จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 771 สั่งสอน
ปัง!
ผู้ชายคนนั้นยกแขนขึ้นมาด้านหน้าเพื่อบังตัวเอาไว้ พลังภายในที่แข็งแกร่ง ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว สะเทือนไปถึงใจผู้คนกว่าร้อยชีวิต!
โจมตี!
เอะอะก็ลงไม้ลงมือ!
ไม่มัวพูดพล่ามอยู่หรอก!
ชายคนนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย แขนทั้งสองข้างเจ็บปวดรวดร้าว เขาไม่อยากถูกพวกนั้นจับได้ว่าตัวเองมีสภาพย่ำแย่ จึงได้ใช้ประโยชน์จากชุดฉางซานที่มีขนาดใหญ่มาบังไว้ แล้วสะบัดมือที่สั่นเทาออกไป!
เขารู้ดีว่าเมื่อครู่นี้ ถ้าหากเขาไม่ทุ่มเทจนสุดแรง อาจถูกเทียนขุยโจมตีจนตายหรือพิการได้เลย
เขาขมวดคิ้ว จ้องมองเทียนขุย ดูยังไงก็ดูไม่ออกว่าเขาเป็นใครกันแน่ อย่างน้อยดูจากการแต่งตัวแล้ว พวกนั้นไม่ใช่พวกเดียวกัน ทำไมถึงมีคนเก่งกาจแบบนี้โผล่มาได้ล่ะ?
“ได้แค่นี้เองเหรอ!” เทียนขุยเคลื่อนตัวเพียงเสี้ยววินาที ความเร็วก็เพิ่มขึ้นมาก จนในตาของชายคนนั้นเห็นเพียงเงาวาบหนึ่งเท่านั้น อยากจะวิ่งหนีก็ไม่ทันการแล้ว เทียนขุยกระโดดสูงขึ้น เสียงดังสนั่นขึ้นในหัวของชายหนุ่มทันที : “พงพินาศแปดทิศ!”
ชายคนนั้นสั่นสะเทือนไปทั้งตัว เขายกมือขึ้นแล้วดันออกไป
อ๊าก!
มีเสียงดังสนั่นขึ้นมา!
“อ๊า……” ชายคนนั้นส่งเสียงร้องอย่างบ้าคลั่งออกมา มือทั้งสองข้างปล่อยลงอย่างไร้เรี่ยวแรง
พิการแล้ว!
กลายเป็นคนพิการไปแล้ว!
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตะลึงกันไปหมด!
สู้กับคนที่มีระดับต้าชี่ชั้นปลายเหมือนกัน ทำให้เขาถูกจัดการจนเสียมือทั้งสองข้างไป!
เป็นไปได้ยังไง? ต่อให้สู้ไม่ได้ก็ไม่น่าจะถึงขั้นบาดเจ็บรุนแรงอย่างนี้ ฝีมือของทั้งสองฝ่ายสูสีกัน แต่ว่าทำไมกันล่ะ?
ทุกคนค่อย ๆ เงียบลง ความสงสัยมากมายที่อยู่ในหัวไม่ได้รับการอธิบาย
“มาอีกสิ!” เทียนขุยฉีกยิ้มกว้าง แล้วรอยยิ้มค่อย ๆ ดูเย็นชาขึ้น ตอนที่มองไปยังคนร้อยกว่าคนนั้น ราวกับกำลังมองดูซากศพ ใช่แล้ว ตอนนี้เลือดร้อนที่อยู่ในกระดูกได้พุ่งพรวดมาที่หน้าผากแล้ว เขาอยากออกแรงมานานแล้ว เหมือนกับว่าเลือดทั่วตัวกำลังเดือดพล่าน!
เขารอเวลานี้มานานมากแล้ว!
ความแค้นของสหายเทียนหม่า และเลือดของผู้กล้าสำนักเจ็ดพิฆาตอีกพันกว่าชีวิต ได้ปลุกเร้าเขาจนถึงที่สุดแล้ว!
เทียนขุยเลียริมฝีปาก ไม่รอให้ร้อยกว่าคนนั้นตั้งสติได้ ก็พุ่งเข้าไปเหมือนเสือร้ายที่พุ่งเข้าหาฝูงแพะ เริ่มต้นเส้นทางที่โหดร้ายและนองเลือดของเขา!
เพียงชั่วครู่ เสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดดังระงมไปทั่ว!
ชิงตี้ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ไม่ได้กลับมานานมาก ไอ้เจ้าพวกนี้สมองเลอะเลือนกันแล้วหรือไง? คนฉลาดจะมองออก ว่าเทียนขุยมุ่งมั่นที่จะฆ่า ตอนนี้ยังเต๊ะท่ากันอยู่ได้? ไอ้พวกหัวสูงแต่ฝีมือไม่ถึงพวกนี้อยู่ดีกินดีจนเคยตัว จนไม่รับรู้ถึงความอันตราย และไม่มีประสบการณ์การต่อสู้ที่เผชิญกับความเป็นความตายกันเลย แล้วจะเป็นคู่ต่อสู้ของเทียนขุยได้ยังไงล่ะ?
สรุปได้ว่า พวกเขาสุขสบายกันเกินไป!
อย่าว่าแต่ร้อยกว่าคนนี้เลย ต่อให้เป็นชิงตี้แต่ถ้าอยากได้ผลประโยชน์จากเทียนขุย ก็ต้องยอมแลกกับอะไรมากมาย ถึงแม้ชนะก็เป็นเพียงชัยชนะอันน่าอนาถ หรืออาจพ่ายแพ้บาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย
แต่ตอนนี้ไอสังหารอันแรงกล้าที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเทียนขุย มากพอที่จะล้มคนทั้งหนึ่งร้อยกว่าคนนี้ได้ นี่ต้องฆ่าคนไปมากมายเท่าไหร่ถึงจะมีจิตสังหารแบบนี้ได้? เทียนขุยที่ยิ่งรบก็ยิ่งกล้าหาญได้แสดงความมั่นใจอย่างแรงกล้าออกมา ทำให้เขาเหมือนมีเทพเจ้าคอยช่วยอยู่ แทบไม่ต้องมองลงไป รอดูจุดจบของร้อยกว่าคนนั่น!
เพราะพวกเขาอ่อนแอกันเกินไป!
เพียงครู่เดียว ในหัวของชิงตี้ยังคงนึกถึงคำพูดนั้นของฟางเหยียน จบการต่อสู้ภายในสามนาที!
ความไว้วางใจระดับนี้ เกรงว่าไม่ใช่สิ่งที่ลูกน้องจะมีได้หรอกมั้ง!
โดยเฉพาะสองนาทีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของเทียนขุย ต้องเป็นความไว้วางใจที่มาจากการร่วมเป็นร่วมตายกันมา มีกลยุทธ์และมีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ตกลงเขาเป็นผู้ชายแบบไหนกันแน่ จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่านายน้อยวู่วามไปหน่อย ไม่ควรรีบเปิดเผยความคิดที่จะหาพักพวกเร็วขนาดนี้ เพราะเขาเป็นคนระมัดระวังและคิดรอบคอบมาก เป็นผู้ชายที่เก่งกล้าสามารถ!
ใช่แล้ว!
ชิงตี้รู้สึกกลัวขึ้นมาแล้วล่ะ!
เมื่อนึกได้ว่าเวลาสองนาทีเหลืออีกไม่เท่าไหร่แล้ว ชิงตี้ก็ร้อนรนใจขึ้นมา แล้วมองไปทางฟางเหยียน : “ท่านจอมพล ได้โปรดออมมือด้วยเถิด”
ฟางเหยียนทำเหมือนกับไม่ได้ยินสิ่งที่พูด “ยังเหลืออีกสี่สิบวินาที!”
เสียงไม่ดังนัก แต่กลับน่าตกใจราวกับเสียงฟ้าร้อง ดังก้องไปทั่วนอกตำหนัก!
เทียนขุยเร่งความเร็วมากขึ้น ราวกับเป็นภูตผีปีศาจก็ไม่ปาน วาบไปแวบมาในกลุ่มคน ทุกครั้งที่หยุดนิ่งลงก็จะมีคนล้มลงเช่นกัน
“หมดเวลา!”
เมื่อสิ้นเสียงของฟางเหยียน ยังมีคนที่สามารถยืนอยู่ได้อีกสามสิบกว่าคน และสามสิบกว่าคนนี้ต่างตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อกันหมดแล้ว สายตาเลื่อนลอย ขาสองข้างสั่นระริกอย่างไม่รู้ตัว!
สิ้นหวัง!
หวาดกลัว!
ทำให้พวกเขาเหนื่อยล้าทั้งใจและกาย!
ความโหดร้ายของเทียนขุยได้ทำลายความจองหองที่โอหังของพวกเขาจนหมดสิ้น!
พวกเขาที่แต่ไรมาทำตัวสูงส่ง ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา ตอนนี้ได้ลิ้มรสแล้วว่าความสิ้นหวังที่แท้จริงเป็นยังไง!
เทียนขุยคุกเข่าข้างเดียวลงกับพื้น ก้มหน้าหายใจหอบหืด : “จอมพลโผ้จวินครับ เชิญคุณลงโทษ!”
“ลุกขึ้นเถอะ ทำได้ไม่เลว” ฟางเหยียนยิ้มบาง ๆ : “นินจาร้อยกว่าคน ถึงแม้มีระดับต้าชี่กันไม่เกินยี่สิบคน แต่นายสามารถมีผลการสู้รบได้อย่างนี้ถือว่าไม่เลวแล้ว”
เทียนขุยก้มหัวอย่างหมดอาลัยตายอยาก ท่าทางแบบนั้นเหมือนกับทำผิดยังไงยังงั้น ถึงแม้เขาได้กำจัดนินจาไปถึงเจ็ดสิบแปดสิบคน แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกดีใจเลยสักนิด สำหรับเขา เขาแพ้แล้ว เขาประเมินตัวเองสูงไปหน่อย จนทำให้จอมพลโผ้จวินขายหน้าได้!
ถึงแม้ได้เห็นความเป็นจริงทั้งหมดแล้ว แต่ชิงตี้ยังคงรู้สึกช็อกอยู่เล็กน้อย!
คนร้อยกว่าคนถูกเทียนขุยจัดการจนเกลี้ยง!
แม้แต่สามสิบกว่าคนที่ยืนอยู่ตอนนี้ก็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อไปนานแล้ว ไม่มีความสามารถในการสู้รบอีกแล้ว!
มีเพียงชิงตี้ที่ได้เห็นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ร้อยกว่าคนนั่นแพ้ที่ประสบการณ์และความกล้าหาญ หากเพียงพวกเขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันสักนิด คงไม่แพ้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ โดยเฉพาะสามสิบกว่าคนนั่นหากชีวิตนี้อยากมีวรยุทธ์ที่ก้าวหน้ามากขึ้น ก็แทบเป็นไปไม่ได้แล้ว เมื่อเทียบกับบาดแผลที่ถูกทำร้ายเต็มตัว หัวใจของนินจาคือความตั้งใจจริง
การต่อสู้ในวันนี้ เทียนขุยได้ทำลายจิตใจความเป็นนินจาของพวกเขาแล้ว!
ดังนั้นถือว่าเทียนขุยทำสำเร็จ!
คำกล่าวที่ว่าให้นึกถึงอันตรายในยามสงบสุขหรือที่ว่าหมาป่ามาแล้ว ไม่ใช่เพราะข่าวลือมีมูลความจริง แต่เป็นเพราะพวกเขาใช้ชีวิตกันอย่างสุขสบายกันมากเกินไป ไม่ได้ผ่านการฝึกมาด้วยเลือดและน้ำตา ดังนั้นจึงได้กระเจิดกระเจิงเหมือนเขื่อนแตก!
ทำอย่างไรถึงสามารถก้าวหน้าได้? มีเพียงต้องสู้เท่านั้น!
คิดถึงตรงนี้ ชิงตี้เหมือนเข้าใจอะไรขึ้นมาได้ เธอโค้งตัวเล็กน้อย : “ขอบคุณมากค่ะจอมพล!”
ฟางเหยียนมองไปที่เทียนขุย : “ได้รู้อะไรบ้าง?”
“อ่อนแอมากเกินไป!”
ชิงตี้ : “……”
“ยังมีอะไรอีก?”
“ผมหยิ่งผยองเกินไปหน่อย ผมได้ทำผิดข้อห้ามในสนามรบ ประเมินความสามารถของตัวเองผิดไป ทำให้พลาดโอกาสดีที่สุดในการทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ ฉะนั้นจอมพลโผ้จวินครับ รบกวนคุณลงโทษที่ผมหยิ่งผยองด้วยเถอะครับ”
“เทียนขุย นายตระหนักรู้ได้อย่างนี้ แสดงว่านายได้รู้ถึงข้อบกพร่องของตัวเองแล้ว” พูดถึงตรงนี้ ฟางเหยียนก็ได้เอ่ยเสียงเย็นชาขึ้นมา : “นายยังทำผิดข้อห้ามในสนามรบอีกหนึ่งเรื่อง!”
เทียนขุยใจสั่นไปหมด ร่างกายที่บึกบึนก็สั่นไปหมดทั้งตัว
ชิงตี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย เทียนขุยไม่ได้เสแสร้ง แต่เป็นความกลัวที่มาจากก้นบึ้งหัวใจ นี่เป็นความหวาดกลัวที่มาจากในกระดูก!
คนที่เหลืออยู่สามสิบกว่าคนมองดูด้วยความสับสนงุนงง คนที่แข็งแกร่งขนาดนี้ กลับหงอให้กับผู้ชายตรงหน้าที่สภาพเหมือนถูกลมพัดก็ปลิว ทำลายความเข้าใจของพวกเขาจนหมดสิ้น
พวกเรารับรู้ได้แล้วจริง ๆ ว่าอะไรที่เรียกว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน!
“จอมพลโผ้จวินเชิญพูดครับ เทียนขุยรู้ว่าผิดแล้วครับ!”
“นายผิดไปแล้วจริง ๆ!” เสียงพูดของฟางเหยียนเย็นยะเยือกมากขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาคู่นั้นดูดุดัน คว้าลูกดอกสะท้อนแสงที่เดิมทีพุ่งเป้ามาที่เทียนขุยเอาไว้แน่น “ตอนนี้รู้ว่าผิดแล้วหรือยัง?”
เมื่อเห็นลูกดอกนี้ เทียนขุยก็เผยสีหน้าดุร้ายออกมา : “จอมพลโผ้จวิน ผมผิดไปแล้วครับ!”
สิ้นเสียง ก็หันตัวไป!
ทันใดนั้น ทุกคนที่นอนร้องโอดครวญอยู่บนพื้นก็ได้ร้องเสียงหลงมากขึ้น เมื่อเสียงร้องโอดครวญที่ดังขึ้นเป็นระลอกค่อย ๆ เงียบลง ทั่วทั้งนอกตำหนักก็ได้กลายสภาพเป็นนรกบนดิน!
ทั่วทั้งนอกตำหนัก มีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว คนร้อยกว่าคน ไม่มีใครรอดแม้แต่คนเดียว พวกเขาตายกันหมดแล้ว!
เทียนขุยเดินกลับมาตรงหน้าฟางเหยียนด้วยสภาพตาแดงก่ำ “จอมพลโผ้จวิน ผมเข้าใจแล้วครับ ผมไม่ควรใจอ่อนกับศัตรู ทำให้พวกมันลอบโจมตีได้ คุณวางใจเถอะครับ รับรองว่าไม่มีครั้งต่อไปอีกเด็ดขาด”
ฟางเหยียนเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา : “เมตตาศัตรูคือการโหดร้ายต่อตัวเอง นี่เป็นหลักเหตุผลที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง!”
“เข้าใจครับ!”
ชิงตี้กำหมัดจนแน่น หัวใจก็สั่นตามไปด้วย เมื่อครู่นี้เธอยังคิดว่าฟางเหยียนฝึกทหารให้พวกเธอ ถึงได้ขอบคุณเขาที่อุตส่าห์ทำให้ด้วยใจ แต่ผลที่ได้มันทิ่มแทงใจเกินไปแล้ว!