลงมือ ฉันเอง เพราะถ้าไม่ลงมือ คนบางคนก็จะไม่ยอมออกมาสักที!”
ชิงตี้เจ็บใจแทนฟางเหยียน ไม่สมควรไปพูดไร้สาระกับเขาเลย ลงมือเลยไม่ดีกว่าหรือ? คนบางคนจะได้ไม่ต้องมาแสร้งทำเป็นเลอะเลือน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจดีตลอดเช่นนี้ ช่างเสียเวลาจริงๆ !
ที่รัก!
โจวปินคางตัวสั่นเทาขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมจ้องมองชิงตี้อย่างอึ้งๆ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว ว่าทำไมเธอจึงติดตามจอมพลมา ที่แท้พวกเขาก็เป็นคนรักกันนี่เอง หรือว่าคำพูดของคนรักจะเชื่อถือไม่ได้?
โจวปินคางที่เดิมมีท่าทียืนกรานแน่วแน่ บัดนี้ก็เริ่มฉงนใจขึ้นมาแล้ว หรือว่าจะเป็นอย่างที่เธอว่า ท่านปรมาจารย์คบค้าสมาคมอยู่กับเพลิงเสวนจริงๆ !
เขามึนงงจริงๆ ควรจะเชื่อผู้ใดกันแน่?
เทียนขุยคันไม้คันมืออยากจะลองดูตั้งนานแล้ว เขาตบโต๊ะและลุกขึ้น ตีลังกามาอยู่เบื้องหน้าโจวปินคาง หมัดแปดทิศพุ่งไปยังโจวปินคางทันที
โจวปินคางจึงทำได้เพียงต้านทานไว้อย่างเสียเปรียบ รับมือกับการโจมตีของเทียนขุยครั้งนี้อย่างฝืนใจ
โครม!
เสียงโครมครามดังสนั่นพสุธา กระจกทั้งห้องรับแขกแตกกระจุยกระจายเป็นเสี่ยงๆ เก้าอี้ที่โจวปินคางนั่งอยู่ก็แตกกระจายพร้อมเสียงที่ดังลั่น มองออกได้ง่ายมาก ว่าจะมีแรงสั่นสะเทือนของกำลังภายในจากการประลองฝีมือของทั้งคู่รุนแรงเพียงใด
โจวปินคางก็เป็นนินจาเช่นกัน ไม่เช่นนั้นการโจมตีนี้ เกรงว่าเขาคงจะต้องตายเป็นแน่!
สายตามองไปยังเทียนขุยที่กำลังกระโจนเข้ามาอีกครั้ง โจวปินคางหลบไป พร้อมเอ่ยขึ้นโน้มน้าวใจไป :“จอมพล เรื่องนี้จะต้องมีการเข้าใจผิดแน่ๆ จอมพลได้โปรดรอให้ผมสืบความจริงให้กระจ่างก่อน แล้วจะไปรายงานกับจอมพล”
ฟางเหยียนเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์: “เทียนขุย ลงมือเต็มที่เลย”
เทียนขุยพุ่งเข้าใส่โจวปินคางอีกครั้งตามคำสั่ง เขาปล่อยพลังออกเต็มที่ในครั้งนี้ จุดประสงค์ก็เพื่อที่จะจัดการโจวปินคางได้เลยในคราเดียว ทว่าโจวปินคางไม่ได้ตอบโต้กลับแต่อย่างใด ได้แต่รับมือโดยเสียเปรียบตลอด เขาชัดเจนดีว่า เมื่อสู้รบกันแล้ว ก็จะชำละล้างมลทินไม่ได้อีกเลย
และในขณะที่เขาจนปัญญาอยู่นั้น ภายในเรือนก็มีน้ำเสียงทุ้มหนา มีความหนักแน่นดังเข้ามา
“ไม่ทราบว่าท่านจอมพลจะเป็นเกียรติมาเยี่ยมเยียนในวันนี้ ขออภัยด้วยที่ไม่ได้ต้อนรับอย่างทั่วถึง เข้ามาเถิด เขาจะพาท่านมาเอง