จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 774 ความโกรธแค้นของเทียนขุย
นายน้อยมองไปทางเทียนขุยด้วยสีหน้านิ่งเฉย : “พี่ชายผู้นี้ฝีไม้ลายมือเก่งกาจ พูดจาเปิดเผยตรงไปตรงมา ไม่เสแสร้ง พฤติกรรมน่ายกย่องเช่นนี้ ควรค่าแก่การเรียนรู้ พวกเขาได้ตายในน้ำมือของพวกคุณ ถือเป็นเกียรติของพวกเขา เพราะยังไงก็ดีกว่าตายด้วยน้ำมือคนอื่น ต้องขอบคุณด้วยนะครับ”
ขณะพูด จู่ ๆ นายน้อยได้หันไปมองหลินซิง “เรียกคนมา!”
หลินซิงยังคิดว่านายน้อยพูดเล่น แต่ดูท่าทางของเขาแล้ว เหมือนพูดเล่นเสียที่ไหนกัน จึงได้เอ่ยถามลองเชิงดูว่า : “นายน้อยครับ คุณจริงจังเหรอครับ?”
“แกคิดว่าไงล่ะ?”
น้ำเสียงที่เย็นสะท้านเข้าถึงกระดูก ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว!
หลินซิงพูดด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง : “นายน้อย มันมาฆ่าคนนะครับ! คุณดูไม่ออกเหรอครับ? นี่มันชักศึกเข้าบ้านชัด ๆ และจุดประสงค์ของพวกมันเกรงว่าไม่เพียงแต่ฆ่าคนเท่านี้นะครับ กลัวจะกำจัดพวกเราทั้งหมด นายน้อย ตอนนี้ทำไมคุณถึงเลอะเลือนอย่างนี้ล่ะครับ!”
เทียนขุยไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที “ทำไม? ไม่ได้ยินที่นายน้อยพูดเหรอ? พูดอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ได้? รีบเรียกคนมา ฉันยังฆ่าไม่สะใจเลย!”
“สารเลว! คิดว่าพวกเราเพลิงเสวนรังแกได้ง่ายจริง ๆ น่ะเหรอ!” หลินซิงชี้หน้าเทียนขุยด้วยความโกรธ : “ถ้ายังพูดจาสามหาว ข้าจะฆ่าแกเสียตอนนี้เลย!”
เพี๊ยะ!
เสียงตบหน้าดังสนั่นเข้าไปถึงใจทุกคน!
หลินซิงจ้องนายน้อยด้วยความอึ้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง
“นายน้อย คุณ……”
“ฉันจะพูดอีกครั้ง เรียกคนมา!”
หลินซิงกล้าขัดคำสั่งนายน้อยที่ไหนล่ะ จึงเอ่ยพูดอย่างหงอย ๆ ว่า : “ไปเรียกคนมา!”
ผ่านไปชั่วครู่ คนร้อยกว่าคนได้ถูกเรียกมาแล้ว เหมือนกับก่อนหน้านี้ไม่มีผิด!
นายน้อยมองไปที่เทียนขุย แล้วยิ้มเล็กน้อย : “รบกวนพี่ชายด้วยนะครับ”
ไม่พูดพล่ามอะไรมากมาย เทียนขุยได้พุ่งเข้าไปทันที คนร้อยกว่าคนนั่นตกใจกันไม่น้อย เทียนขุยเหมือนพญาเสือที่พุ่งเข้าไปในฝูงแพะ ดูยิ่งใหญ่มาก ตอนแรกคนพวกนี้ยังรู้จักต่อต้านอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียนขุยรุกหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ไม่มีใครสามารถต้านทานได้ เพียงครู่เดียวก็ทำลายความกล้าที่อยู่ในใจของคนทั้งร้อยกว่าคนจนหมดสิ้น
พวกเขาเป็นเหมือนเนื้อปลาที่อยู่บนเขียงไม่มีผิด ปล่อยให้คนแล่เนื้อได้ตามใจชอบ ค่อย ๆ รอความตายมาถึง!
มองไปยังคนที่ล้มไปทีละคน หลินซิงและคนอื่น ๆ ก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวหัวใจ!
คนพวกนี้หากใช้ต่อสู้กับพวกเขาล่ะก็ ตายไปก็ไม่เสียดาย!
แต่ตอนนี้ ไม่ได้แตะตัวพวกเขาแม้แต่น้อย ก็เสียหายอย่างแสนสาหัส เป็นการเสียสละชีวิตอย่างไร้ประโยชน์ เพื่อสนองความบ้าคลั่งของนายน้อยเท่านั้น
ชิงตี้เสียใจเป็นอย่างมาก เธอกำลังชั่งน้ำหนักอยู่ตลอดว่าการกระทำอย่างนี้ของนายน้อยตกลงมันคุ้มค่าหรือไม่ แต่เห็นท่าทางที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรของนายน้อยแล้ว เธอก็เข้าใจได้ทันที นายน้อยไม่เห็นความสำคัญของคนพวกนี้เลยสักนิด พูดได้ว่าไม่แยแสเลยว่าพวกเขาจะเป็นหรือตาย
การทำเพื่อเอาใจฟางเหยียนอย่างนี้มันคุ้มค่าจริง ๆ เหรอ?
ชิงตี้คิดว่าไม่คุ้มค่าเลย คนพวกนี้น่าจะตายอย่างมีประโยชน์ ไม่ใช่ของที่ต้องเสียสละเพื่อเอาใจคนอื่น!
เทียนขุยไม่ได้ฆ่าคนแบบถึงอกถึงใจอย่างนี้มานานมากแล้ว ถึงขนาดวาบไปวาบมาในกลุ่มคน ท่าทางมีความสุขมาก ยิ่งฆ่าก็ยิ่งฮึกเหิม การใช้พลังงานร่างกายเป็นการทดสอบครั้งใหญ่อย่างหนึ่ง จัดการคนทั้งหนึ่งร้อยกว่าคน ครั้งนี้เขาใช้เวลาไปสิบกว่านาที และบนร่างกายเขาก็มีบาดแผลอยู่ไม่มากก็น้อย แต่มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลย
เขาหายใจเหนื่อยหอบกลับไปที่ฟางเหยียน : “จอมพลโผ้จวินครับ สะใจจริง ๆ เลย ไม่ได้ทำอะไรถึงใจขนาดนี้มานานแล้ว!”
นอกตำหนักเต็มไปด้วยศพคนสองร้อยกว่าคน นี่ถึงจะเรียกว่านรกบนดินของจริง สิ่งที่ได้เห็นน่าสะเทือนใจมาก ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว!
ส่วนสิบแปดผู้อาวุโสเสวียนกู่ต่างก็เบ้าตาแดงก่ำ ร้องไห้จนน้ำตาไหลออกมาเป็นเลือด หัวใจแตกสลายเหมือนเศษกระจกที่แตกละเอียด เป็นทุกข์ดั่งใจโดนมีดกรีด!
เรื่องน่าเศร้าที่สุดคือมีความคิดโง่เขลา เย็นชาเห็นแก่ตัว ไร้คุณธรรมน้ำใจ การกระทำของนายน้อยครั้งนี้เรียกได้ว่าทำร้ายจิตใจของทุกคนอย่างถึงที่สุด!
เสียคนไปสองร้อยกว่าชีวิต ใครจะไปรับได้กันล่ะ?
นี่ยังไม่ใช่เรื่องที่ทำให้สิบแปดผู้อาวุโสเสวียนกู่เหนื่อยล้าทั้งกายและใจ เพราะนายน้อยดูเหมือนไม่มีความคิดที่จะหยุดแค่นี้!
ยังไม่หยุด!
เขาเริ่มเอ่ยปากอีกแล้ว!
“จอมพลครับ คุณหายโมโหหรือยัง? ถ้า……”
หลินซิงพูดขัดนายน้อยขึ้นมา ไม่ต้องคิดก็รู้ได้ว่าเขากำลังจะพูดอะไรต่อ จึงเอ่ยด้วยสีหน้าดุดัน : “นายน้อย ถ้ายังฆ่าต่อไป พวกเราจะไม่เหลืออะไรเลยนะครับ!”
ตรงไปตรงมามาก!
ด้านจำนวนคนพวกเขาเดิมทีก็สู้ไม่ได้อยู่แล้ว พูดให้แย่กว่านี้หน่อย ก็คือไม่เหลืออะไรแล้ว คนพวกนี้ไม่ได้ได้มาง่าย ๆ เรียกได้ว่าเป็นพวกที่เหลือรอดมาอย่างยากลำบาก แต่ชั่วพริบตาเดียวก็ถูกกำจัดไปสองร้อยกว่าคน จะต่อต้านพวกมันได้ยังไงกันล่ะ? ถูกพวกมันกดขี่ข่มเหงขนาดนี้ จำนวนคนเหลือน้อยจนน่าสงสาร กำจัดไปถึงสองส่วนในห้าส่วนแล้ว!
และนายน้อยยังคิดจะให้ทำแบบนี้ต่อไป หากพบพวกมันอีก จะไปทำอะไรได้แล้วล่ะ!
แม้ว่าต้องเสี่ยงโดนนายน้อยฆ่าทิ้ง แต่หลินซิงไม่ยอมเห็นคนพวกนี้ถูกฆ่าตาย โดยที่ไม่ทำอะไรเลย!
เทียนขุยหัวเราะเหอะเหอะ ใบหน้าเต็มไปด้วยการเย้าแหย่ : “ไอ้หนุ่ม ลูกน้องแกคนนี้น่าสนใจดีนี่ ท้าทายอำนาจแกอย่างเปิดเผยเลยนะ แกยังมีหน้าทนอยู่ได้อีกเหรอ? จะทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะเอาได้นะ ถ้าฉันเป็นแก คงไม่อวดดีต่อไปแล้วล่ะ กลัวจะอวดดีต่อไปแล้วถูกฟ้าผ่าตาย!”
นายน้อยยิ้มเล็กน้อย สำหรับคำพูดของเทียนขุย เขาไม่ได้เก็บมาใส่ใจเลยสักนิด ราวกับไม่สามารถยั่วยุเขาได้ แต่การเมินเฉยของเขา กลับทำให้หลินซิงทนต่อไปไม่นานแล้ว เขาไม่สามารถยอมให้ไอ้เวรนี่มาขี้เยี่ยวรดหัวพวกเขาไปตลอดหรอก!
รังแกคนของเพลิงเสวนอย่างนี้ หลินซิงไม่ยอมหรอก!
นายน้อยม่านตาหดลง ประกายไฟที่ลุกโชนในดวงตาไม่ต้องพูดออกมาก็เข้าใจได้ดี แต่เขากลับไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นชัดเจนนัก เขาเอ่ยพูดเสียงขรึมว่า : “เขาคนเดียวสามารถต้านทานกองกำลังเป็นหมื่นเป็นพันได้!”
เห็นได้ชัดว่า นายน้อยตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะประจบเอาใจจอมพลโผ้จวิน!
หลินซิงโกรธเป็นอย่างมาก นายน้อยบ้าไปแล้วหรือไง? การกระทำที่ไร้สมองอย่างนี้จะเอาชนะมันได้เหรอ? คนฉลาดยังไงก็ดูออก ว่าสองคนนั้นจงใจมาหาเรื่อง หากเป็นอย่างนี้ต่อไป ผลที่ได้มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นคือแกว่งเท้าหาเสี้ยน มีแต่จะเดือดร้อน!
แต่คำพูดนี้ของนายน้อย กลับทำให้หลินซิงถอยกลับไปทันที!
ก็จริง!
จอมพลโผ้จวินสามารถต้านทานกองกำลังนับหมื่นนับพันด้วยตัวคนเดียว แม้แต่พวกเขาก็ต้องปวดหัว โดยเฉพาะเขาสามารถสู้รบกับสิบประเทศได้ด้วยกำลังของตัวเองเพียงคนเดียว ฆ่าคนล้มตาย โดยตัวเองไม่พ่ายแพ้ การกระทำที่กล้าหาญเช่นนี้ เรียกได้ว่ามีเรี่ยวแรงมหาศาลดุจขุนเขา ความสามารถเป็นที่น่าตื่นตะลึง
แต่พวกเขากลับทำเรื่องที่ไม่สมควร ล่วงเกินผู้ชายที่เป็นเหมือนดั่งเทพเจ้าคนนี้ นี่ไม่ใช่เรียกว่าหาเรื่องตายเหรอ? ดูไม่ยากเลยว่า จอมพลโผ้จวินจงใจมาหาเรื่อง!
อยู่ใกล้กับคนที่ยิ่งใหญ่ก็เหมือนอยู่ใกล้กับเสือร้าย พบเจอเรื่องอันตรายได้ทุกเมื่อ เกรงว่าครั้งนี้พวกเขาคงต้องชดใช้จนย่อยยับ
เพียงเพราะความชั่วร้ายของพวกเขา ทำให้ทั้งสองคนกลายเป็นอุปสรรคที่ยากจะก้าวข้ามผ่านไปได้ ความเคียดแค้นนี้ ถ้าไม่ตายคงไม่จบ!
เทียนขุยมองไปยังนายน้อย แล้วเอ่ยพูด : “ไอ้หนุ่ม แกค่อนข้างรู้จักประเมินตัวเองดีนี่ ดีกว่าพวกที่ทำตัวอาวุโสเยอะเลย”
นายน้อยจะฟังไม่ออกได้ยังไงล่ะว่าเทียนขุยกำลังตีวัวกระทบคราด หลอกด่าหลินซิง นายน้อยยิ้มอย่างเรียบ ๆ พลางเอ่ยพูด : “พี่ชายท่านนี้ชมเกินไปแล้ว ไม่ทราบว่าพี่ชายคลายความโมโหลงบ้างหรือยัง? ไว้รอให้พี่ชายหายโมโหก่อน พวกเราค่อยมาคุยกัน ดีไหมครับ?”
สุภาพนอบน้อม อ่อนโยนสง่างาม สงบนิ่งไม่ร้อนรน
ความมั่นใจในตัวเองที่นายน้อยแสดงออกมาอย่างสุขุมนี้ ทำให้เทียนขุยเกิดภาพหลอนว่าตัวเองกำลังชกโดนปุยฝ้ายทันที เขาแค่รู้สึกไม่สนุก แล้วเอียงหัว หันไปมองฟางเหยียน
“จอมพลโผ้จวินครับ คุณจะเอายังไง?”
“ต่อกรกับศัตรู ไม่เคยต้องออมมือมาก่อน เข้าใจไหม?”
เทียนขุยพยักหน้า : “ไอ้หนุ่ม เรียกคนมาอีก!”
ชิงตี้ : “……”
ทุกคนต่างพูดไม่ออกเลยทีเดียว!
พวกเขาเห็นแต่ความโหดร้ายทารุณของเทียนขุย ที่เหมือนกับพญาเสือลงจากเขาไม่มีผิด แต่กลับมองข้ามจอมพลโผ้จวินแห่งประเทศหวาที่สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกไปเลย จอมพลโผ้จวินคนนี้ไม่ให้โอกาสรอดแก่พวกเขาเลย!
นายน้อยพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเอ่ยพูดอย่างสงบนิ่ง : “เรียกมาอีก!”
คราวนี้ คนทั้งหมดของพวกเขาได้มารวมตัวกันที่นอกตำหนักหมดแล้ว สามร้อยกว่าชีวิต นอกตำหนักแน่นจนแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ผ่านไปไม่ได้ อัดแน่นไปด้วยคน ทุกคนมีสีหน้าทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะศพพวกนั้น เหมือนกับกำลังบอกอย่างเงียบ ๆ ว่าต่อไปเป็นชะตากรรมของพวกเขาแล้ว
เทียนขุยปรายตามองแวบหนึ่ง : “ไอ้หนุ่ม นี่ดูถูกกันเหรอ? สามร้อยคนก็คิดจะไล่ฉันไปได้งั้นเหรอ?”
นายน้อยไม่โมโห แต่ยิ้มอย่างขมขื่น : “พี่ชาย นี่เป็นคนที่ผมมีอยู่ทั้งหมดแล้ว ถ้าหากพี่ยังรู้สึกสะใจไม่พอ งั้นก็ลงมือกับผมได้เลย เป็นไงครับ?”
เทียนขุยหันหน้าไปมองฟางเหยียน ฟางเหยียนเอ่ยเสียงราบเรียบว่า : “เป็นสิ่งที่ปรารถนาพอดี!”
เมื่อเสียงนี้ดังออกมา ทุกคนก็อึ้งกันไปเลย จากนั้นก็ตามมาด้วยความโกรธแค้น ไฟแค้นเหมือนกำลังเผาไหม้ทุกคนอยู่!