จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 824 คุณท่านจอมพลโผ้จวิน เจ็ดเทียน
ความรู้สึกของหลิวเฟินเหมือนกับรถไฟเหาะ ไม่สามารถสงบนิ่งลงได้!
เมื่อกี้นี้ ฟางเหยียนที่อ่อนข้อให้สองขา พวกเขาต่างก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เขาได้มั่นใจแล้วว่าตัวเองต้องตายแน่นอน แต่ว่าในตอนนี้ สถานการณ์พลิกอีกครั้ง ทำให้เขาที่เดิมทีได้เศร้าสลดไปแล้วกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ยืนให้โดนทำร้าย เขาจะทนได้นานแค่ไหน?
จะไม่ถูกตีจนตายทั้งเป็น?
“พี่เฟิงครับ วิธีนี้ของคุณนี่มันสุดยอดจริงๆครับ กระผมนับถือ เมื่อกี้กระผมยังคิดว่าจะต้องตายแน่นอน ไม่คิดเลยว่าเพียงพริบตาเดียวการตัดสินใจก็อยู่ในกำมือของเราอีกครั้ง ผมคิดมากไปเองครับ ขอให้พี่เฟิงให้อภัยด้วย ผมมันไร้ประโยชน์เกินไปแล้ว!”
“หลิวเฟิน ถ้ายังมีครั้งหน้า ฉันจะไม่เมตตา! ฉันเป็นคนที่นายจะมาสงสัยงั้นหรอ?”
“ครับๆๆ พี่เฟิง ผมผิดไปแล้วครับ” หลิวเฟินยิ้มอย่างโล่งใจ “พี่เฟิงครับ ผมเองก็อยากจะต่อยมัน ให้กระผมไปตัดขาทั้งสองข้างของมันเองครับ!”
หลิวเฟินพูดเสียงเย็นชา “นายก็อยากเลื่อนตำแหน่ง?”
“ไม่ครับ….” หลิวเฟินรีบอธิบาย “พี่เฟิงครับ ผมไม่ได้คิดที่จะทำเกินหน้าครับ ตามติดคุณนับว่าเป็นบุญจากชาติที่แล้วของผมแล้วครับ ผมจะกล้าเลื่อนตำแหน่งขึ้นได้ยังไงกัน ผมก็แค่คิดว่าจะสามารถทำอะไรเพื่อพี่เฟิงสักหน่อยมั้ย เพราะยังไซะสองขานี้ของคุณก็ถูกมันตัด เพราะงั้น เรื่องแบบนี้จะให้พี่เฟิงทำเองได้ยังไงละครับ ให้กระผมไปทำแทนเถอะครับ”
“เก็บความคิดของแกไปซะ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกคิดยังไง!”
หลิวเฟินยิ้มแห้ง “พี่เฟิงครับ ผมไม่ได้คิดอะไรอย่างอื่นจริงๆครับ คิดแค่ว่ามันสู้กลับไม่ได้ ความสำเร็จจะให้คนอื่นรับไปไม่ได้นะครับ อีกอย่าง ลูกน้องพวกนั้น เอาแต่คิดอยากจะเลื่อนตำแหน่ง ถ้าพวกเขาเลื่อนตำแหน่งจริงๆ จะไม่ลอยขึ้นฟ้าไปเลยรึไงละครับ ดังนั้นผมที่คิดถึงความแค้นของคุณ ก็จะต้องให้ผมมาแก้แค้นให้ เพราะยังไงซะผมถึงจะเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อคุณมากที่สุด”
จางไห่เฟิงเหมือนว่าจะนึกอะไรขึ้นได้ ถามออกไปว่า “ความจริงใจของนายฟ้าดินเป็นพยานได้ แต่ว่ามีอยู่ที่คนเบื้องบนของฉันรึเปล่า อันนี้ฉันก็ไม่รู้แล้วสิ”
“พี่เฟิง ผมไม่มีความคิดอย่างอื่นกับคุณแน่นอนครับ คุณก็รู้นี่ครับ ผมไม่ใช่คนที่เบื้องบนส่งมาจับตามองคุณจริงๆ ใช่ครับ เบื้องบนเคยมีการสั่งการมาให้กับผม ให้ผมจับตาดูคุณให้ดีๆ ว่าอย่าให้ทำเรื่องอะไรที่เกินเลย แต่ผมไม่ได้ตอบตกลงกับพวกเขาจริงๆ แม้แต่หลอกใช้ให้เลื่อนตำแหน่ง ผมก็ไม่ได้หวั่นไหวนะครับ”
จางไห่เฟิงดูไม่ออกถึงความตื่นตระหนกของหลิวเฟิน ปฏิกิริยาดูจริงใจมาก ดูท่าแล้วเขาไม่ได้ทำอย่างนั้นจริงๆ
เขาวางใจแล้ว คิดๆแล้วก็พูดว่า “ตอนนี้ฉันมอบความโชคดีให้กับนายอย่างหนึ่ง ถือเป็นการตอบแทนที่นายซื่อสัตย์ต่อฉัน เป็นยังไง?”
เมื่อได้ยินคำนี้ หลิวเฟินก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันใด “พี่เฟิงครับ ความโชคดีอะไรครับ? ทำไมทำให้ผมมีความรู้สึกหวาดกลัวอยู่ละครับ? นี่คุณอะไรกันครับ? ทำไมในใจของผมถึงได้มีความตื่นตระหนกละครับ? ผมทำอะไรผิดไปรึเปล่าครับ ผมจะแก้ไขทันทีนะครับ? ผมใจเสาะ คุณอย่าหลอกผมนะครับ”
“อย่าตื่นเต้นขนาดนั้น นายไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันแค่คิดว่า แบบนี้มันจะง่ายกับคู่ผัวเมียฟางเหยียนเกินไป ช่วยเหลือไปง่ายขนาดนี้ แล้วจะยังเล่นยังไง? เพราะงั้น….”
หลิวเฟินหูผึ่ง เมื่อได้ฟังก็รู้สึกไม่ดีไปทั้งตัว!
จางไห่เฟิงไม่ได้คิดจะมีชีวิตรอดจากไป ส่วนเขาได้เตรียมใจที่จะตายไว้แล้ว แต่เขาไม่อยากให้ฟางเหยียนเอาชนะได้ง่ายขนาดนี้!
“พี่เฟิงครับ นี่คุณจริงจังหรือครับ?” หลิวเฟินถามอย่างสงสัย
“ที่จริงแล้วฉันก็ไม่อยากจะทำแบบนี้ แต่ว่าคำสั่งจากเบื้องบนไม่ทำตามไม่ได้ บวกกับตอนนี้……” จางไห่เฟิงสีหน้าเศร้าใจ “ทำตามที่ฉันบอก ต้องเร็ว ดีที่สุดคือห้ามให้ฟางเหยียนสังเกตเห็น ถ้าถึงตอนนั้นนายอยากจะหนีก็หนีไม่รอดแล้ว”
หลิวเฟินพยักหน้าหนักแน่น หันหลังจากไป ในตอนที่กลับมา อุ้มหยางเซินเซินไว้ ถามว่า “พี่เฟิงครับ คุณจะทำแบบนี้จริงๆ?”
“จะต้องเป็นความลับ ต้องเร็ว ฉันเชื่อว่ายังมีคนแอบมองดูอยู่ เพราะงั้นเวลาที่เหลือไว้ให้นายมีไม่มาก จะต้องพาเธอไปถึงที่องค์กรหลักขององค์กรสัตว์เพลิงให้ได้ แบบนี้ถึงจะช่วยเหลือต่อนายได้มาก ขึ้นสู่ตำแหน่งของฉันน่าจะไม่ยาก!”
พูดว่าจะทำก็ทำเลย!
หลิวเฟินเปลี่ยนตัวอย่างคล่องแคล่ว นำเอาเย่ชิงหยู่ที่ถูกห้อยไว้เปลี่ยนเป็นหยางเซินเซิน แม้แต่เสื้อผ้าก็เปลี่ยน
ทำพวกนี้เสร็จ หลิวเฟินหันหน้าไปถาม “พี่เฟิงครับจะทำแบบนี้จริงๆหรอครับ?”
“รีบไปซะ ก่อนที่กูจะเปลี่ยนความคิด!”
“พี่เฟิง บุญคุณของคุณ กระผมจะมาทดแทนให้ในชาติหน้า รักษาตัวด้วยครับ!”
“ฟางเหยียน ถ้าหากว่าแกกล้าสู้คืน ฉันจะโยนเย่ชิงหยู่ลงไปจากตรงนี้ทันที!”
สิ่งที่ชั่วร้ายคือ ไม่ว่าพวกเขาจะทำร้ายฟางเหยียนยังไง ฟางเหยียนก็ไม่เป็นอะไรเลย แม้แต่ชายเสื้อก็แตะไม่โดนสักนิด
นี่มันเสียแรงเปล่าชัดๆ!
แล้วนี่ยังจะเล่นยังไงได้อีก?
ฟางเหยียนเงยหน้าโดยไม่ตั้งใจ แต่กลับสังเกตเห็นว่าเย่ชิงหยู่ไม่ขยับแล้ว เมื่อเห็นภาพนี้ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นมา
หรือว่าเย่ชิงหยู่ไม่มีลมหายใจแล้ว?
กำลังวุ่นอยู่กับความห่วงใย ทั้งใจของเขารวมอยู่ที่ตัวเย่ชิงหยู่ แต่ไม่สังเกตเห็นความผิดปกติของตัวเธอ!
ถ้าหากว่าเขามีสติสักหน่อย บางทีอาจจะเห็นความผิดปกติไปนานแล้ว!
แต่คนที่ถูกมัดไว้คือผู้หญิงของเขา หากเปลี่ยนเป็นใครก็คงไม่สามารถจะสงบใจลงได้ เขายังถือว่ามีสติแล้ว!
“จางไห่เฟิง!”
จางไห่เฟิงได้ยินแล้วสะดุ้ง “กูยังไม่พอใจ เรียกกูก็ไม่มีประโยชน์!”
“ยังจะนิ่งอยู่ทำไม รีบตีมันซะสิ!”
ฟางเหยียนเอาแต่จ้องเย่ชิงหยู่ไว้ คิ้วไม่เคยคลายตัวเลย
เทียนกางที่อยู่ไม่ไกลนักขมวดคิ้ว “เทียนฝู่ เมื่อกี้นายเห็นมั้ย?”
เทียนฝู่จ้องวิดีโอที่โดรนส่งมา คิ้วขมวดขึ้น จากนั้นก็ปล่อยวางลง “จากข้อมูลที่โดรนส่งมา คุณนายถูกปล่อยลงมาแล้วจริงๆ แต่ว่าพวกมันฉลาดมาก เปลี่ยนไปยังตำแหน่งที่โดรนมองไม่เห็น ดูไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่ว่า….”
เทียนฝู่จ้องวิดีโอที่ส่งมา คิ้วที่คลายตัวลงแล้วก็ขมวดขึ้นอีกครั้ง “คุณนายคนเมื่อกี้ กับคุณนายคนนี้ เหมือนว่าเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมเลย เทียนกางนายตั้งใจดูวิดีโอนี้ให้ละเอียด”
เทียนกางดูแล้วก็ส่ายหัว จากนั้นโยนโทรศัพท์ให้กับเทียนซิง “เทียนซิง นายดูอะไรออกมั้ย?”
เทียนซิงพูดเสียงเข้ม “เหมือนว่าคุณนายจะไม่ขยับแล้ว!”
“ไม่ขยับได้ยังไง นี่ขยับอยู่ไม่ใช่หรอ?” เทียนกางพูดอย่างสงสัย
เทียนซิงรับโทรศัพท์มาพูดว่า “เทียนซิงพูดถูก คุณนายไม่ขยับแล้ว เทียนกางนายอย่าได้ใจร้อน ที่พวกเราพูดว่าคุณนายไม่ขยับแล้ว ไม่ได้มีการเสียมารยาทต่อเธอ และก็ไม่ได้ไม่ให้ความเคารพต่อเธอ แต่ระยะการขยับตัวของคุณนายในตอนนี้ เหมือนกับว่าขยับไปตามแรงลม”
“เทียนซิงพูดถูก นอกจากที่คุณนายไม่ขยับแล้ว เหมือนว่าจะไม่มีเลือดไหลด้วย นี่มันไม่ปกติเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะท่าทางของเธอในตอนนี้แข็งทื่อมาก หรือว่า….” เทียนฝู่พูดถึงนี่ น้ำเสียงก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปเป็นแหบแห้งและทุ้มต่ำ “หรือว่าคุณนายจะ…”
คำพูดนี้ทำเอาทั้งสองร้อนรนขึ้นมาทันที บรรยากาศกลายเป็นกดดันขึ้นมา ถ้าหากว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ไม่อยากจะนึกถึงจุดจบเลย!
“ไม่มีทาง!” เทียนกางส่ายหัวพูดว่า “พี่ใหญ่มีบุญล้นฟ้า คุณนายก็ไม่มีทางเป็นอย่างนี้ อย่าพูดไปมั่ว ระวังจะโดนดี!”
เทียนกางโมโห เทียนซิงและเทียนฝู่เองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่ ถ้าหากว่าคุณนายเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ พวกเขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้!
“เทียนกาง นายจะไปไหน!”
“เทียบกับที่อยู่ตรงนี้แล้วทำอะไรไม่ได้ ไปช่วยคุณนายซะยังจะดีกว่า เทียนขุยและเทียนหลังไปนานขนาดนั้นแล้ว ก็ไม่มีข่าวอะไร ฉันนั่งรอไม่ไหวแล้ว นายและเทียนซิงเฝ้าอยู่ที่นี่แล้วกัน ฉันจะต้องออกไปดูสักหน่อย!”
ไม่รอให้เทียนฝู่พูดโน้มน้าว เทียนกางก็เดินเข้าไปในโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว อัดอั้นมานานขนาดนี้ เขาระบายความโกรธทั้งหมดออกมา เป้าหมายก็คือพวกคนที่ล้อมฟางเหยียนไว้!
“อารมณ์ร้อนของเทียนกางนี่ก็ไม่รู้ว่าจะแก้ได้เมื่อไหร่!”
“เทียนฝู่ อย่าว่าแต่เขาเลย ฉันเองยังอยากจะระบายอารมณ์ออกมา สู้รบมานับไม่ถ้วน มีครั้งไหนที่อัดอั้นขนาดนี้บ้าง พูดจริงนะ กูเฝ้าปกครองดินแดนตะวันตก พวกสารเลวที่อยากจะบุกรุกมีใครบ้างที่ไม่ใช่พวกเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทรมานแบบนี้ ยังไงซะฉันก็ทนไม่ไหวแล้ว”
“อย่า ไอ้เทียนกางนั่นเดิมทีก็เป็นคนที่วางใจไม่ได้อยู่แล้ว นายอย่าได้เลียนแบบมัน เฝ้าที่นี่ให้ดีๆ สังเกตการณ์ต่อไป อย่าได้สร้างความวุ่นวายตามไปด้วยเลย!”
เทียนกางนิสัยดื้อรั้น ไม่รู้จักอ้อมค้อม ทำเรื่องอะไรก็ตรงไปตรงมา เหมือนกับชื่ออย่างแท้จริง