จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 781 ระยะเวลาสังหารองค์กรสัตว์เพลิงอยู่ไม่ไกลแล้ว
คาดไม่ถึงว่าเป็นฟางฟัง ลูกพี่ลูกน้องหญิงของเขา!
เธอโทรมาทำไม?
หรือว่าตระกูลฟางจะคิดอะไรแผลงๆอีกแล้ว?
หากเป็นฟางจินหยวนหรือคนอื่นในตระกูลฟาง เขาฟางเหยียนจะไม่รับสายนี้เด็ดขาด คนของตระกูลฟางจะเป็นจะตายก็ไม่เกี่ยวกับฟางเหยียน แต่คนนี้เป็นฟางฟังลูกพี่ลูกน้องหญิงของเขา เด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ไร้เดียงสา ไม่มีพิษมีภัยต่อโลก ดังนั้นก็ไม่ควรเมินเฉยต่อเธอ แต่คิดแล้วคิดอีกท้ายที่สุดเขาก็ไม่รับสายนี้
ฟางเหยียนแค่มีเค้าลางความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีกับตระกูลฟาง แต่ไม่อาจตัดขาดกับน้าสาวฟางไห่อิงและลูกพี่ลูกน้องหญิงฟางฟังของเขาได้ ส่วนคนอื่นๆ แม้แต่หน้ายังไม่อยากมองด้วยซ้ำ โดยเฉพาะฟางจินหยวนผู้นำตระกูลฟาง เขาแทบรอไม่ไหวที่จะฆ่าเขากับมือพื่อล้างแค้นให้พ่อแม่ของเขา!
ฟางเหยียนไม่เคยติดหนี้ใครในตระกูลฟาง ตรงกันข้ามตระกูลฟางต่างหากที่ติดหนี้เขา! ทำให้วัยเด็กของเขาขาดความรักของพ่อแม่! ปล่อยให้เขาทนทุกข์ในวัยเด็กและใช้ชีวิตอย่างเจ็บปวดตลอดเวลา!
ในตระกูลใหญ่ที่ไร้ซึ่งความอบอุ่น ผลประโยชน์มักจะมาก่อนเสมอ แทบไม่ต้องพูดถึงความรักในตระกูล นักธุรกิจจะเห็นเราอยู่ในสายตาก็ต่อเมื่อเรามีผลประโยชน์ นี่คือวิถีของนักธุรกิจ และเมื่อฟางเหยียนกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง พวกเขาก็แทบจะคลานเข่าขอร้องให้กลับไปที่บ้านตระกูลฟาง คนพวกนี้ช่างไร้ยางอายจริงๆ !
ตระกูลฟางสร้างความเจ็บปวดไปชั่วนิรันดร์ในหัวใจของเขา และเป็นบาดแผลที่เขาไม่อยากพูดถึง!
ครั้งที่แล้วที่เขาช่วยตระกูลฟางฆ่าหญิงหน้ากากมังกร ตระกูลฟางจึงได้เปิดเผยแผนการที่จะเก็บฟางเหยียนไว้อีกครั้ง แต่เขาปฏิเสธอย่างไร้ความปรานี ในสายตาของเขาตระกูลฟางเป็นเพียงตัวตลกเท่านั้น ไร้คุณค่า แค่ยกมือขึ้นก็ฆ่าได้ง่ายๆ !
ความแค้นของพ่อแม่ของเขา ฟางจินหยวนต้องมีแผนหลอกล่ออะไรแน่นอน งั้นต้องออมแรงไว้รอเขา!
แต่ฟางจินหยวนไม่ได้เป็นคนโทรมาเอง เขาคงกังวลว่าฟางเหยียนจะไม่รับสายอย่างแน่นอน และนั่นคือแหตุผลที่เขาให้ฟางฟังโทรมาแทน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาจึงไม่คิดที่จะรับสายนี้!
เขารู้ลูกเล่นของฟางจินหยวนมานานแล้ว ดังนั้นแม้ต่อให้ต้องเมินเฉยต้องฟางฟัง เขาก็ทำมันโดยไม่ลังเลใจ!
เขาไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลฟางอีกต่อไป!
ส่วนเรื่องที่เมินเฉยต่อฟางฟัง ค่อยหาเวลาโทรไปขอโทษเธอก็แล้วกัน
ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่สนใจที่จะรับสายโทรศัพท์และจดจ่ออยู่กับข้อมูลขององค์กรสัตว์เพลิง สิ่งนี้สิถึงจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขา การรู้จักข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรสัตว์เพลิงอาจพูดได้ว่าเป็นประโยชน์มากมายสำหรับเขา ฟางเหยียนไม่เคยทำสิ่งที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
“โผ้จวิน ทำไมไม่รับสายล่ะ?”
ฟางเหยียนไม่แม้แต่จะหันหน้าไปพูด เขาพูดอย่างแผ่วเบาว่า “แค่คนโทรมาขายบ้าน”
“เอ่อ มีอะไรก็ไปทำก่อนเลย ถ้ามีอะไรฉันจะเรียกเอง” เทียนขุยมองดูเสวียนเย่ที่ยืนอยู่ด้วยท่าทางอึดอัดใจ
เสวียนเย่พยักหน้าเบาๆ “งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ หากท่านมีเรื่องอะไรเรียกฉันได้ตลอดเวลาเลยค่ะ”
เสวียนเย่ออกไปแล้ว แต่ผู้ติดตามทั้งสองของเขาไม่ได้ออกไป เทียนขุยพูดอีกครั้งว่า “สองคนก็ออกไปก่อน”
ภายในห้องโถงจงรักภักดีจึงเหลือเพียงฟางเหยียนและเทียนขุยเท่านั้น เทียนขุยเก็บรอยยิ้มบนใบหน้าทะเล้นของเขา และไม่ได้มีท่าทางคึกคักเหมือนเคย ในขณะนี้เขาแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ท่าทางที่ขี้เล่นของเขาหายไปตอนนี้เขาเป็นเทียนขุยตัวจริง ไม่ได้มีท่าทางขี้เล่นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เขาแสดงออกอย่างเคร่งขรึมและมาดเคร่ง
“โผ้จวิน เสวียนเย่เด็กคนนี้เป็นคนมีความสามารถจริงๆ พวกเราฆ่าคนของเขาตั้งหลายคน เขายังคงไม่สะทกสะท้านใดๆ ถ้าเป็นฉันทนไม่ได้หรอกนะ ไม่มีเหตุผลที่ต้องกลัวจนปอดแหก!”
“เทียนขุย เสวียนเย่คนนี้ไม่ใช่เล่นๆ หรอก เขาเป็นคนเด็ดขาด รอบคอบ และฉลาด นี่คือคนที่มีความสามารถจริงๆ น่าเสียดายที่ต้องมาตกอับ ไม่สามารถทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ มิฉะนั้นคู่ต่อสู้ประเภทนี้จะคู่ต่อสู้ค่อนข้างปวดหัว”
“เทียนขุยนิ่งอึ้ง ฟางเหยียนให้คะแนนเสวียนเย่สูงเกินไปมาก!
เท่าที่เทียนขุยจำได้คือฟางเหยียนไม่เคยมีนิสัยชอบชื่นชมใครมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังคงประเมินค่าบุคคลในลักษณะนี้ ที่สามารถทำให้คู่ต่อสู้ปวดหัวได้ การประเมินนี้ถือเป็นคะแนนสูงสุดเท่าที่เขาเคยชื่นชมคนอื่นมา
คนที่สามารถทำให้ฟางเหยียนปวดหัวแทบจะนับจำนวนได้ด้วยมือเดียว ไม่พูดไม่ได้ว่าเสวียนเย่ที่แกล้งทำตัวน่าสงสารสามารถเข้มงวดกับตัวเองเพื่อฟันฝ่าอุปสรรคและทนต่อความอัปยศอดสูได้ ช่างเป็นบุคคลที่มีความสามารถพิเศษจริงๆ
“แต่โผ้จวิน พวกเราจะทำแบบนี้จริงๆ เหรอ? สำหรับพวกเราแล้วการทำแบบนี้มันยุ่งยากมากเลยนะ มิฉะนั้นแล้วเราฆ่าเขาไปเลยดีกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่เกิดขึ้นในอนาคต ส่วนเสวียนเจิ้นก็ฆ่าเขาไปเลยแล้วกัน จะเสียเวลาไปกับเสวียนเย่ทำไม?”
ฟางเหยียนวางมาดเคร่งขรึมลงแล้วพูดว่า “ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันอาจจะฆ่าเสวียนเย่ไปแล้ว อย่างไรเสียถ้าเสวียนเย่ไม่ตาย ฉันก็ไม่สบายใจ แต่หลังจากที่ฉันอ่านข้อมูลขององค์กรสัตว์เพลิงกองนี้ฉันก็เปลี่ยนความคิดใหม่ จริงๆ ฉันไม่ได้รู้จักองค์กรสัตว์เพลิงดีเลย พื้นหลังของมันแข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะจำนวนของนินจามีขนาดใหญ่มากมันเป็นอัตราส่วนที่น่ากลัว นายมาดูนี่สิ ”
เทียนขุยก้าวไปข้างหน้า ดวงตาของเขาขยับไปยังตำแหน่งที่นิ้วของฟางเหยียนชี้อยู่ ใบหน้าของเขาดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันที สายตาของจับจ้องไปที่นินจาระดับต้าชี่ มีตั้งแต่ระดับชั้นต้น ชั้นกลาง ไปจนถึงชั้นปลาย และสามชั้นนี้มากกว่าเจ็ดร้อยคน ส่วนระดับต้าชี่ชั้นยอดนั้นมีคนมากกว่าหนึ่งร้อยคน แต่คาดไม่ถึงว่านินจาระดับปรมาจารย์มีแค่คนเดียว มองขึ้นไปกลับถูกคนลบชื่อออกทำให้มองเห็นไม่ชัดเจน สำหรับอาณาเขตอื่นๆ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกบันทึกไว้
เขาตกตะลึงอย่างหนักเมื่อเห็นตัวเลขจำนวนมหาศาลเหล่านี้ โดยเฉพาะยิ่งเสวียนเย่ที่เป็นถึงนินจาระดับต้าชี่ ขาข้างหนึ่งได้ก้าวเข้าไปสู่ระดับปรมาจารย์แล้ว!
เด็กน้อยที่สนเชื่อฟังของฉัน!
เสวียนเย่เป็นผู้ทรงพลังมาก แต่กลับทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตนขนาดนี้ ถ้าเขาต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆ เทียนขุยก็สู้เสวียนเย่ไม่ได้หรอก บุคคลนี้สุขุมเกินไปแล้ว ถ่อมตัวขนาดนี้เป็นอย่างที่ฟางเหยียนเคยบอกเขาไว้หนึ่งอย่าง
คนที่ยิ่งเก่ง ยิ่งถ่อมตัว ถ่อมตัวเสียจนคนคิดว่าเขาไม่ได้เรื่อง!
สำหรับผู้เก่งกล้าวิชาที่ไม่ได้เปิดเผยตัวตน ถือว่าเป็นที่น่ากลัวที่สุด
“ตอนนี้นายรู้แล้วใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงเปลี่ยนความคิด?”
เทียนขุยพยักหน้าอย่างเหม่อลอย “โผ้จวิน ฉันเข้าใจแล้ว รายชื่อเหล่านี้เป็นของเมื่อก่อน และองค์กรสัตว์เพลิงกองก็ยังไม่รู้ว่ามันพัฒนาไปได้ไกลแค่ไหน มันเป็นเรื่องปกติที่นายจะมีความกังวลเช่นนี้ แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกมึนงงนิดหน่อย ฉันคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งมาก และตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน”
“เทียนขุยนายพูดถูกแล้ว องค์กรสัตว์เพลิงกล้าที่จะโจมตีสหายเทียนหม่า รวมทั้งสำนักเจ็ดพิฆาตกว่าเจ็ดพันคนที่ฆ่า จะประเมินค่าความแข็งแกร่งนี้ต่ำเกินไปไม่ได้ ตอนนี้ฉันถึงเข้าใจความน่ากลัวที่แท้จริงขององค์กรสัตว์เพลิง และตอนนี้ฉันดูเหมือนจะเข้าใจแล้วว่าทำไมจางเทียนซือออกเดินทางโดยไม่เอาตราประทับเทียนซือไปด้วย ฉันกลัวว่าจะเหมือนกับความคิดของสำนักฉิวหลง ไม่ต้องการที่จะมีส่วนร่วมกับการต่อสู้นี้ ดังนั้นหากเราต้องการทำลายองค์กรสัตว์เพลิงให้พังพินาศย่อยยับเราคงต้องรอเวลาอีกยาวนาน”
“โผ้จวิน ฉันเข้าใจแล้ว แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าฉันดูถูกตัวเองไปนิดหน่อย และก็ยังไม่มั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองเลย ตอนนี้ฉันถึงรู้สึกได้ว่าตัวเองเป็นกบในกะลา มองโลกแคบเกินไป การทำลายองค์กรสัตว์เพลิงให้ย่อยยับเป็นเรื่องยากมากในตอนนี้”
“เทียนขุยอย่าว่าแต่นายเลย แม้แต่ตอนที่ฉันมาถึงที่นี่ฉันก็คิดที่จะทำลายมันให้ย่อยยับ แต่พอได้อ่านข้อมูลขององค์กรสัตว์เพลิงแล้ว ฉันคิดว่าพวกเราต้องวางแผนกันให้ดีๆ ในเมื่อเสวียนเย่ตั้งใจจะยอมก้มหัวให้พวกเรา ทำไมพวกเราไม่แผนซ้อนแผนไปเลยล่ะ? ค่อยๆ สลายความแข็งแกร่งของเสวียนเจิ้น แล้วค่อยทำให้องค์กรสัตว์เพลิงแตกแยก”
“แต่ฉันกลับคิดว่าฉันสามารถทำลายองค์กรสัตว์เพลิงได้โดยตรง แต่ถ้าทำแบบนี้จะทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก เสวียนเย่พูดถูก ถ้าเสวียนเจิ้นไม่ถูกควบคุมโดยเสวียนเย่ พวกเขาก็จะเป็นสุนัขจนตรอก ฮึกเหิมขึ้นมามีแต่เสียกับเสีย ถึงเวลานั้นอย่าว่าแต่สหายจากสำนักเจ็ดพิฆาตของเราเลย ฉันเกรงว่าบ้านเมืองจะวุ่นวาย ประชาเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าไปด้วย ดังนั้นตอนนี้นายเข้าใจแล้วใช่ไหม?”
เทียนขุยพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม ถ้าเขาไม่เห็นรายชื่อนี้และไม่เข้าใจการจัดสรรความแข็งแกร่งขององค์กรสัตว์เพลิง เขาก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมฟางเหยียนถึงเปลี่ยนใจกะทันหัน ตอนนี้เขาเข้าใจเจตนาที่ดีของฟางเหยียนแล้ว และอีกอย่างคือหากปราศจากการยอมก้มหัวของเสวียนเย่ พวกเขาจะได้ความลับนี้มาได้อย่างไร?
อย่างน้อยก็ไม่ได้มาเสียเวลา และได้รู้ข้อมูลสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ
“โผ้จวิน ฉันเข้าใจแล้ว ฉันสามารถปล่อยวางความแค้นไว้ชั่วคราว ระยะทางการแก้แค้นให้สหายเทียนหม่ายังเหลืออีกไม่ไกลแล้ว ฉันหวังว่าฉันจะสามารถลงดาบเสวียนเจิ้นได้ด้วยมือของฉันเอง !”
ฟางเหยียนพยักหน้าและกำลังจะพูดต่อ แต่เสียงกริ่งก็ดังขึ้นอีกครั้ง!