จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 795 เรื่องตอนนั้น
ฟางจินหยวนเข้าใจในที่สุดว่า ทำไมทั้งครั้งที่รวมเครือญาติ ไม่เคยเห็นแม้แต่เงาของเสี่ยวเหยียนเลย ที่แท้เจ้าหนูนี่จนถึงตอนนี้ยังไม่รู้ฐานะของตนเอง ว่าเป็นถึงคุณชายใหญ่ตระกูลฟางที่โด่งดังที่สุดของประเทศหวา!
ทำแบบนี้มันโหดไปนะ!
นี่พ่อแท้ๆนะ! โหดจริงๆ!
สมกับเป็นฟางไห่เฟิงจริงๆ!
เดิมตอนแรกคิดว่าฟางไห่เฟิงส่งฟางเหยียนไปเมืองนอก ไม่คิดว่าหมอนี่จะเลี้ยงดูหลานตนอย่างคนจนเงียบๆ แถมยังอยู่ในเจียงตู ด้วยนิสัยอย่างฟางไห่เฟิง ต้องเป็นบ้านกระจอกแน่ เป็นชีวิตคนธรรมดา ตอนนี้เขาถึงพบว่าหลานตนน่าสงสารขนาดไหน!
ลูกฟางไห่เฟิงนี่ใช่ว่าจะเป็นกันได้ง่ายๆนะ!
โดนปิดกั้นอยู่นานขนาดนี้ ไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของตน มันน่าเศร้าจริงๆ!
“พ่อครับ ตอนนี้พ่อน่าจะเข้าใจแล้วล่ะสิ? ถึงเสี่ยวเหยียนจะเป็นหลานแท้ๆของพ่อ แต่ก็ไม่เคยได้รับสิทธิพิเศษอย่างที่หลานคนอื่นเคยได้รับเลย ความหรูหราต่อหน้าคนอื่นนั้นเขาไม่เคยได้รับแม้แต่เสี้ยววินาทีหนึ่ง ตอนเสี่ยวเหมี่ยวเข้าโรงเรียนเอกชนไฮโซ เขาเข้าโรงเรียนรัฐบาลเหมือนกับคนธรรมดาคนอื่น พวกเสี่ยวเหมี่ยวจะออกจากบ้านทีต้องนั่งรถหรู เสี่ยวเหยียนขึ้นรถเมล์ตั้งแต่เด็ก เหตุการณ์แบบนี้เขาควรหลีกเลี่ยงไหมครับ?”
“ใช่ ผมต้องยอมรับว่า ผมใช้พลังของตระกูลไปบ้าง ใช้เงินของตระกูล ซื้อบ้านซื้อรถ นั่นเป็นเพียงรถมือสองคันหนึ่งกับบ้านมือสองที่มีขนาดไม่ถึงร้อยตารางเมตรเท่านั้น รวมๆแล้วใช้เงินไม่ถึงสี่แสน แต่มันทำให้ชิงหลันกับผมปกปิดตัวตนอยู่ในฐานะคนธรรมดามาได้นานขนาดนี้ เขาไม่ควรทำแบบนี้หรอ?”
“บางทีพ่ออาจจะบอกว่า ผมทำแบบนี้เท่ากับฝึกฝนเสี่ยวเหยียน มันเป็นสิ่งที่คนเป็นพ่ออย่างผมควรทำนี่ครับ แต่ไม่มีการให้อย่างฟรีๆ จะมีการตอบแทนอย่างฟรีๆได้ยังไงกัน? เสี่ยวเหยียนพึ่งตัวเองมาก เหนือกว่าคนในรุ่นเดียวกันอย่างพวกเสี่ยวเหมี่ยวมาตั้งแต่เด็ก เขามีความคิด มีทัศนคติ มีเงื่อนไขพร้อมอย่างที่เจ้าตระกูลคนหนึ่งควรจะมี”
“แต่ว่า มันเป็นแค่การคาดเดา ครั้งนี้ตระกูลฟางคงไม่รอดแน่ ผมให้ทุกอย่างที่ผมมีกับเขาแล้ว เขาเป็นความหวังสุดท้ายของตระกูลฟางเรา อสูรเพลิงโหดร้ายนัก พวกเราต้านทานไว้ไม่ไหว ตระกูลฟางคงยากจะรอดได้”
“พ่อครับ ผมก็เคยคิดจะส่งลูกหลานที่อายุน้อยออกไป แต่พ่อคิดว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันทำได้หรอ? อสูรเพลิงคอยจับตามองพวกเราทุกฝีก้าวอยู่ในที่ลับ ขอแค่มีความเคลื่อนไหวเล็กน้อย พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว วันนี้ตระกูลฟางเราเสียคนไปไม่น้อยอีกแล้ว เป็นแบบนี้ต่อไป สิ่งที่รอพวกเราก็มีแค่ความตายเท่านั้น”
ใบหน้าโกรธเกรี้ยวจนเขียวปั๊ดของฟางจินหยวนค่อยๆคลายลง ฟางไห่เฟิงทำเขาหวั่นไหวจริงๆ อย่าพึ่งพูดถึงสภาพแวดล้อมในการเติบโตของฟางเหยียน เขาไม่เคยได้รับสิทธิ์พิเศษของตระกูลเลยสักครั้ง เขาไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้องในการต่อสู้ครั้งนี้ สิ่งที่ทำให้ฟางจินหยวนหวั่นไหวมากที่สุดคือ ฟางไห่เฟิงมอบทุกอย่างของเขาให้กับฟางเหยียนทางอ้อม!”
นั่นแสดงว่าตระกูลฟางจะไม่สิ้นลูกสิ้นหลาน ตระกูลฟางยังมีโอกาสลุกขึ้นยืนใหม่อีกครั้ง ยิ้มภาคภูมิใจ และผงาดกลับสู่ยอดเขาอีกครั้ง
ฟางจินหยวนเงียบไปอึดใจก่อนถาม “งั้นแกเตรียมค่าใช้จ่ายให้เสี่ยวเหยียนเท่าไหร่?”
ฟางไห่เฟิงหัวเราะ นี่เห็นได้ชัดว่าฟางจินหยวนยอมรับความคิดเขาแล้ว
“ลูกหลานควรมีความสุขในแบบของตัวเอง ผมไม่ได้เตรียมไว้ให้เขาเลยสักนิด!”
ฟางจินหยวน “…”
เขาโกรธจนแทบยกมือตบแล้ว!
พ่อแท้ๆจริงๆ ทำแบบนี้ออกมาได้เนี่ย!
“ไห่เฟิงเอ้ย ในสังคมสมัยนี้ ไม่มีเงินนี่ทำอะไรลำบากนะ พ่อรู้สึกว่าแกควรจะพาเสี่ยวเหยียนกลับมา ร่วมกันป้องกันตระกูลดีกว่า เพราะเขาไม่มีทางสืบทอดสายเลือดตระกูลฟางได้หรอก”
“พ่อ…”
“คุณท่าน แย่แล้วครับ คนของอสูรเพลิงมาอีกแล้ว!”
สองพ่อลูกในห้องตะลึงอึ้ง ดึกป่านนี้ยังมา? พยายามมากจริงๆเลยนะ!
“ในเมื่อมาแล้ว มีหรือจะไม่พบ ไป ไห่เฟิง พ่ออยากจะดูสิว่าพวกเขาคิดจะทำอะไรกันแน่ !” ฟางจินหยวน ยืนขึ้นพลางข่มกลั้นความโกรธไว้ ก้าวเท้ายาวออกไปจากห้อง ฟางไห่เฟิงเดินตามไปติดๆ
ห้องโถงตระกูลฟาง
มีผู้ชายสามคนและผู้หญิงหนึ่งคนนั่งอยู่
สองพ่อลูกฟางจินหยวนก้าวเข้ามา ฟางจินหยวนพูดระหว่างเดินว่า “ดูท่าทางคิดจะลอบโจมตีตระกูลฟางกลางดึกใช่ไหม?”
“เจ้าตระกูลฟาง เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันจะมาชี้ทางสว่างให้กับคุณ” ผู้หญิงคนนั้นมองฟางไห่เฟิง และสุดท้ายหันมามองฟางจินหยวน “ฟางไห่เฟิงเป็นบุคลากรชั้นดีเลย แต่ตระกูลฟางของพวกคุณต่อกรกับเรา ก็เท่ากับเอาไข่ไปกระทบหิน หาเรื่องตายชัดๆ สู้กันแบบนี้ต่อไป สิ่งที่รอตระกูลฟางอยู่คือการล่มสลายของตระกูล”
สีหน้าฟางจินหยวนเคร่งเครียด ยิ่งเย็นเยียบขึ้นเรื่อยๆ
“ต่อให้ตระกูลล่มสลาย ตระกูลฟางเราก็ไม่กลัว ฉันเชื่อว่าอสูรเพลิงเองก็เสียหายไปไม่น้อยกว่ากัน ได้ไม่คุ้มเสียหรอก”
“ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว เจ้าตระกูลฟาง” ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะ “อสูรเพลิงเป็นสำนักพิทักษ์ประเทศฝีมือล้ำลึก จะเป็นอะไรที่ตระกูลฟางของพวกคุณเข้าใจได้ยังไงกัน?”
“สำนักพิทักษ์ประเทศ?” ฟางจินหยวนยิ้มเย็นบอก “สำนักพิทักษ์ประเทศทำแบบนี้กับประชาชนหรือไง? ไม่ได้มาก็ทำลายทิ้ง? หน้าไม่อายจริงๆ ฉันล่ะอายขายขี้หน้าแทนพวกแกจริงๆ!”
“คุณไม่รู้จักพวกเราแม้แต่นิดเดียวเลย!” เธอคล้ายจะยิ้ม ก่อนหันไปมองฟางไห่เฟิง “สุดหล่อ คนบางคนนะสูงส่งเป็นถึงเจ้าตระกูลตระกูลฟาง กลับตาไม่มีแวว มองสถานการณ์ไม่ออก ดังนั้นต่อไปนี้ฉันจะคุยกับนายได้ไหม?”
ฟางจินหยวนกำลังจะเปิดปาก แต่กลับโดนฟางไห่เฟิงส่ายหัวเป็นเชิงปราม เขาหันไปมองผู้หญิงคนนั้น “ได้ ที่ผมสนใจยิ่งกว่าคือ ทางสว่างที่คุณจะชี้ให้ตระกูลฟางเราคืออะไร?”
“เข้าร่วมกับพวกเรา และพวกเราจะปล่อยตระกูลฟางไป เป็นยังไง?”
ฟางไห่เฟิงหัวเราะ “คุณครับ คุณพูดดูง่ายไปหน่อยไหม? ฆ่าคนตระกูลฟางเรามากมายขนาดนี้ เป้าหมายก็เพื่อให้ตระกูลฟางยอมศิโรราบไม่ใช่หรือไง? เลือดสดของผู้ชายตระกูลฟางไหลฟรีหรือไง? หนี้เลือดของพวกเขาใครจะมาชดใช้ให้? คุณไม่รู้สึกว่ามันไร้เดียงสาไปหน่อยหรือไง?”
ผู้หญิงคนนั้นผายมือออก ทำหน้าหน่ายใจบอกว่า “เรื่องพวกนี้ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ฉันควรคิดนะ ถ้าพวกคุณยอมเชื่อฟังหน่อย จะมีเรื่องราวมากมายขนาดนี้ได้ยังไง? ถ้าจำต้องให้คนคนหนึ่งมาชดใช้หนี้เลือด ฉันรู้สึกว่าควรจะเป็นความเย่อหยิ่งของตระกูลฟางคุณมากกว่า!”
“อสูรเพลิงเป็นองค์กรที่สืบทอดมาหลายพันปี อสูรเพลิงเองก็เป็นสายหลักเพียงหนึ่งเดียวของประเทศหวา พวกคุณสามารถเข้าไปร่วมได้ เป็นเกียรติอย่างมากสำหรับพวกคุณแล้ว แต่พวกคุณกลับดื้อรั้น ยังอยากจะต้านทานความยิ่งใหญ่ ขัดขวางการเรียกเข้าร่วมของอสูรเพลิง มันดูน่าขันไปไหม?”
“คิดว่าอสูรเพลิงของเราไม่มีฝีมือหรือไง? นายคิดว่าแค่ฟางไห่เฟิงก็จะสามารถขัดขวางแผนการของอสูรเพลิงได้? สุดหล่อ นายว่าไงล่ะ? คนพวกนี้ในห้องนายสู้ใครได้มั่ง?” เห็นได้ชัดว่า ประโยคสุดท้ายจงใจข่มขู่ฟางไห่เฟิง!
“ดูท่าตระกูลฟางเราจะไม่มีทางเลือกหรอ? ได้แต่กัดฟันกล้ำกลืนลงไปหรือไง?”
“ไม่ ไม่ ไม่” เธอหัวเราะ “พวกคุณยังมีอีกทางให้เลือก ก็คือเข้าร่วมอสูรเพลิง พวกเราสามารถทำให้พวกคุณฟื้นฟูกลับสู่ความรุ่งเรืองดังเก่าอย่างรวดเร็ว มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองอีกครั้ง ชายตาแลประเทศหวาด้วยความเย่อหยิ่ง”
ฟางไห่เฟิงเงียบไป สิ่งที่ผู้หญิงคนนี้พูดเขายอมรับว่าหวั่นไหวกับมัน
ผู้ชายสามคนในห้องทำให้เขาไม่มั่นใจ สี่คำเลย ยากแท้หยั่งถึง
และเงื่อนไขที่ผู้หญิงคนนี้บอกเขาเชื่อมันไม่สงสัยเลย เขาเชื่อว่าเธอไม่ได้มาแบบไม่มีแผน หรือพูดปากเปล่า อสูรเพลิงมีทุกสิ่งที่เธอพูด ขอเพียงพวกเขาต้องการ การทำลายตระกูลหนึ่งหรือพยุงตระกูลหนึ่ง มีปัญหาแค่ระยะเวลาเท่านั้น
ฟางจินหยวนไม่ได้ฝึกฝนยุทธ์ ไม่เข้าใจช่องทางในนั้น ตัวเขาสิรู้ดีเลย เมื่ออยู่ต่อหน้าฝีมือที่แท้จริง เงินและอำนาจไม่มีค่าพอให้พูดถึงเลย!
อสูรเพลิงมีสิทธิ์ในการออกเสียงเต็มที่!
“สุดหล่อ ฉันมีเวลาจำกัดนะ ถ้าพวกคุณไม่เห็นด้วย งั้นฉันคงได้แต่ทำลายแล้วล่ะ!”
ฟางจินหยวนตะคอกด้วยความโกรธว่า “มาก็มาสิ ใครกลัวกันล่ะ!”
ผู้หญิงคนนั้นยิ้มน้อยๆ “พูดตามจริงนะ ฉันหวังว่าคุณจะไม่มีสมองนะ แบบนี้ทำให้พวกเราสบายขึ้นเยอะ อสูรเพลิงยังกล้าปฏิเสธ หาเรื่องตายชัดๆ แต่ว่านะ อสูรเพลิงของเราเสียดายอัจฉริยะมาตลอด ไม่อยากเสียอัจฉริยะไป มันจะกลายเป็นความสูญเสียของพวกเรา”
“เอาอย่างนี้ละกัน คุณฆ่าฟางไห่เฟิงซะ พวกเราอสูรเพลิงก็จะยอมปล่อยตระกูลฟางไป เป็นไง?”