จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 801 โล่งใจ
ฟางจินหยวนพูดถึงจุดนี้ ก็ร้องไห้น้ำตานอง น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย ความโกรธและไม่ยอมก็ผุดขึ้นมาทันที ดวงตาที่ฝ้าฟางทั้งสองได้กลายเป็นน้ำตก ที่มีน้ำตาไหลลงมาไม่หยุด
ฟางไห่อิงก็อึ้งนิ่งไป
ระหว่างที่เธอไม่อยู่นั้น ตระกูลฟางได้เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ พอนึกถึงเฮียรองและเจ๊สะใภ้รองก็ควรค่าแก่การจะรำลึกถึงวีรกรรมที่ทำไป เรื่องราวความรักที่ฆ่าตัวตายเพื่อความยุติธรรม เธอเองก็อดน้ำตาไหลไม่ได้เหมือนกัน
มีเพียงฟางเหยียน ที่สีหน้านิ่งยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ทุกสิ่งทุกอย่างมันเหมือนจะปะติดปะต่อกันได้แล้ว หลังจากที่เขากลับจากกองทัพ เขาเองก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าตนเองเป็นคุณชายของตระกูลใหญ่ระดับต้นๆ ของประเทศหวา! ถ้าไม่ใช่เพราะเย่เทียนนำตัวเขาไป บางทีเขาจะไม่มีวันนี้ก็ได้
เพื่อที่จะฝึกฝนเขา พ่อได้ปิดบังชาติกำเนิดที่แท้จริงของเขา จริงๆ แล้วมันคือการปกป้องเขา ถึงแม้ความรักแบบนี้มันจะเห็นแก่ตัว แต่จะมีพ่อคนไหนที่จะดูแลลูกตัวเองไม่ดีเล่า? ฟางไห่เฟิงมองกาลไกล ถึงขนาดมองไว้แล้วว่าตนเองจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในอนาคต
ถึงแม้ฟางจินหยวนพูดออกมาจะจริงบ้างเท็จบ้าง แต่จริงๆ แล้ว ก็คืออสูรเพลิงนี่แหละที่บีบบังคับพ่อตนเองจนตาย!
แค้นนี้ เพลิงเสวนจะต้องชดใช้!
ฟางเหยียนก็พูดอะไรไม่ออก ดูเหมือนว่าตอนนี้ พวกเพลิงเสวน ไม่สิ พวกอสูรเพลิงในก่อนหน้านี้ พวกมันได้เริ่มวางแผนหมากกระดานนี้ไว้ตั้งแต่10กว่าปีที่แล้ว ส่วนหมากกระดานนี้จะเดินไปทิศทางไหน เกรงว่าจะมีเพียงหัวหน้าของอสูรเพลิงเท่านั้น ที่จะรู้ดีที่สุด
ทั้งแค้นใหม่แค้นเก่า จะต้องกำจัดให้หมด!
เพื่อแก้แค้นให้พ่อแม่และพี่น้อง ฟางเหยียนก็ยิ่งตอกย้ำความตั้งใจที่จะกำจัดเพลิงเสวนทิ้งเสีย!
แต่ว่า!
ต่อให้ฟางไห่เฟิงมีใจคิดอยากจะตาย เพื่อช่วยเหลือตระกูลฟางให้รอดพ้นจากภัยครั้งนี้ แต่ว่าฟางไห่เฟิงก็ได้ตายด้วยมือของฟางจินหยวน!
แค้นนี้จะลืมไม่ได้!
อสูรเพลิงก็บุกเข้ามาโจมตีอย่างกับสัตว์ร้าย แต่ฟางจินหยวนกลับไม่มีวิธีปกป้องลูกชายตนเองไว้ได้ ยังจะให้ลูกชายตนเองใช้ความตายมาแลกกับความสงบในตระกูลฟาง ความแค้นนี้ ความเกลียดชังนี้ จะลืมไม่ได้!
ไม่ว่าจะเป็นอสูรเพลิงหรือฟางจินหยวน ล้วนเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้ฟางไห่เฟิงและภรรยาต้องตาย!
ฟางจินหยวนร้องไห้ไป แล้วก็ไอออกมา ไอออกมาแต่ละครั้ง ก็ได้สั่นไปทั้งตัว ราวกับการไอแต่ละครั้งกำลังจะเอาชีวิตสุดท้ายของเขาไป
เห็นได้ชัดว่า ชีวิตของฟางจินหยวนจะมาถึงทางตันแล้ว เขาพยายามอดทนไว้อย่างเจ็บปวด เพื่อที่จะพูดเรื่องที่เข้าใจผิดกันในตอนนั้นให้ชัดเจน แต่หลังจากที่พูดออกมา เขาก็เหมือนกับว่าได้ปลดปล่อยตัวเองแล้ว
ในใจมีความยึดติด มีชีวิตอยู่อย่างไม่ปล่อยวาง นี่ก็คือเจตจำนงสุดท้ายของคนที่ใกล้จะตาย!
แต่ตอนนี้ เขาได้เปิดความจริงในปีนั้นออกมา ก็ถือว่าได้บอกกับฟางเหยียนอย่างจริงใจ
ฟางจินหยวนไม่เคยคิดว่าฟางเหยียนจะให้อภัยตนเอง และไม่ได้คิดจะช่วยให้ตนเองพ้นผิดก่อนตาย แต่เขาไม่อยากให้ฟางเหยียนไม่รู้เรื่องความรักและคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ของพ่อแม่ตนเอง พวกเขาสมควรได้รับการเคารพนับถือจากฟางเหยียน และควรค่าที่จะให้คนตระกูลฟางได้เรียนรู้
การตายของฟางไห่เฟิง เขาคือผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย รวมทั้งโม่หลันชิง ผู้เป็นสะใภ้ด้วย เขาไม่มีสิทธิ์ให้ฟางเหยียนมาอภัยให้ตนเอง สิ่งเดียวที่โทษตัวเองก็คือ ในฐานะที่เป็นพ่อคน แต่ไม่ได้ปกป้องลูกชายตนเองให้ดี ในฐานะที่เป็นเจ้าตระกูล ไม่สามารถทำให้ตระกูลฟางสงบสุขรุ่งเรือง ดังนั้น เขาจึงไม่คิดจะขอให้ฟางเหยียนมาอภัยให้ตนเอง!
ต้นเหตุของทั้งหมดไม่ใช่อสูรเพลิง ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษที่ตระกูลฟางไม่มีคนเก่ง ไม่มีคนเก่งพอที่จะมาต้านทานการบุกรุกของอสูรเพลิงได้!
ฟางจนหยวนไม่เคยเปิดเผยความยากลำบากของตนเอง เพราะว่าเขาเป็นเจ้าตระกูล เป็นเจ้าตระกูลที่ต้องเลี้ยงดูคนหลายสิบคน สิ่งที่เขาทำทั้งหมด จะทำให้ทั้งตระกูลฟางมีจุดอ่อนขึ้นมาทุกอย่าง
ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาได้พยายามเอาคนมาต้านทานอสูรเพลิงไว้ตลอด พอกล้าบุกมาถึงที่ พวกเขาก็ใช้กำลังตอบโต้กลับไป แต่ว่าภายใต้กำลังที่เข้มแข็งและการบีบบังคับอย่างสู้ไม่ได้นั้น ได้ทำลายความคิดของเขาไปทั้งหมด ทำลายความเย่อหยิ่งและศักดิ์ศรีของเขาไปจนสิ้น!
อสูรเพลิงก็เหมือนกับช้างตัวใหญ่ ส่วนตระกูลที่อยู่ในระดับต้นๆ ของประเทศหวา ก็เหมือนกับมดตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น จะสู้ศัตรูได้อย่างไร? ต่อให้ต้องไปตาย คนอื่นก็ไม่สนใจ!
สิ่งเดียวที่เขารู้สึกพอใจก็คือ ลูกชายของเขาเป็นผู้ชายที่กล้าหาญมาก เพื่อที่จะไม่ให้ตระกูลฟางล่มสลาย ถึงกับยอมสละชีพตัวเองเพื่อตระกูลฟาง จุดนี้ควรค่าที่จะให้ฟางจินหยวนภูมิใจ
ตระกูลฟางไม่ขาดแคลนคนที่จงรักภักดี แต่สำหรับคนที่มีคุณธรรมยิ่งใหญ่อย่างฟางไห่เฟิงนั้น เขาเป็นความภาคภูมิใจของตระกูลฟาง และเป็นอย่างนั้นมาตลอด ถึงแม้ตอนนี้ฟางเหยียนจะได้เกิดมาจากคนที่กล้าหาญเก่งกาจ และได้เก่งกว่าคนรุ่นก่อนแล้ว แต่ฟางเหยียนก็ยังเทียบกับพ่อของเขาไม่ได้
จะว่าไป ฟางจินหยวนก็ยังคงโกรธตัวเองมากที่ไร้ความสามารถ ถ้าสามารถได้เป็นนินจา บางทีตระกูลฟางอาจจะไม่ได้เป็นแบบนี้!
แต่ดูเหมือนว่าสวรรค์จะล้อเล่นกับตระกูลฟาง!
ส่งคนเก่งๆ มาให้ ไม่นานก็ฆ่าทิ้ง และหลังจากฟางไห่เฟิงเป็นต้นมา ตระกูลฟางก็ไม่มีใครสามารถฝึกวิชาต่อสู้ได้เลย นอกจากหัวสมองที่ทำด้านธุรกิจแล้ว ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการต่อสู้เลยแม้แต่นิดเดียว!
บางคนพูดได้ดีว่า ถึงแม้สวรรค์จะปิดประตูปิดทางของเรา แต่ก็จะเปิดหน้าต่างเป็นช่องทางให้เราด้วย!
และฟางไห่เฟิงก็เหมือนประตูบานนั้นที่สวรรค์ปิดไป ส่วนช่องทางการทำธุรกิจ ก็คือหน้าต่างบ้านเล็กที่สวรรค์เปิดให้เราได้เดิน!
แต่ใครจะรู้เล่าว่า ตระกูลที่ไม่มีนินจา ไม่มีทางสร้างรากฐานหรอก!
นี่ก็คือความจริงที่น่าเจ็บปวด คุณไม่รู้ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะสัมผัสมันไม่ได้ ในโลกนี้ยังมีเรื่องที่ยังไม่รู้อีกมากมาย สิ่งพวกนี้ คุณไม่เคยสัมผัสมันมาก่อน ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปคุยเรื่องนี้ได้!
แต่ตระกูลฟางอยู่ในระดับต้นๆ ของประเทศหวา ถ้าไม่มีสัตว์ในตำนานที่พิทักษ์ตระกูลฟางอย่างขวังซือ ตระกูลฟางก็คงจะถูกทำลายกลายเป็นผุยผงไปนานแล้ว เพราะว่าความเชื่อมันตระกูลฟาง เทพของตระกูลฟาง ได้สิ้นไปแล้ว!
ฟางจินหยวนก็มุ่งมั่นพัฒนา เพื่อที่จะทำตามความหวังของฟางไห่เฟิง ทำตามความคิดของฟางไห่เฟิงให้สำเร็จ
ตอนนี้เขาทำมันได้แล้ว!
ไม่ผิดต่อฟางไห่เฟิง ไม่ผิดต่อตระกูลฟาง ไม่ผิดต่อทุกอย่าง แต่เขาผิดต่อฟางเหยียน!
การตายของฟางไห่เฟิง มันเป็นความผิดที่ฟางจินหยวนไม่มีทางปฏิเสธได้!
จุดนี้ เป็นความเจ็บปวดในใจขอฟางจินหยวนมาตลอด และได้ค่อยๆ กลายเป็นอารป่วยทางใจ หยั่งรากบ่มเพาะเป็นอาการที่รักษาไม่หาย!
เขาไม่เสียใจและเสียดาย เพราะเขาเชื่อว่านี่คือเวรกรรม เป็นโทษที่สวรรค์ส่งมาให้เขาต้องรับกรรม!
จนกระทั่งชีวิตได้มาถึงจุดสิ้นสุด เขาก็เพิ่งรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ฟางไห่เฟิงยอมสละชีพในตอนนั้น!
มีชีวิตอยู่มันไม่ง่ายเลย การผิดต่อคนอื่นถึงจะเป็นความเสียใจที่สุดของความตาย!
ตอนนี้ เขาได้พูดทุกอย่างออกมาแล้ว ก็ถือว่าสบายใจขึ้นมาก
ลึกๆแล้ว เขาก็เหมือนจะเห็นฟางไห่เฟิงกำลังยิ้มและส่งรอยยิ้มมาให้เขา
โล่งใจได้แล้ว!
พอโล่งใจ ในใจก็ไม่มีสิ่งใดช่วยค้ำยัน ฟางจินหยวนก็เคยไร้คุณธรรม แล้วทำตามสิ่งที่รับปากไว้กับตระกูลฟางไว้จนสำเร็จ ได้ทำตามคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ของฟางไห่เฟิง ละความรักอันยิ่งใหญ่ของโม่หลันชิง ที่สั่งเสียไว้สำเร็จแล้ว
เวลาของเขาเหลือไม่มากแล้ว!
แต่ว่า เขาจะต้องเอาตระกูลฟางที่ฟางไห่เฟิงรักษาไว้นี้ คืนให้กับฟางเหยียน!
พอถึงจุดสุดท้ายของชีวิต ฟางจินหยวนก็เจ็บปวด จนไม่อยากมีชีวิตต่อ บวกกับอาการไอ จนทำให้ใบหน้าของเขาเจ็บปวดจนเปลี่ยนรูปร่างไป แต่เขาก็ไม่สนใจ แล้วก็พูดออกมาทีละคำอย่างชัดเจนว่า “เสี่ยวเหยียน ฉันบอกแกมากมายขนาดนี้ ไม่ได้จะเอาความแค้นมาส่งต่อให้แก แต่ฉันอยากให้แกได้รู้ว่า พ่อแม่ของแกเป็นวีรบุรุษ ส่วนเพลิงเสวนนั้น……..”
พูดถึงจุดนี้ ฟางจินหยวนก็ตัวสั่นมากกว่าเดิม ราวกับที่พูดออกมา ได้ใช้พลังงานในตัวไปจนหมดสิ้น!
ฟางเหยียนก็นิ่ง โดยไม่อยากจะมองดูฟางจินหยวนเลย
ฟางจินหยวนยิ้มออกมาอย่างเจ็บปวด แล้วก็พูดออกมาว่า ฉันอยากจะคืนตระกูลฟางให้กับแก แกจะต้องรับปากฉันนะว่า ขอเพียงมีแกอยู่ ตระกูลฟางจะไม่ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย แค่นี้ก็ถือว่าได้ทำตามความหวังของพ่อแกแล้ว!
“คิดอย่างจะโยนเรื่องทุกอย่างให้ผมงั้นหรือ? ช่างสมกับนิสัยการจัดการเรื่องต่างๆ ของฟางจินหยวนจริงๆเลยนะ ก่อนตายยังวางแผนใส่ตัวผมอีกงั้นหรือ? ผมขอบอกเลยนะว่า รีบล้มเลิกความคิดนี้ไปเสียเถอะ!”
ฟางจินหยวนกำลังจะเอ่ยปาก อยู่ดีๆ ฟางเหมี่ยวก็เดินเข้ามา เขาได้มารอนานแล้ว แต่ว่าไม่กล้าเข้ามา เพราะกลัวจะรบกวนฟางจินหยวน แต่ว่าตอนนี้ เขาตัดสินใจออกมา โดยเฉพาะเรื่องเจ้าตระกูลนั้น เขารู้สึกว่า ฟางเหยียนสมควรที่สุดแล้ว ถูกต้อง ที่เขากล้าออกมาก็เพื่อมาเกลี้ยกล่อมฟางเหยียน
“น้องเหยียน ปู่พูดถูกต้อง พี่เองก็เห็นด้วยว่าจะให้นายเป็นเจ้าตระกูล พี่จะคอยช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ไม่มีใจคิดเป็นอื่นแน่นอน”
ท่าทีภักดีของฟางเหมี่ยว ทำให้ฟางจินหยวนพอใจมาก แล้วก็ยิ้มออกมาเบาๆ ใบหน้าแก่ๆ นั้นก็ได้เจ็บปวดจนบิดเบี้ยวไป ถึงจะบอกว่ายิ้ม แต่ดูไปแล้วก็แปลกๆ ราวกับมีคนให้สองมือมาบีบหน้าจนเบี้ยวไปเสียอย่างนั้น