จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 769 สามปี ฉันไม่เคยทำให้พวกนายผิดหวังเลย
ผู้คนจากสิบแปดผู้อาวุโสเสวียนกู่มีล้วนสีหน้าตกตะลึงกันยกใหญ่!
เกือบจะเอ่ยปากด่าทอ แน่นอนว่า หากจะด่าทอก็คงจะอยู่ในใจ พวกเขาไม่กล้าที่จะดูถูกนายน้อยท่านนี้ได้แต่อย่างใด! อย่าว่าแต่คนหล่อเหลาอย่างเขาจะสามารถขี้โม้ได้ ทว่าพละกำลังของเขานั้นแข็งแกร่งจนไม่อาจจะคาดเดาได้ ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางที่จะต่อต้านพวกเขาโดยตรง สิ่งที่เขาใช้นั้นก็คือแรงอันเหี้ยมโหดอำมหิต!
ลบสถานะของพ่อเขาออกก่อน ความพยายามของเขาและพรสวรรค์ไม่มีผู้ใดที่จะมาเป็นศัตรูได้ ถือได้ว่าเป็นสุดยอดปีศาจรุ่นเยาว์ของเพลิงเสวนเลยก็ว่าได้ สถานะที่ประกาศแก่ภายนอกนั้นคือช่วงระดับต้าชี่ชั้นยอด เท้าข้างหนึ่งได้ก้าวไปยังระดับปรมาจารย์แล้ว
ปีนี้เขาเพิ่งจะอายุเท่าไรเอง 30 ปีต้นๆ !
หากให้เวลาเพิ่มขึ้นอีกหน่อย อนาคตของเขานั้นไปไกลไร้ขีดจำกัดเป็นแน่ เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดปีศาจแห่งเพลิงเสวนในรอบหลายพันปี เพียงแค่ว่าเรื่องราวจะกลายเป็นจริงตามความคิดก็ไม่ได้ สุดยอดปีศาจเช่นนี้ กลับไม่ได้รับผลประโยชน์ที่ดีเท่าไร เพียงเพราะว่าการกระทำของพวกเขารวดเร็วเกินไป จุดประสงค์ก็เพื่อต้องการที่จะขัดขวางการขึ้นครองตำแหน่งนายน้อยของเขา นี่ถึงจะคิดวางแผนการใหญ่เช่นนี้ออกมาได้!
หลังจากเขาตอบสนองได้แล้วจึงพบว่า ทั้งเพลิงเสวนราวกับอยู่ภายในการควบคุมของพวกเขาแล้ว!
สายไปแล้ว ทุกอย่างล้วนสายไปแล้ว!
จะด่าไม่ได้ และไม่กล้าด่าด้วย!
ความคิดของทุกคนกลับมาบนจอมพลโผ้จวินอีกครั้ง กองกำลังเสริมภายนอกที่แข็งแกร่งที่นายน้อยให้ความสำคัญเช่นนี้!
จอมพลโผ้จวิน!
พละกำลังของเขาตรงกับเงื่อนไขกองกำลังเสริมภายนอกที่แข็งแกร่งทุกประการ!
ทว่านี่ไม่ใช่การเล่นตลกหรือ!
จอมพลโผ้จวิน ไม่รงรอยกับเพลิงเสวนยิ่ง อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้โดยสิ้นเชิง ให้เขามา ไม่ใช่เป็นการรนหาที่ตายหรอกหรือ? อย่าให้เมื่อถึงเวลานั้นกลายเป็น โศกนาฏกรรมที่วางแผนเป็นเรื่องยาว สุดท้ายเสียเปล่าทั้งขึ้นล่อง เป็นการหาเรื่องใส่ตัวเองเลย สิบแปดผู้อาวุโสเสวียนกู่ไม่อยากมองเห็นฉากนั้น และไม่ยอมที่จะดูด้วย
ความเงียบเข้าครอบงำชั่วขณะหนึ่ง ทั้งห้องโถงเดือดดาลขึ้นมา ถกเถียงกันเซ็งแซ่!
“เรียกเขามา? ล้อเล่นอะไรกัน? เขาเป็นใครกัน มีความเคียดแค้นต่อเพลิงเสวนแบบที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้เลย นี่มันไม่ใช่การล่อหมาป่าเข้าถ้ำหรอกหรือ? ตอนนี้เขาต้องการที่จะกำจัดเพลิงเสวนอยู่ตลอด ช่างเป็นศึกภายนอกและภายในจริงๆ เลย”
“จะเป็นแค่ศึกภายนอกและภายในที่ไหนกัน ก่อนอื่นเป็นการเตรียมโจมตีของพวกมัน อีกทั้งตอนนี้เพิ่มจอมพลโผ้จวินเข้ามาอีก พวกเราจะมีทางรอดหรือเปล่า? ไม่เห็นด้วย ฉันยืนกรานว่าไม่เห็นด้วยที่จะให้จอมพลโผ้จวินมาที่นี่ นี่มันเป็นการรนหาที่ตาย เบื่อการใช้ชีวิตแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“นั่นน่ะสิ ต่อให้พวกเราจะสู้พวกมันไม่ได้ แต่พวกเราก็ไม่มีทางล่อหมาป่าเข้าถ้ำ อย่าให้ต้องยังไม่กำจัดพวกมันได้เลย พวกเราก็ต้องสูญเสียชีวิตกันเสียแล้ว จอมพลโผ้จวินถือได้ว่าเป็นตัวปัญหาในสายตาของเพลิงเสวนเชียวนะ ถ้าให้พวกมันรู้เข้า คงต้องฆ่าพวกเราทิ้งตอนนั้นเลยหรือเปล่า?”
“ฉันไม่เห็นด้วย ฉันยืนกรานไม่เห็นด้วย”
“นายน้อย ผมคิดว่าแผนการนี้ไม่เข้าหลักการ จอมพลโผ้จวินเป็นศัตรูของพวกเรา ห้ามให้เขากลายมาเป็นกำลังหนุนเราเด็ดขาด ไม่พูดไม่ได้ว่า เขาเป็นกำลังเสริมภายนอกที่แข็งแกร่งผู้หนึ่ง แต่ท่านอย่าลืมไปเล่า ว่าเขาต้องการที่จะทำลายล้างคนทั้งหมดของเพลิงเสวน อีกทั้งพวกมันยังฆ่าสหายของจอมพลไปอย่างอาจหาญอีก จากนั้นก็ผูกปมเป็นศัตรูกันโดยสิ้นเชิง พวกเราจะไม่ยอมให้เขาทราบความลับของเราได้เป็นอันขาด”
“……”
เห็นได้ชัดว่า เสียงที่ไม่เห็นด้วยมีมากกว่า พูดได้ว่าทั้งห้องโถงไม่มีผู้ใดเห็นด้วย
คิดไปแล้วก็จริง
จอมพลโผ้จวินเป็นคนเดียวที่จะสามารถผลักดันคนของเพลิงเสวนได้ ทว่าก็เป็นคนเดียวที่เคียดแค้นต่อเพลิงเสวนจนมิอาจอยู่ร่วมโลกกันได้
หากให้เขาจัดการกับพวกเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นความต้องการที่ขัดต่อผลประโยชน์ผู้อื่น พอไม่ระวังขึ้นมาตนเองก็ยังต้องจบสิ้นไปด้วย
โผ้จวินทำลายคนของเพลิงเสวนไปจำนวนมาก เป็นไปได้ยากที่พวกเขาจะไม่ถูกกำจัดไปด้วย!
หรือมีคนคิดที่จะต่อต้าน!
ชิงตี้เป็นคนของเพลิงเสวนมิใช่หรือ?
ทำไมเธอถึงไม่เป็นอะไร?
ไม่เพียงแต่ไม่เป็นอะไร แถมยังลอยหน้าชายตาอยู่เบื้องหน้าโผ้จวินทุกวันเช่นนั้น
ทว่าทุกคนที่นั่งอยู่นี้ล้วนเป็นคนที่คิดลึกซึ้งและละเอียดรอบคอบ แน่นอนว่าต้องเข้าใจวิธีการที่อยู่ข้างใน โผ้จวินเป็นคนที่ฉลาดมองการณ์ไกล อย่ามองว่าเขาอายุเพียง 20 กว่าปี ทว่าสติปัญญาและจิตวิญญาณนั้นมีมากอย่างยิ่ง คิดจริงๆ หรือว่าที่เขาไม่ฆ่าชิงตี้เป็นเพราะความรักที่มีต่อสตรีจริงๆ ?
ไม่!
เขาเก็บชิงตี้เอาไว้ จะเป็นผลดีกว่าการฆ่าเธอ หลักๆ ก็คือเพราะสถานะเพลิงเสวนของชิงตี้ ทว่าหากเปิดเผยเพลิงเสวนต่อหน้าจอมพลโผ้จวิน เช่นนั้นก็แสดงว่าชิงตี้ไร้ซึ่งคุณค่าแล้ว อีกทั้งชิงตี้ที่ไร้ผลประโยชน์ ก็มีเพียงตายสถานเดียวเท่านั้น!
ผู้คนที่อยู่ในห้องโถงต่างก็ชัดเจนดีมากว่า นายน้อยก็เพียงแค่พนันเท่านั้น!
หลินซิงครุ่นคิดชั่วครู่ เอ่ยว่า: “นายน้อย หรือว่าไม่มีแผนการรับมืออย่างอื่นแล้ว? โผ้จวินเป็นกองกำลังเสริมภายนอกที่แข็งแกร่งก็จริง แต่ว่าความเคียดแค้นระหว่างเขากับเพลิงเสวน พวกเราต่างก็ทราบกันแก่ใจดี เขาจะช่วยพวกเราจริงๆ เหรอ? อยู่ใกล้ราชาก็เหมือนอยู่ใกล้เสือ เขาไม่ใช่คนที่ยอมให้คนอื่นปลิดชีพได้ง่ายๆ อย่าวางแผนเป็นเรื่องยาว สุดท้ายเสียเปล่าทั้งขึ้นล่อง!”
“แล้วก็นะนายน้อย ถ้าให้โผ้จวินทราบความลับที่มากกว่านี้ของเพลิงเสวนแล้ว งั้นชิงตี้ก็จะต้องไร้คุณค่าในการใช้ประโยชน์ ไม่เพียงเท่านี้ พวกเราทุกคนต่างก็จะไม่มีคุณค่าในการใช้ประโยชน์เช่นกัน สิ่งที่รอคอยพวกเราก็คงเป็นความตายอย่างเดียว!”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ หลินซิงก็ยืนขึ้นทันที จากนั้นเอ่ยด้วยความเคารพนบนอบ: “นายน้อยได้โปรดไตร่ตรองใหม่ด้วย เรื่องนี้จะต้องมองการณ์ไกล ไม่รีบด่วนตัดสินใจ”
สิบแปดผู้อาวุโสเสวียนกู่ยึดแรงศรัทธาหนึ่งเสมอ นั่นคือห้ามปรามนายน้อย ไม่ให้กระทำเรื่องที่สับสนงงงวยเช่นนี้ เพราะว่าความคิดเดียวของเขา ไม่ได้ง่ายเพียงศึกภายในภายนอกเท่านั้น พูดได้ว่าเป็นการผลักทุกคนตกลงไปยังขั้นที่ว่ากู่ไม่กลับ แม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่ง ทว่าอย่างน้อยก็ไม่กล้าจะทำอะไรมั่วซั่ว
ผู้ใดจะสามารถรับประกันได้ว่าจอมพลโผ้จวินจะไม่ทำอะไรพลการ?
ใครก็รับประกันไม่ได้!
นับตั้งแต่ช่วงเวลาที่พวกเขากลายเป็นฆาตกร เพลิงเสวนและโผ้จวินก็กลายเป็นปฏิปักษ์ต่อกันแล้ว ถึงขั้นที่ว่าไม่ฉันก็แกที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง ผู้ใดจะสามารถต้านทานการกระทำที่เหี้ยมโหดของโผ้จวินได้?
ตอนนี้ที่พวกเขาสามารถอยู่อย่างสงบสุขได้ ก็เป็นเพียงเพราะว่าโผ้จวินไม่ทราบว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน เมื่อความลับของตนเองเปิดเผยต่อโผ้จวินทั้งหมดแล้ว สิ่งที่รอพวกเขาอยู่จำต้องเป็นการดับสูญและภัยคุกคาม!
ใครจะสามารถขัดขวางจอมพลโผ้จวินได้?
ไม่มี!
นอกจากท่านปรมาจารย์ที่แยกตัวเองบำเพ็ญตบะอยู่ผู้นั้นจะออกมา!
ทว่าท่านปรมาจารย์แยกตัวเองบำเพ็ญตบะนับหลายร้อยปี ไม่มีแม้แต่ข่าวคราว เขาจะออกมาได้หรือไม่?
ใครก็ไม่กล้าพนัน โดยเฉพาะชีวิตของตัวเองไปพนัน!
ดังนั้น ทุกคนต่างก็ห้ามปรามนายน้อยกัน
นายน้อยเดาออกตั้งนานแล้วว่าพวกเขาจะต้องเป็นสถานการณ์แบบนี้ แต่กลับไม่โมโห เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า: “หรือว่าพวกนายยังมีวิธีที่ดีกว่านี้? อย่าลืมล่ะ พวกมันมีพวกมากมาย กองกำลังแข็งแกร่ง ไม่เพียงเท่านี้ การแบ่งกองกำลังก็แกร่งกว่าเราเยอะมาก ศัตรูของศัตรูไม่ใช่เพื่อนหรอกหรือ?”
หลินซิงครุ่นคิด เอ่ยว่า: “นายน้อย แม้คำพูดนี้จะไม่ผิด แต่พวกเราไม่มีความจำเป็นที่ต้องล่อหมาป่าเข้าถ้ำเลยนี่นา ความแค้นที่จอมพลโผ้จวินมีต่อเพลิงเสวนเรา ใครๆ ก็ทราบกันทั้งนั้น ท่านแน่ใจเหรอว่าเขาจะไม่ทำนอกเรื่องขึ้นมา?”
นายน้อยเอ่ยถามราบเรียบ โดยที่ไม่ลืมตาแม้แต่น้อย: “หลินซิง นายติดตามฉันมานานแค่ไหนแล้ว?”
หลินซิงตะลึงไปเล็กน้อย ทว่าก็ยังคงตอบคำถามอย่างสัตย์จริง: “นายน้อย สามปีได้แล้ว”
“สามปี!” นายน้อยเอ่ยขึ้น พร้อมแค่นหัวเราะอย่างเย็นชา: “ครั้งไหนที่ฉันทำให้พวกนายผิดหวัง?”
“ไม่มี” หลินซิงตอบกลับ จากนั้นรีบเอ่ยขึ้นว่า: “นายน้อย ครั้งนี้ไม่เหมือนแต่ก่อนนะ ครั้งนี้คือจอมพลโผ้จวิน ความจริงแล้วพวกเราเทียบกับพละกำลังของเขาไม่ได้เลย เขาเป็นเสือร้ายที่ลงจากภูเขามาเท่านั้น มีแรงพลังที่แข็งกล้า ผมกลัวว่าพวกเราจะต้านทานไว้ไม่อยู่จริงๆ ”
“ฉันตัดสินใจแล้ว จริงสิ ฉันไม่ได้ปรึกษาหารือกับนายหรอกนะ แต่เป็นการประกาศแจ้ง เข้าใจไหม?”
หลินซิงได้ยินคำพูดนี้ ภายในใจก็มีเสียงดังขึ้นมา
การประกาศแจ้งและการปรึกษาหารือมันมีความแตกต่างกันมากอยู่ นายน้อยแสดงพลังอำนาจที่แข็งแกร่งของเขาออกมาอีกแล้ว!
“นายน้อย ไตร่ตรองใหม่ให้ถี่ถ้วนอีกสักครั้งเถอะ เรื่องนี้มันไม่ควรเป็นอย่างนี้จริงๆ ผมคิดว่าพวกเราแบ่งแยกพวกเขาออกภายในก่อน ยังดีกว่าเรียกโผ้จวินมา นายน้อยได้โปรดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนอีกครั้งเถิด”
คนที่เหลือต่างก็เอ่ยขึ้นเช่นเดียวกัน: “นายน้อยได้โปรดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนอีกครั้งเถิด!”
“พวกนายก็แบ่งแยกสิ? ตอนนี้ไม่มีแม้แต่เงา ยังจะมีหน้ามาพูดอีก?” นายน้อยปิดตาลง เอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง: “ไปต้อนรับพวกเขา ตามหลักการแล้วน่าจะถึงกันแล้วละ”
ทุกคนราวกับถูกตบหน้าเข้าอย่างแรง ใบหน้ากระตุกโดยสันชาตญาณ!
สองคนที่อยู่ข้างหลังเขาเดินออกไปทันที และนำพาจิตใจที่เย็นยะเยือกของสิบแปดผู้อาวุโสเสวียนกู่ไปด้วย