จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 773 มีแค่ฉันที่ยิ่งใหญ่สุด
นอกตำหนัก เลือดเจิ่งนองดั่งสายน้ำ ศพกองโตดั่งภูเขา!
สิบแปดผู้อาวุโสเสวียนกู่ตกตะลึงทันที!
ไม่เพียงแต่พวกเขา แม้แต่นายน้อยเองก็รูม่านตาหดลงทันที กำหมัดแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว!
การกระทำของจอมพลทำให้ทุกคนขวัญหนีดีฝ่อ โหดร้ายทารุณ ป่าเถื่อนชนิดที่คิดไม่ถึงว่าจะมีอยู่บนโลกใบนี้ รุนแรงไร้ซึ่งมนุษยธรรม!
นั่นมันชีวิตคนร้อยกว่าชีวิตเชียวนะ!
ตายไปอย่างนี้น่ะเหรอ?
หลินซิงตาเบิกกว้างด้วยความโกรธแค้น กัดฟันกรอดแล้วเอ่ยพูด : “นายน้อย ตอนนี้ท่านเห็นแล้วใช่ไหม นี่ไงการชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน ลงมือได้โหดร้ายป่าเถื่อนอย่างนี้ไง ทำเพื่อกดขี่ข่มเหงพวกเรา และตอนนี้ผู้ร้ายก็อยู่ตรงนั้นไง ผมขอเสนอให้ฆ่าผู้ชายคนนี้ซะ ให้มันชดใช้ผู้บริสุทธิ์ทั้งหนึ่งร้อยชีวิตนี้ด้วยชีวิต!”
“ไม่ได้ ไม่ได้……ฆ่ามันให้ตายง่าย ๆ อย่างนี้ ทำให้มันสบายเกินไป ต้องให้มันได้ลิ้มรสความเจ็บปวดของการเลาะเนื้อเลาะหนังออกจากกระดูก ทำให้มันทนทุกข์ทรมานแล้วตายไปอย่างช้า ๆ”
หลินซิงจ้องเขม็งฟางเหยียนด้วยตาแดงก่ำ ใบหน้ามีความอำมหิตมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ใช่ครับ นายน้อย ผมเห็นด้วยกับพี่ใหญ่ เข่นฆ่าคนของพวกเราตามใจชอบ อันธพาลแบบนี้ ผมเสนอว่าไม่ควรแค่เลาะเนื้อเลาะหนังจากกระดูกเท่านั้น แต่ต้องทำเหรินจื้อด้วย! ถึงจะสามารถเซ่นไหว้ดวงวิญญาณร้อยกว่าชีวิตนั้นได้”
เหรินจื้อ!
เป็นบทลงโทษที่โหดร้ายทารุณที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ ต้องตัดแขน ตัดขา ควักลูกตา เอาทองแดงกรอกหูให้หูหนวก ตัดจมูก โกนหัว กรอกยาเข้าปาก ตัดลิ้น ทำลายเส้นเสียง เพื่อให้เป็นใบ้ จากนั้นนำไปทิ้งไว้ในสุขา
ที่ขึ้นชื่อมากสุดก็คือสมัยลฺหวี่ไทเฮาแห่งราชวงศ์ฮั่นที่ลงโทษฮูหยินชีด้วยการทำเหรินจื้อ แค่คิดก็รู้แล้วว่า นี่เป็นการลงโทษที่โหดร้ายทารุณและไร้ซึ่งมนุษยธรรมมากแค่ไหน!
รู้ได้เลยว่า นี่เป็นความเคียดแค้นที่พวกเขามีต่อจอมพลโผ้จวิน!
เดิมทีก็ไม่เห็นด้วยกับการที่นายน้อยรับเชิญจอมพลโผ้จวินมายังที่นี่ เรื่องนี้ทำให้ความขัดแย้งทวีความรุนแรงมากขึ้น!
“นายน้อย สำหรับคนที่ชั่วร้ายเลวทรามอย่างนี้ ไม่เพียงแค่ต้องลงโทษด้วยการเหรินจื้อเท่านั้น แต่ยังต้องป่าวประกาศให้โลกได้รับรู้ ให้คนทั้งโลกได้เห็นว่าจอมพลที่พวกเขาภาคภูมิใจ โหดร้ายทารุณมากแค่ไหน ให้ทั้งโลกได้เห็นว่าการล่วงเกินพวกเราต้องมีจุดจบยังไง!”
“ใช่ครับ นายน้อย คนโหดร้ายอย่างนี้จะใจอ่อนไม่ได้เด็ดขาด นอกจากเป็นการเตือนให้คนทั้งโลกเห็นอำนาจบารมีของเพลิงเสวนแล้ว ยังต้องให้คนทั้งโลกเห็นด้วยว่า คนของเพลิงเสวนไม่ใช่ลูกพลับที่สุกนิ่ม คิดอยากจะบีบก็บีบได้!”
“นายน้อย ผมก็เห็นด้วยกับการฆ่าคนชั่วคนนี้ หากไม่กำจัดไอ้ชั่วนี้ซะ เพลิงเสวนของพวกเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? จะทำให้พวกมันหัวเราะเยาะเอาได้ ฉะนั้นนายน้อยครับ ออกคำสั่งเถอะ ผมจะเป็นผู้นำ เอาชีวิตไอ้คนชั่วนี้เอง!”
“……”
ทุกคนต่างยืนหยัดในข้อคิดเห็นของตัวเอง เอ่ยเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ต้องพูดก็เข้าใจกันดี ว่าจำเป็นต้องกำจัดฟางเหยียน เพราะการกระทำของเขาทำให้ทุกคนโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด เรียกได้ว่าทำให้ทุกคนขุ่นเคืองใจเป็นอย่างมาก!
ฟางเหยียนได้ยิน ก็ดีใจขึ้นมาทันที ในที่สุดก็ได้ผลตามที่คาดเอาไว้!
แต่ยังไม่พอ!
ถึงแม้คนพวกนี้เดือดเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ก็มีแค่พวกคนเลวที่ชอบก่อปัญหาเท่านั้น สร้างคลื่นใหญ่ไม่ได้หรอก คนที่ถูกเรียกขานว่านายน้อยต่างหาก ถึงเป็นผู้นำที่แท้จริง เขาทำให้ฟางเหยียนรู้สึกถึงความหยิ่งยโสโอหัง ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย
เรื่องบางเรื่องฟางเหยียนลงมือได้ลำบาก แต่ไม่ได้หมายความว่าเทียนขุยจะวิตกกังวลอะไร!
“ตลอดเวลาที่ผ่านมาคนของเพลิงเสวนนอกจากหลบซ่อนอยู่ในที่มืดแล้ว ยังอ่อนแอขนาดนี้ด้วยเหรอ ช่างน่าเศร้าสลดจริง ๆ” พูดถึงตรงนี้ เทียนขุยได้หันไปมองฟางเหยียนกะทันหัน “รบกวนจอมพลโผ้จวินออกคำสั่ง ให้ผมฆ่าคนที่เป็นอันตรายต่อส่วนรวมพวกนี้ด้วยเถอะครับ!”
มองไม่เห็นความผิดของตัวเองเลยแม้แต่น้อย การกระทำแบบนี้ เรียกได้ว่าไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตาเลย ยิ่งทำให้ความโกรธเคืองปะทุมากขึ้นไปอีก!
“นายน้อยครับ ออกคำสั่งเถอะ ถูกคนอื่นเหยียบหัวแบบนี้ ผมทรมานจริง ๆ ยืนขับถ่ายอยู่บนหัวพวกเรา ผมไม่อาจทนได้ ผมจะเด็ดหัวของมันมาให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ ผมขอยอมตายเพื่อชดใช้ความผิด!”
สิบแปดผู้อาวุโสเสวียนกู่ขานรับกันต่อเนื่อง ท่าทางที่พร้อมจะสู้รบนั้นแทบอดไม่ไหวที่จะจัดการกับเทียนขุยที่ยโสโอหัง!
“พอได้แล้ว!” นายน้อยตะคอกด้วยความโกรธ
ทั้งสิบแปดคนปิดปากเงียบทันที
นายน้อยยกมือขึ้นคารวะ สีหน้าเลื่อมใสศรัทธา แล้วเอ่ยพูดด้วยความเคารพว่า : “ขอเชิญท่านจอมพลเข้าไปในตำหนักด้วยครับ เพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญกัน”
ท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นนี้ ทำให้สิบแปดผู้อาวุโสเสวียนกู่ต่างตกตะลึงด้วยความคาดไม่ถึง!
ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้น แม้แต่ฟางเหยียนก็มองไปยังคนที่ถูกเรียกว่านายน้อยอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน เกิดเรื่องใหญ่ถึงขนาดนี้ขึ้นแล้ว ก็ปล่อยให้ผ่านไปได้ง่าย ๆ อย่างนี้ จิตใจที่สงบนิ่งระดับนี้ช่างไม่เข้ากับอายุของเขาเสียเลย
เห็นได้ชัดว่า นายน้อยไม่คิดจะถือสาเอาความแล้ว ไม่เพียงเท่านี้ แต่ยังลดตัวไปเชื้อเชิญฟางเหยียนอีกด้วย องค์กรที่ก่อตั้งมายาวนานหลายพันปี พบเจอเรื่องแบบนี้กลับเลือกหลีกหนีไม่กล้าสืบสาวราวเรื่อง หากพูดออกไป จะไม่ทำให้คนขำจนฟันร่วง คนหัวเราะเยาะเย้ยหรอกเหรอ?
สิบแปดผู้อาวุโสเสวียนกู่ต้องการจะยื่นข้อเสนอร่วมกันอีก แต่กลับถูกนายน้อยจ้องเขม็งกลับไปด้วยสายตาที่เย็นชา!
หยิ่งจองหอง มีความกล้าและเจ้าแผนการ ความคิดลึกล้ำยากจะคาดเดา กล้าหาญเด็ดเดี่ยว เฉลียวฉลาด นี่คือจุดเด่นที่นายน้อยแสดงออกมา!
สิ่งที่เรียกว่าจุดเด่นนี้ ไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึงต่อหน้าฟางเหยียนเลย!
จุดเด่นเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ฟางเหยียนมีเหลือแล้วทั้งนั้น!
โดยเฉพาะท่ามกลางการเข่นฆ่านองเลือดในสนามรบ เรื่องที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ ความมุ่งมั่นตั้งใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่!
เทียนขุยแสยะยิ้มแล้วเอ่ยพูด : “ไอ้หนุ่มนี่ยังพอมีสมองหน่อยนะ ไม่เหมือนคนอื่น ๆ ที่ไม่มีสมองเลยสักนิด จะว่าไปแล้ว แกก็ไม่ได้สูงส่งอะไรนักหนานี่นา”
“นายน้อยอย่างแกนี่เก่งกาจจริง ๆ ฆ่าคนของแกไปตั้งมากมาย แกกลับไม่กล้าแม้แต่ผายลม ตกใจจนอกสั่นขวัญแขวนแล้วหรือไง? ฮ่าฮ่าฮ่า……”
เทียนขุยราดน้ำลงบนกองไฟอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
เป็นอย่างที่คิดไม่มีผิด สองคนที่อยู่ข้างนายน้อยโมโหตาโตขึ้นมาทันที หนึ่งในนั้นเอ่ยพูด : “ไอ้หนุ่ม แม่งอุตส่าห์ไว้หน้าแกแล้วแต่ดันไม่รับไว้ กล้าเหยียดหยามนายน้อย รู้ไหมว่าจะตายยังไง!”
เทียนขุยแสยะยิ้มเย้ยหยัน กลับอยากหัวเราะออกมาด้วยซ้ำ “ทำไม? ตอนนี้คิดว่าตัวเองเก่งแล้วเหรอ? ไอ้เวรที่อาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่ง!”
“แกว่าอะไรนะ!”
“ไม่ใช่สิ ฉันพูดผิดไป”
เทียนขุยเพิ่งเคยยอมรับผิดเป็นครั้งแรก!
ทำเอาทุกคนสับสนงุนงงไปหมด แต่ประโยคถัดไปของเขา กลับทำให้ทุกคนอยากด่าแม่ขึ้นมาเลยทีเดียว!
“ว่าพวกแกเป็นหมา เป็นการดูถูกเหยียดหยามหมาจริง ๆ นั่นแหละ เทียบกับหมาไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
ทุกคน : “……”
ความรู้สึกของทุกคนเหมือนกับนั่งรถไฟเหาะไม่มีผิด ใจเต้นตึกตัก โมโหเป็นอย่างมาก!
ฟางเหยียนไม่พูดอะไรสักคำตั้งแต่ต้นจนจบ ทว่าเขากลับพบว่าเทียนขุยซุกซนมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว!
ในเมื่อต้องการมาหาเรื่อง เขาก็ไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลใจใด ๆ!
ปล่อยให้เทียนขุยทำตามอำเภอใจ ถึงเวลาสำคัญแล้วค่อยลงมือ รับรองว่าจะกำจัดเพลิงเสวนให้สิ้นซาก!
เทียนขุยสังเกตอาการโกรธของทุกคน จากนั้นพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วเอ่ยพูดอย่างอวดดีว่า : “อย่าพูดพล่ามมากมายเลย ฉันคันไม้คันมือแล้วล่ะ ขอร้องรีบจัดการเถอะ!”
ยั่วยุกันซึ่ง ๆ หน้า!
เหมือนเหยียบย่ำทุกคนอย่างหนักให้อยู่ใต้เท้า แล้วบดขยี้ไม่หยุด!
ท่าทางอวดดีเหลือเกิน!
ดูท่าทางสถานการณ์ตึงเครียดกำลังจะปะทุขึ้นแล้ว แต่นายน้อยกลับใช้สายตากดดันสิบแปดผู้อาวุโสเสวียนกู่!
กล้าหาญเด็ดเดี่ยว เผด็จการอย่างไม่มีใครเทียบได้!
ถูกพูดจาว่าร้ายใส่ แต่ยังหน้านิ่งเฉยได้อย่างนี้ ไม่เพียงแต่สามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดไว้ได้ แต่ยังสามารถทำให้ทุกคนยอมอยู่ใต้อาณัติ นายน้อยคนนี้มีความสามารถอยู่เหมือนกันนี่นา!
นายน้อยมองไปที่ฟางเหยียน ก้มตัวลงต่ำเล็กน้อย ฟางเหยียนที่มีท่าทางมองทุกคนอย่างเหยียดหยาม เหมือนตัวเองเป็นผู้ยิ่งใหญ่เพียงหนึ่งเดียวในโลก ทำให้เขาเกรงกลัว เขาจะมองไม่ออกได้ยังไงกันล่ะ
นายน้อยยิ้มเล็กน้อย : “จอมพลครับ ใจเย็น ๆ ก่อน ผมทราบดีเรื่องบุญคุณและความแค้นระหว่างจอมพลกับเพลิงเสวน ถ้าหากฆ่าคนไม่กี่คนนี้แล้วช่วยขจัดความโกรธแค้นของจอมพลได้ ผมก็คิดว่าคุ้มค่ามากครับ แน่นอนว่าถ้าหากจอมพลรู้สึกว่าความโกรธแค้นในใจยังไม่หมดไป งั้นผมจะเรียกคนมาเพิ่ม ให้จอมพลฆ่าจนกว่าจะสบายใจ เป็นยังไงครับ?”
เมื่อคำพูดประโยคนี้ดังนี้ ทุกคนต่างงุนงงกันเลยทีเดียว!
เอาใจถึงขนาดนี้ก็เกินไปหน่อยมั้ง!
การมองของคนคนหนึ่งตัดสินลักษณะของคนเราได้ คนที่ยิ่งใหญ่ ก็ยิ่งมองไกลกว่าคนทั่วไป
มีเพียงชิงตี้ที่ค่อย ๆ คลายคิ้วที่ขมวดอยู่ออกไป ดูเหมือนเธอเข้าใจในการกระทำของนายน้อยแล้ว
ถ้าหากพูดว่าในที่นี้ใครสงบนิ่งมากสุดก็คงต้องเป็นฟางเหยียน ตอนที่ได้ยินประโยคนี้ หนังตาของเขาไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย นี่เป็นสิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว คนที่สามารถเป็นนายน้อยของเพลิงเสวนได้ หากความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวแค่นี้ยังไม่มี ฟางเหยียนคงรู้สึกสลดใจ!
เมื่อเทียนขุยตั้งสติได้ ก็อดไม่ได้ที่จะมองนายน้อยครู่หนึ่ง แล้วหัวเราะเหอะเหอะขึ้นมา : “แกมั่นใจเหรอ?”