จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 797 ความกล้าหาญของฟางไห่เฟิง
ตัวตายล้มลงพื้น ป่าเถื่อนเป็นที่สุด!
คนที่ถูกจับตัวไป ไม่มีใครรอดสักคน จบชีวิตอยู่ที่สนามรบนี้ทุกคน
พอได้เจอกับกลิ่นคาวเลือดแบบนี้ตั้งแต่เช้า ทำให้ทุกคนตกใจไม่น้อย คนที่พอจะนิ่งตั้งสติได้ก็มีแต่ฟางจินหยวนและฟางไห่เฟิง ตอนนี้สีหน้าของทั้งสองคนก็นิ่งเย็นจนน่ากลัว นอกจากความโกรธแค้น ก็คือความโกรธแค้น!
ฟางไห่เฟิงมองไปยังผู้หญิงอำมหิตผิดมนุษย์คนนั้น แล้วพูดเบาๆ ว่า “พ่อครับ ควรเลือกได้แล้วนะครับ ฆ่าผมเสีย ก่อนที่พวกมันจะบุกฆ่าเต็มกำลัง”
ฟางไห่เซิงก็อึ้ง แล้วรีบถามว่า “น้องรอง เอ็งพูดอะไรของเอ็ง?”
ฟางไห่ถางก็เอ่ยถามขึ้นมาเหมือนกัน “เฮียรอง พี่จะเล่นอะไรเนี่ย? พี่จะไปเชิดชูศัตรูเพื่อข่มขวัญตัวเองทำไม ตระกูลฟางของพวกเรากับอสูรเพลิง ต้องตายกันไปข้างหนึ่งอยู่แล้ว จะให้หนีไปไม่สู้ได้อย่างไร?”
“นั่นสิ น้องรอง เอ็งเป็นอะไรไปกันแน่? อดทนมานานขนาดนี้ ทำไมถึงได้ยอมแพ้อย่างนั้นล่ะ? นี่มันไม่ใช่วิธีการจัดการปัญหาของเอ็งเลยนะ เอ็งเป็นอะไรไปกันแน่?”
ฟางไห่เฟิงก็มองพี่น้องสองคน “เคราะห์กรรมของตระกูลฟางครั้งนี้ ผมเป็นคนก่อมันขึ้นมาเอง ตามหลักแล้วผมก็สมควรที่จะจบปัญญหานี้เอง อดทนสู้ต่อไป มันไม่มีผลอะไร สิ่งที่รอพวกเราตรงหน้า มีเพียงการล่มสลายของตระกูล จะมาเสียสละเพื่อผมคนเดียว มันไม่คุ้ม”
“ไห่เฟิง เอ็งหุบปากไปเลยนะ!” ฟางจินหยวนพูดเสียงเย็น “เมื่อคืนพ่อบอกไปแล้ว ว่าตระกูลฟางจะไม่ยอมขาดใครแม้แต่คนเดียว!”
ฟางไห่เฟิงก็ยิ้มอย่างเจ็บปวด “พ่อครับ ไม่มีประโยชน์หรอกครับ จุดประสงค์ของอสูรเพลิงวันนี้ ก็คือตัวผม ตระกูลฟางของพวกเราต้านทานไว้ไม่ไหวหรอกครับ!”
“ยังไม่ถึงวินาทีสุดท้าย จะยอมแพ้ได้ไงกัน” ฟางจินหยวนพูดจบ ก็หันไปมองผู้หญิงคนนั้น “คุณก็ทำตามอย่างที่พูดไว้เลยนะ พูดได้ทำได้ ไม่นานก็โจมตีบุกมาถึงตระกูลเราเลย”
“ไม่เลวเลยนี่ ซาบซึ้งดี พูดเสียจนฉันแทบจะน้ำตาไหลเลย ถ้าได้ถ่ายหนังดราม่าล่ะก็ ตระกูลฟางของพวกแก คงจะได้รางวัลออสก้ากันหลายคนเลยทีเดียว เพียงแต่…….” ผู้หญิงคนนั้นก็ยิ้ม “แต่ว่ามันดูปัญญาอ่อนเกินไป!”
ฟางไห่เซิงก็ชี้หน้าด่าผู้หญิงคนนั้น “มึงพูดอะไรวะ? ฆ่าได้แต่หยามไม่ได้เว้ย!”
“เลือดร้อนไม่เบาเลยนะ?” ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้สนใจอะไร “หวังว่าอีกเดี๋ยวพอล้มลงไปนอนที่พื้นแล้ว แกยังปากดีแบบนี้ได้อีกนะ ไม่อย่างนั้นคงจะดูทุเรศมาก!”
ฟางไห่เซิงก็พูดอย่างไม่กลัวว่า “ถ้ากูกะพริบตาแม้แต่ครั้งเดียว ถือว่ากูแพ้!”
“ดีมาก ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าไม่สนองความต้องการของแก ก็จะถือว่าผิดต่อความโอหังของแก!”
พูดจบ ผู้หญิงคนนั้นก็บุกมาทางฟางไห่เซิงด้วยความเร็ว พริบตาก็มาอยู่ตรงหน้าของฟางไห่เซิง ฟางไห่เซิงก็อึ้งนิ่งไป ห่างออกไป10เมตร ผู้หญิงคนนั้นใช้เวลา3วินาทีก็มาถึงแล้วงั้นหรือ? ล้อเล่นหรือเปล่า? ยังไม่ทันให้เขาได้ตกใจ ที่เปลือกตาของเขาก็มีแสงเย็นยะเยือกของมีดพก ผ่านเข้ามา เล็งไปที่ลำคอของเขา!
จบเห่แน่!
ฟางไห่เซิงตกใจหน้าเสีย วินาทีนี้ เขาลืมแม้กระทั่งคิดหนี ดวงตาทั้งสองโตออกมาเป็นไข่ห่าน และไม่ได้กะพริบจริงๆ อย่างที่พูดไว้!
นี่คือความกล้าครั้งสุดท้ายของเขางั้นหรือ?
ไม่!
ฟางไห่เซิงอึ้งจนเอ๋อไปเลยต่างหาก!
วินาทีสุดท้าย เขาก็ได้หลับตาลง!
แกล้งอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว!
เพล๊ง!
มีเสียงดังออกมาใสๆ ฟางไห่เซิงก็รีบลืมตาขึ้น เขารู้ว่าตนเองได้รอดชีวิตกลับออกมาจากประตูนรกได้แล้ว แล้วก็หายใจเข้าเฮือกใหญ่ จนหน้าอกพองโตขึ้นมา แล้วก็อ้าปากหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“นี่คือความกล้าของแกงั้นหรือ? ก็ไม่เห็นจะมีเท่าไรเลยนี่” ผู้หญิงคนนั้นโจมตีไม่โดน ก็มองไปยังฟางไห่เฟิงที่ออกมาขวางไว้ แล้วก็ยิ้มเย็นพูดว่า “สุดหล่อ ดูเหมือนว่าแกจะเลือกแล้วสินะ ยอมตายไม่ยอมแพ้ใช่ไหม? ฉันก็อยากจะเห็นเหมือนกัน ว่าแกจะมีความกล้าเหมือนหมอนี่หรือเปล่า!”
ฟางไห่เฟิงมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น “จะต้องฆ่ากันให้ได้เลยใช่ไหม?”
“ฉันจำได้ว่า ฉันเคยบอกแกไปแล้วนะ ว่าควรทำอย่างไร” ผู้หญิงคนนั้นยิ้มๆ “ตระกูลฟางของพวกแกใจกล้าไม่กลัวใคร ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วสิ?”
ฟางไห่เฟิงก็ยิ้มเบาๆ “เปล่า ตระกูลฟางไม่ได้กลัว แต่ผมเริ่มกลัว เพราะถึงอย่างไรสละชีพไปอย่างไร้ประโยชน์ มันไม่ค่อยมีความหมายอะไร”
ผู้หญิงคนนั้นก็อึ้งๆ สีหน้าแปลกใจ คนเก่งๆ ก็รู้จักกลัวด้วยงั้นหรือ?
ติดต่อกับตระกูลฟางมาเป็นเวลานาน นี่เป็นครั้งแรกเลยนะ!
นี่มันไม่ใช่หลักการทำงานของฟางไห่เฟิงเลยนะ!
มีแผนแน่ จะต้องมีแผนอะไรแน่ๆ !
ผู้หญิงคนนั้นก็อึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วก็ถามว่า “สุดหล่อ แกพูดเสียจนฉันมึนงงไปหมดแล้วเนี่ย เดี๋ยวบอกว่าจะสู้ตาย เดี๋ยวบอกกลัว หมายความว่าไงกัน? ช่างเถอะ ไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว ถ้าแกไม่อยากตายไปฟรีๆ ก็กลับไปกับฉัน ให้ฉันเป็นเมียแกดีไหม? มีฉันคอยปกป้องตระกูลฟาง มั่นใจได้เลยว่าตระกูลฟางจะปลอดภัย ดีไหม?”
“ผมมีเมียแล้ว” ฟางไห่เฟิงยิ้มๆ แล้วก็เอื้อมมือไปจับผู้หญิงข้างๆ ไว้ ผู้หญิงคนนั้นต่อให้จะอายุ47ปีแล้ว แต่ว่าดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี กาลเวลาไม่สามารถทิ้งริ้วรอยอะไรไว้บนใบหน้าเธอได้เลย ความงามยังคงอยู่ สามารถเอาชนะเด็กผู้หญิงที่แต่งหน้าหนาๆ ได้เลย
“อืม ไม่เลว หน้าตาดีเหมือนกันนี่” ผู้หญิงคนนั้นยิ้มๆ “สุดหล่อ แกลองเดาดูสิว่า แกจะตายก่อน หรือเมียแกตายก่อน?”
ฟางไห่เฟิงไม่สนใจผู้หญิงคนนั้น ได้แต่มองผู้หญิงข้างๆ ตนเองอย่างลึกซึ้ง แล้วยิ้มๆ เบาๆ “หลันชิง อยู่กับผม คุณเสียใจไหม?”
หลันชิงก็คือภรรยาของฟางไห่เฟิง เธอมีชื่อว่า โม่หลันชิง
โม่หลันชิงยิ้มส่ายหัวเบาๆ “ไห่เฟิง ฉันไม่เสียใจหรอก แต่เสียดายที่ไม่ได้ตั้งท้องมีลูกให้กับคุณสักคนสองคน”
ฟางไห่เฟิงมีหรือจะไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของโม่หลันชิง เธอตั้งใจพูดแบบนี้ ก็เพื่อที่จะให้อสูรเพลิงล้มเลิกความคิดที่จะฆ่ากวาดล้างตระกูลฟาง แล้วปกป้องฟางเหยียน เพราะถึงอย่างไรอสูรเพลิงก็มีพลังอำนาจกว้างใหญ่ ไม่มีเรื่องไหนที่พวกอสูรเพลิงไม่รู้
ฟางไห่เฟิงเอามือจับเส้นผมของโม่หลันชิง ในดวงตามีแต่ความรัก “หลันชิง ไม่สิ ไม่มีอะไรที่ต้องเสียดาย ผมไม่ต้องการมันเอง เพราะผมไม่อยากให้คนอื่นมาแย่งความรักจากพวกเราไป คุณเข้าใจใช่ไหม?”
โม่หลันชิงน้ำตาไหล เธอซาบซึ้งจริงๆ ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมา แต่คำพูดนี้ก็หลุดออกมาจากฟางไห่เฟิง ทำให้เธอซาบซึ้งอย่างมาก เธอมั่นใจว่า ตนเองได้แต่งงานกับคนที่รักเธอจริง
โม่หลันชิงจับมือของเข้าไว้แน่น “ไห่เฟิง เส้นทางต่อจากนี้ ฉันจะเดินไปกับคุณเอง”
ฟางไห่เฟิงก็ยิ้ม แล้วหันไปมองผู้หญิงคนนั้น “ที่คุณบอกมา เชื่อได้ไหม?”
ผู้หญิงคนนั้นก็อึ้ง “คำไหน?”
“เกิดเรื่องเพราะผม ก็ให้จบที่ผม ผมตาย ตระกูลฟางก็รอด!”
ผู้หญิงคนนั้นนิ่งไป ท่าทางที่ปลงเรื่องความตายของฟางไห่เฟิง ทำให้เธอใจหวิวๆ เธอและอสูรเพลิงไม่เคยคิดจะฆ่าฟางไห่เฟิงเลยด้วยซ้ำ อสูรเพลิงไม่ขาดอัจฉริยะ แต่ขาดปีศาจที่เก่งกว่าอัจฉริยะ ฟางไห่เฟิงเป็นถึงปีศาจในหมู่ปีศาจอีกที ถ้าได้ฟางไห่เฟิงมา มันจะสำคัญมากกว่าการที่ฆ่าฟางไห่เฟิงทิ้งไปเปล่าๆ
ที่อสูรเพลิงทำลงไป ก็เพื่อบังคับให้ฟางไห่เฟิงเข้าร่วมกับอสูรเพลิง โดยไม่เคยคิดจะฆ่าฟางไห่เฟิงเลย
ฟางจินหยวนก็หน้าเขียว กัดฟันพูดว่า “ไห่เฟิง คำพูดของพ่อ เอ็งไม่ได้ฟังเข้าหูไปเลยหรือไง? พ่อบอกแล้วว่า ตระกูลฟางจะไม่ขาดใครไปแม้แต่คนเดียว ต่อให้ต้องสู้จนเหลือทหารเพียงคนเดียว!”
“พ่อครับ เมื่อคืนผมก็บอกแล้วไง ตระกูลฟางรับมือการโจมตีของอสูรเพลิงไม่ไหว เมื่อคืนผมก็อยากบอกพ่อเหมือนกัน ว่าผมได้ตัดสินใจแล้ว ผมอกตัญญูเอง ที่ไม่สามารถอยู่ตอบแทนบุญคุณพ่อไปตลอด”
“เหลวไหล!” ฟางจินหยวนตะโกนพูด
ฟางไห่เฟิงก็ยิ้มๆ ในรอยยิ้มนั้นมีความเจ็บปวดแฝงอยู่ แล้วหันหลังไปพูดกับผู้หญิงคนนั้นว่า “ถ้าคุณตัดสินใจเองไม่ได้ ก็ให้คนอื่นมาแทนแล้วกัน เป็นไง?”
“สุดหล่อ ยอมตายไม่ยอมแพ้งั้นหรือ?”
ฟางไห่เฟิงก็ยิ้ม “ตายคนเดียว เพื่อแลกกับตระกูลฟางทั้งตระกูล มันคุ้มแล้ว!”
“ไม่นะ!” ฟางจินหยวนตะโกนเสียงดังออกมา “ฟางไห่เฟิง ถ้าเอ็งยังพูดพล่อยๆ อีกล่ะก็ ระวังจะถูกลงโทษกฎของตระกูล!”
หลี่เยว่ก็ดึงตัวของฟางไห่เซิงไว้ บอกเป็นนัยว่าไม่ต้องพูดแล้ว แต่กลับถูกฟางไห่เซิงปัดมือออก “น้องรอง ตระกูลฟางไม่เคยเกรงกลัวใคร พวกเราจะทอดทิ้งนายคนเดียวได้อย่างไร? ไม่ได้ พี่ไม่ยอมเด็ดขาด!”
“เฮียรอง ถึงแม้ผมจะกลัวตาย แต่ผมก็รู้ ว่าตระกูลฟางจะขาดใครไปไม่ได้ ผมไม่ยอมให้พี่มาตายต่อหน้าต่อตาผมเด็ดขาด โดนตัดหัวไป ก็แค่มีแผลใหญ่เท่าปากชามเท่านั้น ตายก็ตาย สู้กับมันเลยตั้ง!”
รอยยิ้มของฟางไห่เซิงยิ่งเจ็บปวดขึ้นเรื่อยๆ ขอเพียงมีความหวังเพียงเล็กน้อย เขาจะต้องตัดใจยอมตายทำไมกัน?
เป็นเพราะเขาเอง ตระกูลฟางก็เลยสามัคคีกันยิ่งกว่าเดิม นี่เป็นเรื่องดี
“สุดหล่อ ถึงแม้ฉันจะฆ่าคนเป็นผักปลา แต่ฉันไม่อยากจะฆ่าคนอัจฉริยะ ฉันขอเตือนให้นายลองคิดดูให้ดี ฉันยังไม่ได้เริ่มการเข่นฆ่าอย่างเต็มกำลังเลยนะ? อย่ามารีบยอมแพ้เร็วขนาดนี้สิ ไม่อย่างนั้นจะเล่นสนุกกันได้อย่างไรกัน? ฉันยังเล่นไม่พอเลยนะ เอาอย่างนี้………ฉันจะให้โอกาสนายอีกครั้ง รอฉันฆ่าคนเสร็จแล้ว นายค่อยตัดสินใจมาเข้าร่วมกับพวกเรา ดีไหม?”
ไม่รอให้ฟางไห่เฟิงเอ่ยปาก ผู้หญิงคนนั้นก็ยิ้มพูดว่า “ฆ่า!”